ได้อะไรบ้าง ? : WAFF2023 โอกาสดีที่ห้ามพลาดของทีมชาติไทย
ไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้วสำหรับกำแพงอาเซียน หลังทีมชาติไทยคว้าแชมป์ AFF2022 มาครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์สมัยที่ 7 จากการแข่งขันทั้งหมด 14 ครั้งของทัพช้างศึก
และถ้าหากการพัฒนาเปรียบเหมือนกับก้าวเดินขึ้นบันได บันไดขั้นถัดไปที่รออยู่ของทีมชาติไทยนั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นคือการได้ดวลกับยอดทีมจากประเทศอาหรับในรายการ WAFF Championship 2023 หรือ ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียตะวันตก
รายการนี้มีดีอะไร ทีมชาติไทยควรส่งทีมชุดไหนไป ถ้าแพ้อันดับฟีฟ่าเราจะตกหรือไม่ ? ถ้าชนะอันดับเราจะขยับมาเป็นที่เท่าไหร่ของโลก ติดตามที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
WAFF 2023 คืออะไร ?
WAFF Championship คือรายการฟุตบอลระดับภูมิภาคของประเทศแถบอาหรับ หรือที่เข้าใจกันง่าย ๆ ว่า ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียตะวันตก รายการนี้ก็มีความคล้ายกับ AFF ที่ทีมชาติไทยเพิ่งคว้าเเชมป์ไปเพราะเป็นการแข่งขันเพื่อหาทีมที่ดีที่สุดของภูมิภาคนั้น ๆ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือเรื่องคุณภาพของทีมที่ลงเเข่งขัน เพราะ WAFF Championship นั้นมีทีมที่แข็งแกร่งมากกว่า AFF หลายเท่านัก
โดยปัจจุบัน WAFF มีสมาชิกทั้งหมด 12 ชาติได้แก่ บาห์เรน, อิรัก, จอร์แดน, คูเวต, เลบานอน, โอมาน, ปาเลสไตน์, กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, ซีเรีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ เยเมน ส่วนทีมที่แกร่งที่สุดในภูมิภาคนี้อย่าง อิหร่าน ที่เคยเป็นแชมป์ 4 สมัยนั้น ได้ออกจากการเป็นสมาชิพ เพื่อเป็นก่อตั้ง สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียกลาง (CAFA) เมื่อในปี 2015 โดยมีชาติสมาชิกอย่าง อิหร่าน, อัฟกานิสถาน, คีร์กีซสถาน, ทาจิกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน และ อุซเบกิสถาน
กลับมาว่ากันต่อที่รายการ WAFF 2023 ที่ทีมชาติไทยได้รับเชิญจากชาติสมาชิกให้เป็นทีมรับเชิญเข้าไปแข่งขันในรายการนี้อีกครั้ง ในรายการนี้ถือเป็นประโยชน์กับทีมชาติไทยแบบที่สุด
ส่วนเหตุผลที่ไทยได้รับการรับเชิญ ก็เพราะว่าไทยนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ สมาคมฟุตบอลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เป็นเจ้าภาพในการเเข่งขันครั้งนี้ และในสถานการณ์ที่ กาตาร์ จะไม่ได้เข้าร่วมในรายการแข่งขันปีนี้
จริง ๆ แล้วสิทธิ์ดังกล่าวควรจะตกเป็นของทีมชาติเวียดนาม ในฐานะทีมอันดับสูงสุดของโซน AFF ทว่าด้วยเหตุผลที่กล่าวมาในข้างต้นนั่นคือความสัมพันธ์อันดีของไทยและ ยูเออี ทำให้ ไทย กลายเป็นชาติที่ได้รับสิทธิ์แซงหน้าเวียดนามนั่นเอง
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
แข่งรายการนี้ได้อะไร ?
รายการ WAFF แตกต่างกับ AFF ตรงที่เป็นรายการที่ตรงกับปฎทินฟีฟ่า เดย์ ในช่วงเดือนมีนามคม (20-28 มีนาคม) โดยจะมี 2 เกมที่คิดคะแนนเต็ม ๆ ตามหลักของฟีฟ่า ( ฟุตบอลนัดกระชับมิตร ใช้ทีมชาติชุดใหญ่ และฟีฟ่ารับรองผลการแข่งขัน) ส่วนเกมที่เหลือจะเป็นเกมแบบ FIFA International ‘A’ Match เหมือนกับ AFF ที่ไหน
แน่นอนว่า จากการคิดคำนวนของคะแนนฟีฟ่า แรงกิ้ง ถือเป็นทั้งโอกาสดีของ ไทย เป็นอย่างมาก เพราะ 11 ชาติที่เหลือที่ลงแข่งขันในรายการนี้ มีเพียง 2 ชาติเท่านั้นที่อยู่ในอันดับฟีฟ่า แรงกิ้งต่ำกว่าไทย (111) ได้แก่ เยเมน (154) และ คูเวต(148) นั่นเท่ากับว่าหากไทยได้เจอคู่แข่งขันที่อันดับสูงกว่า ที่มีถึง 9 ชาติ ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสดีของไทยมาก ๆ ที่จะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากจะได้ประสบการณ์ให้นักเตะแล้ว ยังมีโอกาสได้คะแนนฟีฟ่า แรงกิ้ง แบบเต็ม ๆ ด้วย
ยกตัวอย่างเช่นหาก ไทย สามารถเอาชนะทีมระดับกลาง ๆ ของตะวันออกกลางได้อย่าง โอมาน(อันดับ 75 ของโลก) ไทยจะได้คะแนน ฟีฟ่า แรงกิ้ง มากถึง 3.85 คะแนน
และหากเปรียบเทียบกันใกล้ ๆ กับการเจอ เวียดนาม ในศึก เอเอฟเอฟ 2022 ที่ผ่านมานั้น ไทยได้คะแนนจากฟีฟ่า แรงกิ้งเพียง 2.77 คะแนนเท่านั้นทั้ง ๆ ที่ลากยาวแข่งขันแบบเหย้าเยือน กว่าจะได้ชูถ้วยแชมป์ในตอนสุดท้าย
สมมุติเอาง่าย ๆ ว่าหากไทยชนะได้ 1 นัดและเสมอ 1 นัดกับทีมระดับสูงกว่าใน WAFF2023
ซึ่งในรายการ WAFF 2023 นี้จะมีการแบ่งสายออกมาเป็น 3 สาย สายละ 4 ทีม ดังนั้นทีมชาติไทยจะได้เล่นแน่ ๆ 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม และ 2 จาก 3 เกมที่ไทยจะได้เล่น จะเป็นการได้เล่นตามปฎิทินฟีฟ่า เดย์ ซึ่งจะทำให้ได้รับคะแนนฟีฟ่า แรงกิ้งอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ... ในกรณีที่ชนะได้สักเกม นี่จะเป็นรายการที่ช่วยเพิ่มคะแนนในฟีฟ่า แรงกิ้ง ให้กับทีมชาติไทยได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามที่เป็นการสันนิษฐานเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริง ไทยอาจจะเป็นฝ่ายแพ้ทั้ง 3 เกมให้กับคู่แข่งที่เหนือกว่าก็ได้ ซึ่งการแพ้ก็เท่ากับไม่ได้เเต้มเลย และอาจจะทำให้คู่แข่งในอันดับโลกไล่ ๆ กันสามารถแซงหน้าไป ซึ่งในกรณีนี้เป็นสิ่งที่หลายคนกังวลกัน ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ใช่ว่าชาติในอันดับไล่ ๆ กับเราจะสามารถทำเก็บแต้มเเบบเป็นกอบเป็นกำ เพราะตามหลักการคิดคะแนนของฟีฟ่านั้นยิ่งเจอคู่แข่งที่อันดับโลกสูงกว่า ก็จะสามารถได้แต้มจากฟีฟ่ามากกว่า
ยกตัวอย่างให้เป็นภาพง่าย ๆ เลยคือทีมที่อันดับต่ำกว่าทีมชาติไทย 1 อันดับอย่าง เกาหลีเหนือ (112) ก็ยังไม่มีโปรเเกรมอุ่นเครื่องในฟีฟ่า เดย์ ในช่วงเวลาเดียวกับที่ไทยจะไปแข่งขัน WAFF2023 เลย ดังนั้น พวกเหล่าทีมที่ตามหลังไทย ก็อาจจะไม่มีแต้มในช่วงเวลาเดียวกันเลยก็ได้
ที่สุดเเล้ว WAFF จะเป็นรายการที่มีประโยชน์มากสุด ๆ สำหรับทีมชาติไทย ไม่ว่าจะในแง่ของคะแนนฟีฟ่า หรือประสบการณ์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สมาคมฟุตบอลไทยต้องตัดสินใจให้ดีคือจะส่งนักเตะชุดไหนไปแข่ง เพราะโอกาสเจอกับทีมระดับสูงกว่าแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ
ซึ่งการส่งทีมชุดใหญ่เต็มสูบไปแข่งก็จะได้ประโยชน์ในแง่ของคะแนนฟีฟ่า ทีจะช่วยดันอันดับโลกของไทยได้ แต่ถ้าหากเอาทีมที่แทรกเหล่าดาวรุ่งนักเตะอายุน้อยติดทีมไปเยอะ ๆ หน่อย ก็อาจจะเสี่ยงแพ้ตกรอบ แต่ที่แน่ ๆ เด็ก ๆ เหล่านี้จะได้ประสบการณ์ที่มากขึ้นอย่างแน่นอน ... ขึ้นอยู่กับว่าเราเองจะเลือกอะไรระหว่าง คะแนน หรือประสบการณ์ ? นั่นคือสิ่งที่สมาคมฟุตบอลไทยต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ก่อนตัดสินใจบินลัดฟ้าไปแข่งขันในรายการ WAFF 2023 ครั้งนี้
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
คาเซมิโร แห่ง AFF : บทบาทกองกลางยุคใหม่ที่คลาสของ ธีราทร ตอบโจทย์ทุกข้อ
Inverted Wing Back : ตำแหน่งที่ทำให้ ธีราทร เล่นกองกลางได้เนียนตา
กรณีศึกษาจากต่างประเทศ : ไทยควรจัดการกับแฟนบอลจุดพลุแฟร์ในสนามอย่างไร ?