หลากหลายและลงตัว : วิเคราะห์แท็คติก “บียู” เกมเชือดลำพูน 2-0

โปรแกรมการแข่งขัน ไทยลีก นัดที่สามของ แบงค็อก ยูไนเต็ด มองกันตารมหน้าเสื่อแล้ว การออกไปเยือน ลำพูน วอริเออร์ ทีมท้ายตารางที่แพ้มาแล้วสองเกมติด ค่อนข้างจะมีแนวโน้มในการเก็บชัยชนะได้สูง ซึ่งนั่นหมายถึงทัพแข้งเทพจะได้รางวัลเป็นการขึ้นไปครองจ่าฝูงชั่วคราว หากเก็บสามคะแนนได้ตามเป้า

อย่างไรก็ตามเกมที่สนาม แม่กวง สเตเดี้ยม ไม่ใช่งานง่ายเลยของขุนพลแข้งเทพ เนื่องจากฝั่งเจ้าถิ่นมีุนซือที่ชื่อว่า อเล็กซานเดร กาม่า วางแผนมาต่อกรกับลูกทีมของ โค้ชแบน-ธชตวัน ศรีปาน ได้แบบสูสีสุดๆ เป็นการสู้กันของบอลเกมบุกดวลกับบอลเกมรับอย่างแท้จริง

ผลสกอร์ที่ แบงค็อก บุกไปชนะ 2-0 อาจดูเหมือนเป็นงานสบาย แต่รายละเอียดของเกมที่เกิดขึ้นนั้น เจ้าถิ่น ราชันโคขาว สู้กับพวกเขาได้อย่างน่าสูสีสุดๆ ปัจจัยที่ทำให้แข้งเทพสามารถบุกเก็บสามแต้มมาครองได้สำเร็จคืออะไร? ความเปลี่ยนแปลงใดบ้างที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากฤดูกาลก่อนๆ มาลุ้นแแชมป์ได้เต็มตัว ร่วมวิเคราะห์หาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

มิติเกมรุกที่หลากหลาย

หลายฤดูกาลที่ผ่านมา โค้ชแบน ทำทีม แบงค็อก ให้ขึ้นชื่อเรื่องการมีเกมบุกที่ดุดันก็จริง แต่ขาดเรื่องของความคงเส้นคงวา บางนัดเจอกับคู่แข่งที่พวกเขาเหนือกว่าลายช่วงตัว แต่ปรากฏว่าทำแต้มหล่นไปแบบน่าใจหาย

แล้วคู่แข่งที่ฉกแต้มไปจากมือของ แบงค็อก ก็มักจะเป็นทีมในสไตล์รับแล้วสวนกลับได้อย่างน่ากลัว เล่นเกมรับให้เหนียว ปล่อยให้ทัพแข้งเทพบุกจนหมดมุข แล้วรอหาจังหวะสวนเน้นๆ เข้าทำแบบโป้งเดียวจอด คว้าแต้มไปครอง พร้อมกับฝากรอยแผลให้น่าเจ็บใจไปอีก

อย่างไรก็ตามการบุกมาเยือน ลำพูน ในโปรแกรมนัดที่สามรอบนี้ เกมเคาเตอร์แอทแทคของเจ้าถิ่น สร้างความลำบากใจให้กับ แบงค็อก ได้พอสมควรก็จริง เล่นเอาทั้งสองทีมมีโอกาสทำประตูขึ้นนำได้พอๆ กัน แต่ปัจจัยที่แตกต่างในเกมนี้ คือ ความเด็ดขาดของทีมเยือนที่แตกต่างจากซีซั่นก่อนๆ

ลูกทีมของ โค้ชแบน เล่นในเกมของตัวเองมีทีเด็ดอยู่ที่แนวรุกเหมือนเดิม แต่รูปแบบการเข้าทำนั้นแตกต่างออกไป มีให้แนวทางให้เข้าทำหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหาตัวโฉบทะลุกับดักล้ำหน้า โจมตีจากด้านข้าง หรือ การใช้ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น รวมไปถึงมีทีเด็ดเป็นไพ่โจ๊กเกอร์อย่าง ปกเกล้า อนันต์ ในแผงกองกลางที่เติมขึ้นมาทำประตูได้ถึงสองลูกในเกมนี้

การประสานงานอย่างลงตัวในแนวรุกที่ประกอบไปด้วย มาห์มู้ด อีด, รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก และ วิลเล่น โมต้า ทำให้แนวรับของ ลำพูน จับทางแต่ละคนได้ลำบาก เพราะทุกคนล้วนไปกับบอลได้ดีและมีความสามารถเฉพาะตัวในการเอาตัวรอดในสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่งได้สบาย แถมยังมีทีเด็ดในจังหวะยิงประตูอีกด้วย แตกต่างจากสมัยที่มี วานเดอร์ หลุยส์ เป็นแกนหลัก มีดีแค่วูบวาบแต่ไม่มีความเด็ดขาด

นั่นอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ โค้ช แบน กล้าให้สัมภาษณ์เต็มปากว่าทีมของเขาจะลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ตามที่กล่าวไว้ว่า

"เรามีเป้าหมายชัดเจนในทุกฤดูกาลไม่ว่าจะเสริมใครได้หรือไม่ได้ ทรู แบงค็อกฯ ยังเป็นทีมที่มีเป้าหมายสูง มีความคาดหวังสูงจากแฟนบอลและผู้บริหาร จากโค้ชที่ต้องการประสบความสำเร็จกับการลุ้นแชมป์ลีก และบอลถ้วยสักถ้วยหนึ่ง"⁣

"ปีนี้มีเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เข้ามาก็เป็นงานหนักของเราทั้ง 4 ถ้วย ที่ต้องบริหารจัดการผู้เล่น แต่บอลถ้วยและลีกเรายังต้องการเป็นแชมป์อยู่เสมอ"

ตัวของ โค้ชแบน นั้นรู้ว่าการจะสู้กับทีมใหญ่ๆ ที่เสริมผู้เล่นคุณภาพเยี่ยมเข้ามาทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หรือ การท่าเรือ เอฟซี นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่องบประมาณของทัพแข้งเทพ ไม่ได้มากมายขนาดจะเสริมทัพได้ในระดับเดียวกัน ดังนั้นต้องสู้กันด้วยแท็คติกและแผนการเล่น

การเปลี่ยนแปลงที่ลงตัว

บียู แต่แรกเริ่มเดิมทีมีเกมรุกที่ดุดันเป็นทุน แต่จุดอ่อนสำคัญที่โดนทีมอื่นๆ เล่นงานมาทุกฤดูกาล แล้วแก้ไม่หายสักที คือ เรื่องของเกมรับที่พร้อมเสียประตูง่ายๆ ทุกเมื่อ ซึ่งในปีนี้ก็มีการปรับจูนกันใหม่จนมาเจอจุดที่เริ่มลงตัวแล้ว

การปรับเอา นิติพงษ์ เสลานนท์ มารับบทบาทลูกผสม อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค ช่วยในเรื่องของการขึ้นเกมจากแดนหลังได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังมีจังหวะการเติมขึ้นเพื่อลุ้นสอดยิงประตู หรือจะถ่างออกไปครอสบอลก็ได้เช่นกัน

แต่การจะเล่นได้แบบมีอิสระเช่นนั้น แผงกองกลางของ แบงค็อก ต้องทำงานอย่างหนักมากในเกมรับ ซึ่งสามประสานทั้ง ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และ ปกเกล้า อนันต์ ต่างสอดประสานกันได้อย่างลงตัว แถมทุกคนยังมีทีเด็ดในการออกบอลที่แม่นยำในจังหวะสวนกลับอีกด้วย

แดนหลังตรงตำแหน่งเซนเตอร์ที่มี เอเวอร์ตอน จับคู่กับ สุพรรณ ทองสงค์ ถือว่าเข้าขากันพอสมควร แบ่งหน้าที่ตัวชน-ตัวซ้อนได้แบบไม่มีข้อผิดพลาด ถือว่ารับมือกับเกมบุกของ ลำพูน ได้ค่อนข้างดี ยิ่งพอมีกองกลางไดนาโมลงมาช่วยด้วย การเล่นให้มีสมาธิและมีวินัยอยู่กับหน้าที่ของตัวเองก็ดีขึ้นตามลำดับ

แม้ว่าภาพรวมของทีม แบงค็อก จะลงตัวพอสมควรแล้วในเวลานี้ แต่อย่าลืมไปว่าพวกเขายังไม่ได้ใช้ศักยภาพทีมอย่างเต็มร้อย เพราะยังขาดแนวรุกต่างชาติตัวหลักอย่าง บาสเซล จราดี้ และ อมาดู ซูคูน่า ที่ยังไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนี้ ตามเหตุผลที่ โค้ชแบน เคยกล่าวไว้ว่า

"นักเตะต่างชาติตัวใหม่ทั้งสองคนยังอยู่ในช่วงของการเรียกความฟิต ซึ่งทั้งคู่เพิ่งจะมาซ้อมกับทีมได้ไม่กี่สัปดาห์ เรื่องของสภาพร่างกายก็คงต้องรออีกสักระยะ และคงจะยังไม่พร้อมสำหรับไทยลีกในเกมแรกๆ แน่นอน"

การมีขุมกำลังที่หลากหลายมากขึ้นอาจเป็นข้อดีของ บียู ก็จริง แถมยังเป็นนักเตะในโควต้าต่างชาติอีกด้วย แต่ในเมื่อทีมกำลังไปได้สวย ทำผลงานได้ดี ขึ้นอยู่กับเฮดโค้ชแล้วว่าจะตัดสินใจใช้ “ตัวต่างชาติ” ที่เหลือเป็นตัวหลักหรือไม่? เพราะมันย่อมมีความเสี่ยงที่สูงไม่น้อย ในการจะทำให้ทีมต้องปรับจูนความเข้าใจในการเล่นใหม่ นาทีนี้คงเป็นเรื่องหนักใจสำหรับ โค้ชแบน เพราะถ้าไม่ใช้ก็เสียดาย ถ้าใช้ก็ต้องวัดดวง ซึ่งจะออกหัวหรือก้อยก็ไม่มีใครคาดเดาได้

อย่างน้อยจบเกมนี้ บียู ก็ได้กลับไปนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราวอีกครั้ง มีสถานะเช่นเดิมกับตอนหลังจบโปรแกรมเกมลีกนัดแรก แล้วแน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องการยืนอยู่ในตำแหน่งนี้จนจบฤดูกาล พร้อมกับคว้าถ้วยแชมป์มาครองให้ได้ หลังรอคอยมานานแสนนานเหลือเกิน

แหล่งข้อมูล : การชมเกมถ่ายทอดสด

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ประทุม ชูทอง : นักสู้มืออาชีพแห่งโลกบอลเดินสาย
เปิดใจ ‘เบ็ค-สมเกียรติ คุณมี’ : ทำไมตัวท็อป ‘ฟ็อกซ์ฮันท์’ ถึงเลือกเส้นทางบอลเดินสาย ?
‘ผักบุ้ง PBDS’ : หญิงแกร่งแห่งวงการฟุตบอลเดินสาย
‘ใหญ่ นิลวงษ์ ’: โค้ชจอมเลื่อนชั้นแห่ง T3 ที่คุมทีมเดินสายที่ชนะ 100%
สโมสร ‘แตงโม’ : ตำนานแชมป์เงินล้านบอลเดินสายสองปีติดทีมเดียวในประเทศไทย
ศราวุฒิ มาสุข : กับชีวิตใหม่ในเส้นทางฟุตบอลเดินสาย

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด