‘อี คัง-อิน’ เพลย์เมคเกอร์พรสวรรค์ ที่อาจถูกนิสัยแบบ ‘หัวโจก’ ทำลายอนาคต

‘อี คัง-อิน’ เพลย์เมคเกอร์พรสวรรค์ ที่อาจถูกนิสัยแบบ ‘หัวโจก’ ทำลายอนาคต
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

ชื่อของ อี คัง-อิน แนวรุกวัย 23 ปี จากสโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ปรากฎอยู่ในการประกาศชื่อนักเตะทีมชาติเกาหลีใต้ 23 คนสุดท้าย ที่จะเดินทางมาเก็บตัวเข้าแคมป์ เพื่อลงเล่นในศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่จะพบกับ ทีมชาติไทย ในวันที่ 21 และ 26 มีนาคมที่จะถึงนี้

หากวัดกันที่เรื่องของฝีเท้าเพียวๆ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องจาก อี คัง-อิน เป็นยอดนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงในระดับท็อปของวงการฟุตบอลโสมขาว ย้ายออกไปผจญภัยค้าแข้งอยู่ในยุโรปตั้งแต่อายุยังน้อย พร้อมกับความคาดหวังของแฟนบอลในประเทศว่า วันหนึ่งเขาจะก้าวไปเป็นสตาร์ในวงการลูกหนังและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศบ้านเกิด

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออกมาจากทัศนคติของเจ้าตัว ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง รวมไปถึงขัดขวางเส้นทางการค้าแข้งที่อาจไปไม่ไกลเหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับจากสื่อในต่างประเทศและมีแฟนบอลคอยหนุนหลัง ส่วนตัวเขากลับโดนกระแสต่อต้านมากมายจากพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมที่แสดงออกมา

วีรกรรมต่างๆ ของ อี คัง-อิน บนเส้นทางการค้าแข้งที่ผ่านมานั้นเป็นเช่นไรบ้าง? การสร้างรอยร้าวในแคมป์ทีมชาติของเขา ส่งผลเสียอย่างไรกับเจ้าตัว? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

มุ่งสู่ยุโรป

อี คัง-อิน เป็นลูกชายคนเล็กสุดของตระกูล อี โดยคุณพ่อของเขา อี วุน-ซอง เป็นครูสอนกีฬาเทควันโด อยู่ที่เมืองอินชอนบ้านเกิด ซึ่งคุณพ่อของเขามีส่วนผลักดันให้ คัง-อิน ก้าวสู่วงการลูกหนัง จากการเป็นแฟนบอลตัวยงของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานนักเตะทีมชาติอาเจนติน่าผู้ล่วงลับ

PHOTO : Koreaboo

รายการ Fly Shoot Dori ที่เป็นเรียลลิตี้ฟุตบอลโชว์ ซีซั่นที่สาม ออกอากาศในปี 2007 จากการผลิตของสถานีโทรทัศน์ KBS N Sports เป็นรายการที่ทำให้ชื่อของเด็กน้อย อี คัง-อิน เป็นที่รู้จักในวงการฟุตบอล เพราะเขาสามารถแสดงทักษะที่สุดยอดเกินอายุออกมาตั้งแต่ 6 ขวบ จนผ่านการคัดเลือกไปอยู่ในอคาเดมี่ของ ยู ซาง-ชอล อดีตตำนานกองกลางทีมชาติเกาหลีใต้ผู้ล่วงลับ

สองปีต่อมาด้วยวัยเพียงแค่ 8 ปี อี คัง-อิน ก็ถูกรับคัดเลือกเข้าไปเป็นผู้เล่นเยาวชน ชุดอายุต่ำกว่า 12 ปีของสโมสร อินชอน ยูไนเต็ด เข้าศึกษาในโรงเรียน ซอกจอง พร้อมกับได้ลงเล่นฟุตบอลให้กับทีม Flying FC เพื่อพัฒนาฝีเท้าไปเรื่อยๆ ด้วยการแบกอายุเจอกับเด็กที่โตกว่า

พออายุครบ 10 ปี โค้ชที่ฝึกสอนเขามองว่า ศักยภาพฝีเท้าของ อี คัง-อิน นั้นโดดเด่นเกินกว่าจะเล่นฟุตบอลอยู่แค่ในประเทศเกาหลีใต้ จึงแนะนำให้เขาเดินทางไปคัดตัวกับสโมสรดังในประเทศสเปนอย่าง บียาร์เรอัล และ บาเลนเซีย เนื่องจากมีแมวมองจากสองสโมสรนี้เดินทางมาดูฟอร์มของเขา แล้วเกิดความประทับใจ

PHOTO : Koreaboo

แน่นอนว่าโอกาสทองแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ กับนักเตะในโซนเอเชีย ครอบครัวของเขาทั้ง พ่อ, แม่ และพี่สาวอีกสองคน จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ในยุโรปเพื่อดูแล อี คัง-อิน ที่ยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จากการเป็นเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

เขาได้รับสัญญาเป็นนักเตะในอคาเดมี่ของ ไอ้ค้างคาว ในปี 2011 เพราะบ่มฝีเท้าอยู่ในยุโรปเรื่อยมา ไต่ระดับสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆ มาเรื่อยๆ จนในที่สุด อี คัง-อิน ก็ได้โอกาสลงเล่นเป็นเกมแรกให้กับ บาเลนเซีย เบ ในเดิอนธันวาคม ปี 2017 ด้วยการถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 82 เกมที่พบกับ เดปอร์ติโบ อรากอน

ต่อมาในปี 2018 อี คัง-อิน สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้เล่นชาวเกาหลีใต้ ที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการให้กับต้นสังกัดในยุโรป ในศึก โกปา เดล เรย์ ที่เอาชนะ เอโบร ไปได้ 2-1 ซึ่งเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงและอยู่ในสนามนานถึง 83 นาที

ถัดมาวันเดอร์คิดส์รายนี้ ก็ได้ประเดิมสนามบนเวที ลาลีก้า สเปน เป็นครั้งแรกในปี 2019 ด้วยการลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนที่ของ เดนิส เชรีเชฟ ในนาทีที่ 86 นับเป็นผู้เล่นคนแรกและเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดชาวเอเชียที่ลงสนามให้กับ บาเลนเซีย ในวัยไม่ถึง 18 ปี

อย่างไรก็ตามเส้นทางการค้าแข้งของ อี คัง-อิน เหมือนจะไปได้สวยในช่วงแรก แต่ด้วยพฤติกรรมของเขาบางครั้งที่แสดงออกถึงความก้าวร้าว ก็ทำให้ประวัติของตัวเองมีรอยด่างจนได้ เมื่อไปโดนใบแดงไล่ออกในเกมที่บุกพ่าย เรอัล มาดริด 0-3 ในฤดูกาล 2019/20 โดยเขาลงสนามมาแทน โรดริโก้ โมเรโน่ ในนาทีที่ 76 แต่กลับอยู่ในสนามได้เพียงแค่ 13 นาที หลังไปไล่เตะ เซร์คิโอ รามอส สามช็อตติดๆ จนผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกไป

เหตุการณ์ที่ คัง-อิน ไล่เตะ รามอส 3 ครั้งติดจนโดนใบแดง

ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับ บาเลนเซีย ดาวรุ่งโสมขาวรายนี้เหมือนจะยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้มากนัก แม้ว่าจะมีโอกาสลงสนามที่ค่อนข้างมาก แต่ด้วยศักยภาพทีมโดยรวมที่มีปัญหาด้านการเงิน ผู้เล่นไม่พร้อม ย่อมส่งผลให้ ผลงานของเขากระท่อนกระแท่นไปด้วย ลงสนามไปทั้งหมด 62 เกม ทำไปได้แค่ 3 ประตู กับ 4 แอสซิสต์เท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยเอามากๆ สำหรับผู้เล่นในแนวรุก

หลังจากนั้น อี คัง-อิน ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มายอร์ก้า แบบไม่มีค่าตัวในปี 2021 แบบไม่มีค่าตัว ในฤดูกาลแรกผลงานของเขา ยังคงไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ลงเล่นไป 34 เกมทุกรายการ ทำไป 1 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ แต่พอซีซั่นต่อมาที่เริ่มปรับตัวได้ เขาระเบิดฟอร์มการลากเลื้อย ยิงประตู และ แอสซิสต์ แบบกลายเป็นคนละคน ทำสถิติที่ดีขึ้นแบบน่าใจหาย ลงสนามไปทุกรายการ 39 นัด ทำไป 6 ประตู กับ 7 แอสซิสต์

PHOTO : Koreaboo

จากผลงานดังกล่าวกลายเป็นบันไดสำคัญให้สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศศอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตัดสินใจคว้าตัวเขาไปร่วมทีมในฤดูกาล 2023/24 ด้วยค่าตัวสูงถึง 22 ล้านยูโร เรียกว่าเป็นการพลิกชีวิตกลับจาก ‘เกือบดับ แต่กลับมาได้’ ของจริง

ก่อนที่การเจรจาระหว่าง มายอร์ก้า และ เปแอสเช จะลุล่วง เขาไม่เคยออกมากล่าวถึงความเป็นไปได้หรือแย้มแนวโน้มว่าจะย้ายทีมหรือไม่? เป็นการให้เกียรติต้นสังกัด แต่พอหลังจากที่เขากลายเป็นขุนพล ปารีเซียง อย่างเต็มตัว อี คัง-อิน ก็ได้มีการให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า

“ผมมีความสุขมากที่ได้ย้ายมาร่วมทีม PSG ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดบนโลก ผมจะมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาตัวเองในฐานะผู้เล่นและจะทำผลงานอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยทีม ยิ่งไปกว่านั้นผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่เป็นผู้เล่นชาวเกาหลีใต้คนแรกของสโมสรแห่งนี้”
“ผมเลือก PSG เพราะผมจะได้พัฒนาตัวเองท่ามกลางผู้เล่นที่ดีที่สุด ผมชอบความท้าทาย ยินดีที่จะเดินหน้าสู้กับอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา การย้ายมาอยู่ในยุโรปตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นประโยชน์กับผมมากๆ ในการปรับตัว ผมพร้อมที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมฝรั่งเศสและภาษา เพื่อการปรับตัวให้เข้ากับทีมโดยเร็วที่สุด”

ผลงานของ อี คัง-อิน กับต้นสังกัดใหม่แดนน้ำหอม ดูเหมือนจะเริ่มต้นได้ค่อนข้างดีทีเดียว นับมาถึงตอนนี้เขาลงสนามไปแล้วถึง 22 นัดรวมทุกรายการ ทำไป 3 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ มีลุ้นในการแย่งตำแหน่งเป็นตัวหลักของทีมในอนาคต…แต่อีกด้านกับการรับใช้ทีมชาตินั้นต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง

แบดบอยโสมขาว

หากแฟนบอลชาวเกาหลีใต้ มองทาง ซน ฮึง-มิน ซูเปอร์สตาร์จากสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นนักเตะต้นแบบที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน น่ารักและเป็นสุภาพบุรุษทั้งในและนอกสนามตามคำนิยามว่า ‘กู๊ด กาย (Good Guy)’ นักเตะที่จะถูกมองเป็นฝั่งตรงข้ามคงหนีไม่พ้น อี คัง-อิน ที่มักจะแสดงพฤติกรรมหลายๆ อย่างออกมาในทาง ‘แบดบอย (Bad Boy)’

อี คัง-อิน เคยได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งทวีปเอเชียในปี 2019 พาทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดอายุต่ำกว่า 20 ปี จบในตำแหน่งรองแชมป์ในศึก ฟุตบอลโลก ยู-20 พร้อมกับได้รับรางวัลลูกบอลทองคำมาครองจากผลงานอันโดดเด่น ซึ่งเป็นก้าวสำคัญให้เขาถูกดันไปติดทีมชาติชุดใหญ่ในเวลาต่อมา

PHOTO : KFA

อย่างไรก็ตามในเกมอุ่นเครื่องทีมชาติ ระดับ เอ แมตช์ ที่ลงเตะกับ ทีมชาติอิรัก ณ สนาม นิวยอร์ก ยูนิเวอร์ซิตี้ เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปรากฎว่า เขาโชคร้ายโดนใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังมีการปะทะและยั่วยุกันกับคู่แข่ง แล้วกลายเป็นว่าการถูกไล่ออกของเขา คือ เหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับทัพโสมขาวในรอบ 7 ปี กับ 3 เดือน เลยทีเดียว เป็นการจุดกระแสให้สื่อหันมาสนใจพฤติกรรมของเขามากขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา

PHOTO : Koreaboo

ยิ่งไปกว่านั้นชีวิตนอกสนามของ อี คัง-อิน ก็มีข่าวเชื่อมโยงเรื่องการกุ๊กกิ๊กกับ ‘อี นา-อึน’ อดีตสมาชิก เกิร์ล กรุ๊ป วง April จากค่าย เจวายพี เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งผันตัวไปเป็นนักแสดงเต็มตัวอยู่ในตอนนี้ หลังมีข่าวลือและรูปหลุดว่าทั้งคู่เริ่มต้นเดตกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามมันจะไม่เป็นประเด็นเลยถ้าสถานที่ที่ทั้งคู่พบเจอกัน ไม่ใช่โรงแรมซึ่งเป็นที่พักของนักเตะ ‘ทีมชาติเกาหลีใต้’ ที่อยู่ในระหว่างเก็บตัวเพื่อทำศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รวมไปถึงหอพักนักฟุตบอลโสมขาว เพราะก่อนหน้านี้กระแสเรื่องนี้ไม่เป็นเรื่องที่น่าสนใจเท่าไหร่นัก เนื่องจากทั้งคู่นัดเจอกันบนรถหรือบ้านของฝ่ายหญิง

ซึ่งเมื่อกระแสความสัมพันธ์ของ นาอึน และ คัง-อิน ถูกจุดออกมาเป็นประเด็นดราม่า ทางฝ่ายหญิงก็พยายามออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ไว้ว่า

“ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ไม่ใช่การเดตกัน ไม่มีอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อน ขนาดตั๋วรับชมเกมการแข่งขันของเขายังไม่มีส่งมาให้ฉันเลย”
PHOTO : Koreaboo

อย่างไรก็ตามชาวเน็ตก็ยังไม่ยอมที่จะวางมือกับเรื่องนี้ แล้วพยายามหาหลักฐานว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์คบหากันจริง จากการที่มีผู้พบเห็นทั้งสองคนไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกันที่เกาะบาหลี แล้วมีรูปที่สื่อว่าทั้ง คัง-อิน และ นาอึน นั้นไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปการใส่แหวนคู่, วิวถ่ายรูปที่เหมือนๆ กัน และ ภาพถ่ายจากตู้ที่เหมือนใช้ตู้เดียวกัน แถมยังมีแฟนบอลที่ยืนยันว่าพบเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย

งัดรุ่นพี่จนทีมแทบแตก

ประเด็นดราม่าหนักที่สุดที่ อี คัง-อิน เพิ่งประสบพบเจอมาหมาดๆ นั้นเกิดขึ้นในแคมป์ทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดล่าแชมป์เอเชีย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเกมรอบรองชนะเลิศ ที่พวกเขามีคิวพบกับ ทีมชาติจอร์แดน ที่มองมุมไหนทัพโสมขาวก็ดูเป็นต่อ เนื่องจากขนสตาร์จากยุโรปมาแน่นขนัด

อย่างไรก็ตามสื่อในต่างประเทศ รายงานข่าวว่า ซน ฮึง-มิน และ อี คัง-อิน สองสตาร์ประจทีมนั้นมีการปะทะคารมณ์กัน จนเลยเถิดถึงขั้นลงไม้ลงมือเป็นเรื่องเป็นราว แล้วในตอนนี้ก็ยังไม่มีสื่อไหน กล้าฟันธงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนไหนเป็นความจริงกันแน่

เริ่มจากฝั่ง เดอะ ซัน สื่อจอมเสี้ยมในประเทศอังกฤษ ที่เล่าเหตุการณ์เอาไว้ว่า อี คัง-อิน คือหนึ่งในแกนนำของผู้เล่นทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ต้องการรีบกินข้าวเย็นให้หมด เพื่อใช้เวลาที่เหลือในการพักผ่อนหย่อนใจด้วยการตีปิงปอง แต่ทางฝั่ง ซน ที่เป็นผู้เล่นซีเนียร์และกัปตันทีมต้องการให้อยู่พูดคุยประชุมทีมกันก่อน แล้วแสดงอาการไม่พอใจออกมา จนเกิดเป็นการโต้เถียงและลงไม้ลงมือจน ซน ได้รับบาดเจ็บที่นิ้วชี้และนิ้วกลางข้างขวา

ส่วนทางฝั่ง Yonhap News รายงานเหตุการณ์ว่าเดือดกว่านั้น เพราะเดิมที คัง-อิน และกลุ่มนักเตะส่วนหนึ่งตีปิงปองกันอยู่แล้วเสียงดังเกินกว่าเหตุ จนทาง ซน ต้องไปบอกให้เบาเสียงลงแต่ไม่เป็นผล เลยเกิดอาการไม่พอใจแล้วไปกระชากคอเสื้อ คัง-อิน แล้วเป็นทางรุ่นน้องจอมห้าวที่เลือกตอบโต้ด้วยการสาวหมัดใส่ จนเป็นที่มาของอาการบาดเจ็บที่นิ้วมือของ ซน ตามที่สื่อจับภาพได้

เมื่อทางสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ ออกมายืนยันว่า กลุ่มนักเตะในแคมป์มีการทะเลาะกันจริง กระแสแฟนบอลเกาหลีใต้ก็พุ่งเป้าไปโจมตีใส่ อี คัง-อิน ที่เป็นรุ่นน้องทันที เนื่องจากสังคมของบ้านนี้เมืองนี้ต้องให้ความเคารพกับผู้ใหญ่ ไม่สามารถแสดงอาการก้าวร้าวอันไม่ควรออกมาได้ ยิ่งทาง ซน เป็นบุคคลที่แทบจะแตะต้องไม่ได้ของประเทศ เป็นขวัญใจแฟนบอลเบอร์หนึ่ง เรื่องราวเลยบานปลายไปกันใหญ่

ช่องทาง โซเชี่ยล มีเดีย ของ อี คัง-อิน ถูกถาโถมด้วยคอมเมนท์ของชาวเน็ตกว่า 50,000 ข้อความ มีการสส่งหนังสือไปยังสมาคมเพื่อให้ถอดชื่อเขาออกจากการรับใช้ชาติแบบถาวร ยกเลิกการละเว้นการเป็นทหาร และที่หนักที่สุดคงไม่พ้นสปอนเซอร์ในประเทศอย่าง Arachi Chicken, KT และ Nexon ที่พร้อมถอดเขาออกจากการสนับสนุน แถมต้องเสียค่าปรับชดเชยในการทำให้แบรนด์เสียหายรวมเป็นเงินราว  5,000 ล้านวอน - 7,500 ล้านวอน (135 - 200 ล้านบาท) เลยทีเดียว

เมื่อกระแสตีกลับมาหนักถึงขนาดนี้ ไม่มีทางที่ อี คัง-อิน จะอยู่เฉยไหว พร้อมตัดสินใจโพสต์ข้อความขอโทษผ่านทาง อินสตาแกรม ส่วนตัวเอาไว้ว่า"สวัสดีครับ ผม อีคัง-อิน จากการนำเสนอข่าวของสื่อว่า ผมทะเลาะกับ ซน ฮึง-มิน ก่อนก่อนแข่งรอบ 4 ทีมสุดท้ายในศึก เอเชียน คัพ ที่ผ่านมา"

"ผมขอโทษจริงๆ ครับ ที่ผมได้มอบความผิดหวังครั้งใหญ่ให้กับแฟนบอลคนที่คอยให้กำลังใจทีมชาติของพวกเรามาตลอด ผมควรจะเชื่อฟังคำพูดของพวกพี่ๆ ที่เป็นผู้นำ ผมรู้สึกเสียใจที่ได้แสดงภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้เหล่าแฟนบอลได้เห็นกัน ผมขอโทษทุกคนที่ผิดหวังในตัวผม ผมรู้ดีถึงความคาดหวังและความสนใจที่แฟนบอลมอบมาให้ผม จากนี้ไปผมจะคอยช่วยพวกพี่ ๆ และพยายามเป็นนักกีฬาที่ดีขึ้น เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมครับ"

ภายหลัง คัง-อิน ตัดสินใจเดินทางไปยัง กรุงลอนดอน เพื่อทำการพบปะพูดคุยและขอโทษกับ ซน ฮึง-มิน พร้อมปรับความเข้าใจให้เรื่องดังกล่าวมีจุดจบที่ดีร่วมกัน ซึ่งแน่นอนว่า กู๊ด กาย อย่าง ซน ต้องยอมรับคำขอโทษ พร้อมกับโพสต์รูปคู่และข้อความ เพื่อให้แฟนบอลให้อภัยน้องและตัวเขากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยสรุปว่า

"คัง-อิน ไตร่ตรองถึงการกระทำของเขาและขอโทษจากใจจริง ต่อผู้เล่นทุกคนในทีมชาติรวมถึงตัวผมด้วย แน่นอนว่าตอนที่ผมยังเป็นดาวรุ่ง ผมเองก็เคยทำตัวแย่ๆ ทำผิดพลาดมากมาย แต่ผมมาถึงจุดที่เป็นทุกวันนี้ได้เพราะคำแนะนำและคำสอนจากรุ่นพี่ที่ดี"
"เพื่อไม่ให้ คัง-อิน ทำสิ่งผิดๆ แบบนี้อีก ผู้เล่นของเราทุกคนในฐานะรุ่นพี่ในทีมชาติและผมในฐานะกัปตันทีม เราจะช่วยกันดูแลเขา เพื่อให้เขาได้เติบโตเป็นผู้เล่นที่ดี เขากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมากหลังจากเหตุการณ์นั้น ผมอยากให้ทุกคนยกโทษเขาสักครั้งด้วยใจที่มีเมตตา อย่างน้อยในฐานะที่ผมเป็นกัปตันทีมนี้"

แม้ว่าเหตุการณ์ยุ่งเหยิงทั้งหมดในแคมป์ทีมชาติเกาหลีใต่ครั้งนี้จะจบลงด้วยดี แต่ก็ไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่า ความห้าว และ ลักษณะนิสัยการเป็นหัวโจกของ “อี คัง-อิน” จะสามารถถูกแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น อาจเป็นเพราะสังคมที่เขาเติบโตมาในยุโรปนั้นแตกต่างจากในประเทศเกาหลี หรืออาจจะเป็นเพราะทัศนคติส่วนตัวของเขาก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง

สิ่งที่ ฮวาง ซอน-ฮง เฮดโค้ชรักษาการณ์ ต้องจัดการให้ได้ คือ การสร้างบรรยากาศที่ดีในแคมป์ทีมชาติครั้งนี้ ที่เป็นการเตรียมตัวเพื่อทำศึกสำคัญกับ ทีมชาติไทย บนเวที ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ซึ่งมีเวลาให้ปรับจูนทัศนคติของนักเตะไม่มากนัก แล้วเป็นการบ้านที่ค่อนข้างหนักทีเดียว เพราะว่าแรงกดดันจากแฟนบอลกำลังถาโถมเข้ามาอย่างหนัก

การตัดสินใจเรียกทั้ง ซน และ อี คัง-อิน เข้ามาติดทีมพร้อมๆ กันครั้งนี้ เป็นความเสี่ยงที่ โค้ชฮวาง พร้อมจะเดิมพัน ซึ่งผลงานในสองเกมครั้งหน้า คือ ผลลัพธ์สำคัญกับทั้งตัวเขาเอง, ทีมชาติ และรวมไปถึง อี คัง-อิน ที่ต้องแสดงให้เห็นว่าตัวของเขาเติบโตและเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นเส้นทางการค้าแข้งของเขาอาจจบลงแบบไม่สวยนัก เหมือนกับ แบดบอย ในวงการลูกหนังหลายๆ คนที่น่าเสียดายพรสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : 

https://thinkcurve.co/lnge-ykandwydii-chn-ophstai-cchii-ekhliiyraicch-ii-khang-in-aelw/

https://www.khaosod.co.th/sports/news_8096560

https://www.koreaboo.com/stories/lee-kang-in-football-current-bad-boys-life-relationship-fight-son-heung-min-dating/

https://www.koreaboo.com/news/psg-lee-kang-in-lee-naeun-april-bali-photos/

https://en.wikipedia.org/wiki/Lee_Kang-in

https://www.spotvnews.com/news/articleView.html?idxno=79158

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ