ก่อนอาร์เจนตินาแพ้ซาอุฯ : ย้อนรอย 11 เเมตช์ประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก พลิกล็อคช็อกโลก

ก่อนอาร์เจนตินาแพ้ซาอุฯ : ย้อนรอย 11 เเมตช์ประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก พลิกล็อคช็อกโลก
ปฐมพร จาวะลา

หลังจากที่ ซาอุดิ อาระเบีย สร้างวีรกรรมสุดช็อกโลกด้วยการเอาชนะเต็ง 2 อย่างอาร์เจนติน่า ไป 2-1 ในนัดเปิดสนามของกลุ่ม ซี  เเต่นี่ไม่ใช่ครั้งเเรกในฟุตบอลโลก เคยมีเหตุการณ์พลิกล็อคช็อกโลกมาเเล้วนับไม่ถ้วน

คิดไซด์โค้งจะพาเพื่อนๆไปย้อนรอยดู 10 เเมตช์ประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ที่เกิดการพลิกล็อค ช็อกกันไปทั้งโลกเเบบไม่มีใครคาดคิดที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกกัน

1.สหรัฐอเมริกา 1-0 อังกฤษ 1950

ปี 1950 ฟุตบอลโลกจัดกันที่ประเทศบราซิล หลังจากห่างหายไปถึงสองครั้งเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เเละในนัดที่สองของรอบเเบ่งกลุ่ม เกมระหว่างอังกฤษกับสหรัฐอเมริกาก็เกิดเรื่องช็อกโลกขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : Deep-Lying Forward : การเปลี่ยนร่างจากสายถล่มประตูสู่จอมปั้นเพื่อนของ “แฮร์รี่ เคน”

Deep-Lying Forward : การเปลี่ยนร่างจากสายถล่มประตูสู่จอมปั้นเพื่อนของ “แฮร์รี่ เคน” | คิดไซด์โค้ง
การเปลี่ยนตำแหน่งและวิธีการเล่นของ แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมชาติอังกฤษ ในฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษเดินทางมาในฐานะตัวเต็งของรายการ นำทีมมาโดย อัลฟ์ เเรมซี่ย์ ทอม ฟินนี่ย์ เเละ บิลลี่ ไรท์ หวังจะประกาศให้โลกรู้ว่าพวกเขาคือราชาของโลกฟุตบอล มีเเต่เหล่านักเตะอาชีพที่มาจากสโมสรต่างๆในลีกอังกฤษ

ส่วนสหรัฐอเมริกานั้นเป็นการรวมกลุ่มกันของพนักงาน พาร์ท ไทม์ คนล้างจาน คนงานก่อสร้างเเละคุณครูรวมตัวกันซ้อมฟุตบอล เเละลงเรือมาเเข่งขันที่บราซิล เหมือนเป็นกลุ่มรวมการเฉพาะกิจมากกว่า เเละเเพ้รวดมา 7 นัดติดต่อกัน เเละเสียไปถึง 45 ประตู ก็ไม่แปลกที่คนจะมองว่าเป็นหมูมาให้เชือดเเน่นอน

ความห่างชั้นของสองทีมนี้นั้นต่างกันลิบลับ เเต่เรื่องใจสู้นี้ต้องให้สหรัฐฯ … เพราะในนาทีที่ 38 โจ เก็ทเจ้นท์ โหม่งประตูออกนำให้สหรัฐไปก่อน หลังจากนั้นอังกฤษพยายามบุกหนักทวงประตูคืนในครึ่งหลัง เเต่ทำยังไงก็ไม่สามารถยิงผ่านมือ เเฟรงก์ บอร์กี้ ผู้รักษาประตูของสหรัฐอเมริกาไปได้ จบเกม สหรัฐพลิกล็อกเอาชนะไปได้เเบบที่คนทั้งโลกต้องตะลึง 1-0

2.เกาหลีเหนือ 1-0 อิตาลี 1966

อิตาลีเดินทางมาฟุตบอลโลกปี 1966 ที่อังกฤษ ในฐานะทีมเต็งเเชมป์ ต้องมาเจอกับ เกาหลีเหนือ ในนัดสุดท้ายของรอบเเบ่งกลุ่ม อิตาลีต้องการเพียงเเค่ผลเสมอก็จะเพียงพอเเล้วต่อการได้เข้ารอบน็อคเอาท์

อิตาลีนั้นนำทัพมาด้วยสองผู้เล่นจากคนละฟากฝั่งของเมืองมิลาน จานนี่ ริเวร่า เเละ ซานโดร มัซโซล่า ทั้งสองคือซูเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอลอิตาลี เเต่เกิดมีปัญหาขึ้นมาเพราะว่า จาโคโม่ บัลกาเรลลี่ กองกลางตัวเก่งของอิตาลีเกิดบาดเจ็บขึ้นมาเเละเล่นต่อไม่ไหว ทำให้อิตาลีเหลือผู้เล่นเเค่ 10 คน เพราะในสมัยนั้นยังไม่อนุญาติให้มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้

เเละหลังจากนั้นเเค่ 7 นาที กลายเป็น ปาร์ค ดู อิ๊ก ยิงประตูเข้าไปและช่วยให้เกาหลีเหนือเอาชนะ อิตาลี ไปได้ 1-0 เเละพาเกาหลีเหนือเข้ารอบน็อคเอาท์พร้อมกับถีบส่งเเชมป์โลกสองสมัยตกรอบเเรกกลับบ้านก่อนเพื่อนเเบบงงกันทั้งโลก

3.แอลจีเรีย 2-1 เยอรมันตะวันตก 1982

ครั้งนี้ฟุตบอลโลกจัดขึ้นที่สเปน เยอรมันตะวันตกเดินทางมาฟุตบอลโลกครั้งนี้ในฐานะเเชมป์ยุโรป เเชมป์โลกสองสมัย เเละตัวเต็งในครั้งนี้ นำทัพเหล่าซูเปอร์สตาร์มากมายทั้ง ฮานซี่ มุลเลอร์  โวล์ฟกัง เดรมเลอร์   คาร์ล ไฮนซ์ รุมมินิเก้  เเละ โลธาร์ มัทเธอุส พร้อมที่จะไล่บี้ทุกทีม เเต่เพียงเเค่นัดเเรกของรอบเเบ่งกลุ่มทุกคนก็ต้อง เบรกเเตก ร้องเห้ย ไปตามๆกัน


บทความที่เกี่ยวข้อง : ศิษย์-อาจารย์, เพื่อน, คู่แข่ง : ญี่ปุ่น-เยอรมัน ความสัมพันธ์ลึกซึ้งผ่านฟุตบอล


เยอรมันเจอกับแอลจีเรีย ที่ได้มาร่วมเข้าเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งเเรก เเละเเทบไม่มีใครรู้จักพวกเขา จบครึ่งเเรกยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันอยู่ที่ 0-0  เเต่พอเริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน อาจจะด้วยความประมาทของเยอรมันทำให้แอลจีเรียออกนำไปก่อนจาก ราบาห์ มาดเจอร์ ในนาทีที่ 54 ก่อนที่ รุมมินิเก้จะตีเสมอให้เยอรมันในนาทีที่ 67 เเต่พอเขี่ยปุ๊บ แอลจีเรียเอาบอลบุกขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนที่จะปาดเข้าไปให้ลัคดาร์ เบลลูมี่ กองหน้าของทีมวิ่งมาแปบอลเข้าไปเป็นประตูชัยให้แอลจีเรียเอาชนะตัวเต็งอย่างเยอรมันตะวันตกไปได้ 2-1

4.ไอร์เเลนด์เหนือ 1-0 สเปน 1982

ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 1982 มีอีกเเมตช์ที่ถือเป็นการพ่ายเเพ้เเบบช็อกโลก งงกันไปทั้งทวีป เมื่อไอร์เเลนด์เหนือต้องเจอกับเจ้าภาพอย่างสเปนในนัดสุดท้ายของรอบเเบ่งกลุ่ม

หลังจากเสมอมาสองนัด ในนัดนี้ไอร์เเลนด์เหนือต้องการชัยชนะสถานเดียวเท่านั้นถึงจะมีโอกาสมีลุ้นผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ เเต่มันเหมือนเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ ชื่อทีมก็ห่างชั้นกันมากเกินไป เเถมสเปนยังเป็นเจ้าภาพอีก ดูยังไงก็เเทบไม่มีโอกาสเลย

เเต่พอถึงเวลาเเข่งขันไอร์เเลนด์เหนือสวมวิญญาณนักสู้ วิ่งเข้าใส่เเละสู้กับสเปนได้อย่างเมามัน ทุกคนดูมีความมุ่งมั่นเพื่อที่จะเข้ารอบให้ได้ เเละความพยายามส่งผลสำเร็จมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 47 ก่อนที่จะมีผู้เล่นโดนใบเเดงในนาทีที่ 61 ทำให้ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ไอร์เเลนด์เหนือ 10 คน ต้องสู้กับสเปน เเละต้านทานให้อยู่

สุดท้ายพวกเขา 10 คน ทำได้ ต้านทานสเปนไว้ได้อย่างหมดจด จบเกม ไอร์เเลนด์เหนือเอาชนะสเปนไป 1-0 เเละกอดคอกันเข้ารอบน็อคเอาท์

5.เเคเมอรูน 1-0 อาร์เจนติน่า 1990

เเชมป์เก่าเเละเต็งหนึ่งอย่างอาร์เจนติน่าที่ตอนนั้นนำทัพโดย ดิเอโก้ มาราโดน่า นักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกขณะนั้น ลงเล่นนัดเเรกในรอบเเบ่งกลุ่มกับกับเเคมเมอรูน

นี่เป็นฟุตบอลโลกครั้งเเรกของชาวเเคเมอรูน นักบอลส่วนใหญ่ของเเคเมอรูนค้าเเข้งอยู่ในประเทศตัวเอง ไม่ค่อยมีใครรู้จักนักเตะเเคเมอรูนมากนัก

ไม่มีใครคาดคิดว่าเเคเมอรูนจะต่อกรกับอาร์เจนติน่าที่มี มาราโดน่า ได้ เเต่พอเริ่มเกมมากลายเป็นเเคเมอรูนที่สู้ได้ดี เเละมาได้ประตูชัยในครึ่งหลังในนาทีที่ 67 จากลูกโหม่งของ ฟรังซัว โอมาม บิยิค เเละถึงเเม้จะโดนใบเเดงไล่ออกไปสองคนเหลือผู้เล่นเเค่ 9 คนในสนาม อาร์เจนติน่า ก็ยังทำอะไรเเคเมอรูนไม่ได้ จบเกม เเคเมอรูน เอาชนะไป 1-0 เเละสามารถไปได้ไกลจนถึงรอบเเปดทีม สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมเเรกของแอฟริกาที่ไปได้ถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เปิดตัวในฟุตบอลโลกได้สวยงาม

6.ฝรั่งเศส 0-1 เซเนกัล 2002

ฝรั่งเศสมาฟุตบอลโลก 2002 ที่เอเชีย ในฐานะเเชมป์เก่าเเละตัวเต็งของรายการ นักเตะกว่าครึ่งทีมยังเป็นหน้าเดิมๆจากชุดที่ได้เเชมป์โลกเมื่อปี 2002  มีทั้งซีเนอดีน ซีดาน ปาทริค วิเอร่า เธียร์รี่ อองรี ซูเปอร์สตาร์ล้นทีม มีเเต่นักเตะระดับเเถวหน้าของยุโรป

บทความที่เกี่ยวข้อง : ฝรั่งเศส 0-1 เซเนกัล : เบื้องหลังนัดเปิดสนามที่พลิกล็อคที่สุดในประวัติศาสตร์บอลโลก


ส่วนเซเนกัล ครั้งนี้เป็นฟุตบอลโลกครั้งเเรกของพวกเขาเเละนัดเเรกนัดเปิดสนามต้องลงเล่นกับฝรั่งเศสเเชมป์เก่า เเค่ได้ยินก็มีสะดุ้งเเล้ว เเต่นักเตะเซเนกัลไม่เคยกลัว พวกเขาลงไปเล่นอย่างเชื่อมั่น เอล ฮัดจิ ดิยุฟ โชว์ฟอร์มสุดสะเด่าปั่นป่วนกองหลังฝรั่งเศสไปหมด

เเละเซเนกัลมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 30 จาก ปาปา บูบา ดิย็อป หลังจากนั้นเซเนกัลตั้งรับกันอย่างมีระเบียบวินัย ช่วยกันวิ่งช่วยกันเล่น ฝรั่งเศสหาทางเจาะยังไงก็เจาะไม่เข้า จบเกม เซเนกัลเอาชนะฝรั่งเศสไปได้ 1-0 เเละไปได้ไกลถึง รอบ 8 ทีมสุดท้าย สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมที่สองของแอฟริกา ที่สามารถไปถึง รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ ส่วนฝรั่งเศสเเชมป์เก่าฟอร์มบู่มากๆตกรอบกลับบ้านตั้งเเต่รอบเเบ่งกลุ่ม

7.บัลเเกเรีย 2 -1 เยอรมัน 1994

ปี 1994 เป็นฟุตบอลโลกครั้งเเรกบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกา เดินทางมาจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเเละเป็นการพบกันระหว่างบัลเเกเรียกับเยอรมัน

เยอรมันชุดนั้นนำทัพมาด้วย เจอร์เก้น คลินส์มันน์ รูดี้ โฟลเลอร์ เเละโลธาร์ มัทเธอุส

ส่วนบัลเเกเรียนำทัพมาด้วย ฮริสโต สตอยคอฟ กองหน้าตัวเก่งจากบาร์เซโลน่า

ดูเหมือนจะเป็นงานง่ายของเยอรมันสู่เส้นทางการเป็นเเชมป์โลกสมัยที่ 4 เพราะบัลเเกเรียไม่ได้ถือเป็นทีมที่เเข็งเเกร่งมากนักถ้าเทียบกับเยอรมัน เเต่ผิดคาดครับท่านผู้ชม บัลเเกเรียสู้ได้เเข็งเเกร่ง จบครึ่งเเรกยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันอยู่ที่ 0-0 เริ่มครึ่งหลังมาเป็นเยอรมันที่ยิงออกนำไปก่อนจาก โลธาร์ มัทเธอุส

เเต่บัลเเกเรียไม่ยอมเเพ้ง่ายๆมาได้สองประตูติดต่อกันในเวลาห่างกันเพียงไม่กี่นาที จาก ฮริสโต สตอยคอฟ เเละยอร์เเดน เลชคอฟ พลิกเเซงเอาชนะไป 2-1 พาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศเเบบหักปากกาเซียน เเละเขี่ยตัวเต็งอย่างเยอรมันตกรอบไป

8.เยอรมัน 7-1 บราซิล 2014

ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ดำเนินมาจนถึงรอบรองชนะเลิศเเละเป็นการโคจรมาพบกันของเจ้าภาพ บราซิล เเละตัวเต็งของรายการอย่างเยอรมัน สำหรับชาวบราซิลเเล้วพวกเขาเหลือเเค่อีก 2 เเมตช์ ก็จะได้เป็นเเชมป์โลกสมัยที่ 6 บนผืนเเผ่นดินของตัวเอง เป็นความฝันอันหอมหวานที่พวกเขาวาดภาพไว้ เเต่ภาพนั้นต้องพังทลายลงด้วยน้ำมือของเยอรมัน

เกมนี้บราซิลขาดตัวหลักอย่าง เนย์มาร์ ซุเปอร์สตาร์ของทีม ที่บาดเจ็บหนักในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ไม่สามารถช่วยทีมได้ในนัดที่เหลือของทัวร์นาเมนต์ เเต่บราซิลก็ยังมั่นใจว่าจะผ่านไปได้ เเต่เริ่มเกมมาได้เพียงเเค่ 30 นาที ชาวบราซิล ก็ต้องน้ำตาเเตกความฝันพังทลาย เพราะเพียงในนาทีที่ 30 ของการเเข่งขันเยอรมันก็ออกนำบราซิลไปแล้ว 5-0 บราซิลเล่นเเบบสู้ไม่ได้เลย จบเกม เยอรมันเอาชนะไปได้ 7-1 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เเละก้าวขึ้นไปเป็นเเชมป์ในที่สุด ส่วนบราซิลเจ้าภาพอกหักต้องไปชิงที่ 3 เเทน

9.เนเธอร์เเลนด์ 5-1 สเปน 2014

นัดเปิดสนามของรอบเบ่งกลุ่มในกลุ่ม บี เป็นการโคจรมาพบกันของ คู่ชิงเมื่อ 4 ปี ที่เเล้ว เรียกได้ว่าเป็นการรีเเมตช์ เสมือนการจำลองนัดชิงของครั้งที่เเล้วขึ้นมาใหม่

ผู้คนต่างพากันตั้งตารอดูเเมตช์หยุดโลกนัดนี้ เเละคาดการณ์ว่าต้องเเมตช์ที่สูสี สู้กันสนุก ต่างฝ่ายต่างเเลกกัน ไม่มีใครยอมเเพ้ง่ายๆ เเต่เปล่าเลย กลายเป็นเนเธอร์เเลนด์ที่สนุกอยู่ฝั่งเดียว ไล่ถลุงสเปนเเบบไม่เหลือซาก

จริงๆเเล้วสเปนออกนำก่อนด้วยซ้ำจากลูกจุดโทษของ ชาบี อลอนโซ่ เเต่จุดเปลี่ยนของเกมมันมาเกิดในจังหวะลูกตีเสมอของเนเธอร์เเลนด์ที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กระโดดตอร์ปิโดพุ่งโหม่งบอลข้ามหัว อิเคร์ คาซิยาส เข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม ผู้เล่นสเปนช็อกงุนงงกันไปทั้งสนาม หลังจากนั้นกลายเป็นเนเธอร์เเลนด์ที่พับสนามไล่เอาคืนสเปนเเละกดไป 5 ลูก จบเกม เอาชนะไปได้ 5-1

เเละเกิดเป็นวลีสุดฮิตไปทั่วโลกจากลูกโหม่งของ ฟาน เพอร์ซี่ ว่า เขาคือ ฟลายอิ้ง ดัตช์เเมน เเละไม่รู้จะเป็นเพราะเเพ้เยอะเลยขวัญเสียเลยรึเปล่า อีก 2 นัดที่เหลือ สเปนเเชมป์เก่าโชวฟอร์มไม่ออกตกรอบตั้งเเต่รอบเเบ่งกลุ่ม

10.เกาหลีใต้ 2-0 เยอรมัน 2018

เยอรมันเดินทางมาที่รัสเซียในฐานะเเชมป์เก่าพร้อมสุดๆสำหรับการป้องกันเเชมป์ เกมการเเข่งขันกันดำเนินมาถึงนัดสุดท้ายของรอบเเบ่งกลุ่ม เยอรมันพบกับเกาหลีใต้ เยอรมันต้องการชัยชนะเพื่อที่จะเข้ารอบ ส่วนเกาหลีใต้ลงเล่นเพื่อศักดิ์ศรีเพราะพวกเขาตกรอบไปแล้วเกมนัดนี้ไม่มีผลอะไรต่อพวกเขา

เหมือนจะเป็นงานง่ายๆของเยอรมันเจอทีมที่ระดับต่ำกว่าเเถมยังตกรอบไปแล้ว สื่อเเละเเฟนบอลต่างคิดว่ายังไงเยอรมันก็ชนะเเน่ๆ เพราะความเเข็งเเกร่งมันต่างกันเเถมเกาหลีใต้ไม่เหลือเเรงจูงใจสำหรับการจะเอาชนะเเล้ว

เเต่เพราะศักดิ์ศรีคำว่าบอลโลกมันค้ำคอ ใครจะไปยอมให้ชนะง่ายๆ กลายเป็นว่าเกาหลีใต้มาสู้ได้ดีไม่ยอมให้เยอรมันยิงง่ายๆ เกมดำเนินไปเยอรมันพยายามจะเจาะยังไงก็ยิงไม่เข้า บุกเเล้วบุกอีก เเต่ทำยังไงก็ยังไม่สามารถส่งบอลให้ข้ามเส้นประตูของเกาหลีไปได้ จนเกาหลีมาได้ประตูจากลูกเตะมุมในนาทีที่ 92 เเบบช็อกตาตั้ง หลังจากนั้นเยอรมันพยายามจะเอาคืนให้ได้ กลายเป็นโถมมากเกินไป โดนซน ฮึง มิน มายิงประตูตอกฝาโลง 2-0 ในนาทีที่ 96 พาเเชมป์เก่าตกรอบเเรกกลับบ้านไปพร้อมกับพวกเขา ถือว่าเเสบจริงๆ

เเละเป็นครั้งที่สามติดต่อกันในฟุตบอลโลกที่เเชมป์เก่าจากฟุตบอลโลกครั้งก่อนตกรอบตั้งเเต่รอบเเรก

11.เกาหลีใต้ 2-1 อิตาลี 2002

เกมการเเข่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเจ้าภาพเกาหลีใต้โคจรมาพบกับอิตาลีที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ขนกันมาทั้งหมด ทั้งฟรานเชสโก ต็อตติ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน เเละอเล็กซันโดร เดล ปิเอโร

ถึงเเม้เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพเเต่ดูยังไงก็ไม่น่าไหว คิดว่าไม่น่าจะสู้ความเเข็งเเกร่งของอิตาลีได้ เเต่พอเสียงนกหวีดในสนามดังขึ้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

เกมนี้อะไรๆก็ไม่เป็นใจให้อิตาลีไปหมด ทำอะไรก็ผิดพลาด ไม่ก เเถมโดนเตะยังไงก็ไม่ได้ฟาวล์ มันเลยทำให้กลายเป็นเกมหนักเเละเป็นเกมที่อึดอัดทั้งเกม จบ 90 นาที ยังเสมอกัน 1-1

ในช่วงต่อเวลาพิเศษฟรานเชสโก ต็อตติ โดนใบเหลืองใบที่สองกลายเป็นใบเเดง ผู้ตัดสินบอกว่าเขาพุ่งล้ม  ถูกไล่ออกจากสนามไป อิตาลีเหลือ 10 คน เเบบค้านสายตาคนทั้งโลก เเละด้วยความที่ทำยังไงก็ยิงไม่ได้สักทีเเละบวกกับการตัดสินแปลกๆของผู้ตัดสิน สุดท้ายกลายเป็นเกาหลีใต้ที่ยิงประตูเข้าไปเเล้วเอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 เข้ารอบด้วยกฎโกลเด้น โกล เเบบช็อกกันทั้งวงการ กลายเป็นหนึ่งในฟุตบอลโลกที่มีคำครหามากที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยมีมา

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ