โทษที...วันนี้พี่ไม่วิ่ง : ความอัจฉริยะของ เมสซี ที่เพื่อนร่วมทีมยินดีให้เขา 'เดินเล่น'

โทษที...วันนี้พี่ไม่วิ่ง : ความอัจฉริยะของ เมสซี ที่เพื่อนร่วมทีมยินดีให้เขา 'เดินเล่น'
ชยันธร ใจมูล

ฟุตบอลโลก 2022 คือหนึ่งในทัวร์นาเม้นต์ที่เหล่าทีมรองเฉิดฉายคว่ำยักษ์ใหญ่มากมาย เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็คือทุกทีมรองต่างเล่นเเบบ "เพรสซิ่ง" วิ่งสู้ฟัด นักเตะบางคนวิ่งถึง 16 กิโลเมตร ในเกมเดียวเลยก็มี

การวิ่งไลบอลคือเทรนด์ใหม่ของโลกลูกหนังยุคปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย... แต่ดูเหมือนว่ามันจะใช้ไม่ได้กับนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่ถูกพบว่า "ไม่เพรสฯ" และเดินชิว ๆ ในจังหวะที่เพื่อนไล่บอลในหลาย ๆ เกม

อย่างไรก็ตามไม่มีใครว่าเขาได้ เพราะผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้น สุดยอดกว่าการให้เขาไปวิ่งไล่บอลหลายเท่า คำถามก็คือ เมสซี่ เดินย่องยังไงให้เทพสุด โหดสุดได้ขนาดนี้ ? ติดตามที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เสีย 1 แต่ได้ถึง 3 : ชิรูด์ เอ็มบัปเป้ กรีซมันน์ ทริโอที่แบกฝรั่งเศสป้องกันแชมป์โลก | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ปอล ป็อกบา,เอ็นโกโล่ กองเต,้ คริสตอฟ เอ็นคุนคู และคาริม เบนเซม่า คือรายชื่อซูเปอร์สตาร์ตัวหลักของทีมในรอบคัดเลือกที่มีอาการบาดเจ็บก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้น และท้ายที่สุดพวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมชาติฝรั่งเศสชุดนี้

ว่ากันด้วย Fact

เพื่อให้รู้ว่านี่ไม่ใช่การกล่าวหาหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ เราควรเริ่มเขาด้วยสถิติก่อนเป็นอย่างเเรก เพราะตัวเลขเหล่านี้ไม่เคยโกหกใคร

ไม่ใช่แค่การสังเกตุผ่านการดูเกมเท่านั้นที่พบว่า เมสซี่ ไม่ค่อยจะช่วยเพื่อนทีมชาติ อาร์เจนติน่า ไล่บอล แต่ยังมีสถิติแสดงออกมาว่า นับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบรองชนะเลิศ นักเตะส่วนใหญ่มีจำนวนการวิ่งโดยรวมใน 90 นาทีอยู่ที่ราว ๆ 10-11 กิโลเมตรโดยเฉลี่ย ... ขณะที่ เมสซี่ นั้นถูกวัดเส้นทางการวิ่งของเขาในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ ออสเตรเลีย พบว่าเขาออกแรงวิ่งอยู่ 8.5 กิโลเมตรเท่านั้น

Photo : FIFA

ยิ่งไปกว่านั้นคือใน 8.5 กิโลเมตรที่กล่าว เมสซี่ นั้นเมสซี่ ยังไม่ได้วิ่งเต็มสปีดด้วย เพราะหนักไปทางการเดินมากกว่า 4 กิโลเมตร อีกด้วย:ซ้ำ ...

หากเป็นนักเตะคนอื่นระยะการวิ่งที่น้อย และระยะทางการเดินที่เยอะขนาดนี้คงถูกมองว่าเป็นตัวถ่วงไปแล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับอัจฉริยะอย่างเขา มันไม่เกี่ยวกับการที่เขาอายุเยอะ (35 ปี) เสียทีเดียว เพราะมีการเปิดสถิติย้อนหลังพบว่าจริง ๆ แล้ว เมสซี่ เองก็เดิน ๆ วิ่ง ๆ แบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เขายังหนุ่มยังเเน่นเเล้วด้วยซ้ำ

ย้อนกลับไป 8 ปีก่อน ที่ อาร์เจนติน่า เข้าชิงฟุตบอลโลก 2014 เมสซี่ มีอัตราการวิ่งน้อยที่สุดในทีมหากไม่นับผูรักษาประตู และ ในเกมรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ บาร์เซโลน่า พบกับ แอตฯ มาดริด เมสซี่ วิ่งไปเพียง 6.8 กิโลเมตร จากการลงทั้งหมด 95 นาที มากกว่า โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ โกลของ บาร์เซโลน่า ที่ลงเล่นในเกมนั้นเพียง 1.4 กิโลเมตรเท่านั้น ... มันเกิดขึ้นได้อย่างไรที่นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก วิ่งน้อยได้ขนาดนี้ ?

อัจฉริยะ เจอ อัจฉริยะ = แนวคิดเปลี่ยนโลก

หากย้อนเวลาไป ณ เวลานั้น เมสซี่ ก็ยังอายุแค่ 27 ปีเท่านั้น มันแสดงให้เห็นว่านี่คือเรื่องปกติของเขา .. ซึ่งหากจะถามถึงที่มาว่าทำไมเขาถึงเป็นคนที่วิ่งน้อยแบบนี้ในเกมโมเดิร์นฟุตบอลที่ทุกคนวิ่งห้ำหั่นกันเป็นหมาบ้า เรื่องนี้เกิดขึ้นจากอัจฉริยะอีกคนที่ชื่อว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

Photo : Goal

จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นครั้งแรกในฤดูกาล 2009-10 สมัยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุม บาร์เซโลน่า และทำการขยับลิโอเนล เมสซี่ ที่ในช่วงวัยทีนเอจเป็นตัวริมเส้น เข้ามาเป็นกองหน้าในตำแหน่งที่เรียกว่า ฟอลซ์ 9 หรือกองหน้าตัวหลอกนั่นเอง  

เป๊ป เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของ เมสซี่ ไม่ใช่แค่การวางเข้าไว้ริมเส้นและเลี้ยงบอลเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่ เป๊ป เห็นในตัว เมสซี่ ก็คือทักษะการอ่านเกมที่เหนือชั้นกว่าคนอื่น ๆ หากกล่าวก็คือ เมสซี่ เป็นนักเตะที่เล่นไปคิดไป แม้เท้าจะไม่ค่อยก้าว แต่สมองนั้นคิดวิเคราะห์อยู่เสมอ

"เขาไม่วิ่งหรอก และนั่นเป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด" เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือที่เคยร่วมงานกับ เมสซี่ กล่าว

"เขาเดินเล่น แต่เขาไม่เคยหลุดออกจากเกมเลยแม้แต่น้อย เขาเข้าถึงสถานการณ์ในสนามเสมอ ถ้าคุณเห็นหัวของเขา เขาจะคอยหันซ้าย หันขวา วนไปวนมาตลอดในช่วงเวลาที่เดินในสนาม"

"เมสซี่ คือคนที่ได้กลิ่น "จุดอ่อน" ของคู่ต่อสู้ เขาจะใช้เวลาหามัน เขาจะใช้เวลา 5 ถึง 10 นาที และถ้าเขาหาเจอเมื่อไหร่ สมองเขาจะเป็นเหมือนมีแผนที่วาดเอาไว้ เขารู้ว่าจะไปอยูตรงไหนที่ทำให้เขามีประสิทธิภาพมากที่สุด และเจอที่ ๆ ที่ให้เขามีพื้นที่มากกว่าเดิม"

Photo : Eufa

เป๊ป  แสดงถึงความเป็นโค้ชอัจฉริยะ ด้วยการอ่านสถานการณ์ทีเกิดขึ้นในทีมชุดนั้น เขาคิดว่า เมสซี่ จะมีประโยชน์ที่สุดเมื่อเอามาเล่นตรงกลาง ไม่ใช่ริมเส้นเหมือนเดิม

นอกจากจะอิงกับแผนการเล่นที่เหมาะกับทีมเเล้ว เป๊ป ยังมองไกลถึงขั้นการถนอมเมสซี่ ไว้ใช้งานได้ตลอดทั้งซีซั่น และเขาเองนี่แหละเป็นคนที่บอกให้ เมสซี่ ประหยัดพลังงานเอาไว้ใช้ทำอย่างอื่น เช่นการสร้างสรรค์เกม และสร้างความแตกต่างให้กับทีมในยามที่ทีมเป็นฝ่ายครองบอล

เพราะการวิ่งมาก ๆ ทำให้สปีดความเร็วนั้นสูงขึ้น และจะยิ่งทำให้ เมสซี่ เสี่ยงเจ็บมากขึ้นหากมีการโดนปะทะจากฝั่งคู่แข่งที่พยายามจะเล่นนอกเกมใส่เพื่อหยุด เมสซี่ ด้วย

Photo : Goal

ถึง เมสซี่ จะเดิน แต่เมสซี่ ก็ไม่ได้หลุดออกจากเกมเลยแม้แต่นิดเดียว เขายังคงมีส่วนร่วม และเขามีทักษะพิเศษคือการได้กลิ่นของลูกฟุตบอลว่ามาจะมาถึงจุดไหน อย่าให้เขาหาจุดอ่อนเจอแล้ว ถ้าถึงเวลานั้น ไม่ว่าใครก็หยุดไม่อยู่

ข้อยกเว้นเฉพาะเทพเจ้า

สิ่งต่อมาที่ทำให้การเดินของ เมสซี่ ไม่เป็นจุดอ่อนกับทีมก็คือ เขามีเพื่อนล้อมรอบที่พร้อมเป็นคน "วิ่งแทน" ที่

Photo : Barca Univerese

ที่ บาร์เซโลน่า ในช่วงยุคทอง นักเตะเเดนกลางของ บาร์ซ่า นั้นมีระยะการวิ่งที่สูงมาก ชาบี เอร์นันเดซ วิ่งถึงเกมละ 11-12 กิโลเมตรโดยเฉลี่ย

ขณะที่ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ก็เป็นจอมขยันอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอจนเป็นนิยามที่ว่า "เมื่อคุณดูบุสเก็ตส์เล่น คุณจะเห็นเกมทั้งหมด" เพราะเขามักขยับเข้ามารับบอลจากเพื่อนแบบที่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ นอกจากนี้ บาร์ซ่า ยังเป็นทีมที่ครองบอลบุกเยอะมาก ๆ บางเกมพวกเขาครองบอลมากถึง 80% เลยก็มี ดังนั้นการครองบอลก็ช่วยกลบจุดอ่อนเรื่องการไล่บอลของ เมสซี่ ได้โดยปริยาย

แม้กระทั่งกับ เปแอสเช ต้นสังกัดฤดูกาลนี้ กุนซือ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ปรับระบบการเล่นมาเป็น 3-4-3 โดยใส่กองหลังมา 3 คน และใส่กองกลางที่ออกไปทางเชิงรับอีก 2 รวมถึงวิงแบ็คที่คอยวิ่งขึ้นลงทำงานหนัก ซึ่งจำนวนของนักเตะเกมรับหรือตัววิ่งทั้งหลายมากขึ้น ก็ทำให้ เมสซี่ สามารถเล่นในสไตล์ที่ถนัด และนั่นทำให้ เมสซี่ มีผลงานระดับสุดยอดในซีซั่นนี้กับ เปแอสเช ยิงไป 12 ประตูทำไป 14 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 19 เกมในทุกรายการ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนที่วิ่งน้อยที่สุดในทีม(ไม่นับผู้รักษาประตู)  

ขณะที่กับทีมชาติ อาร์เจนติน่า ชุดปัจจุบัน กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่ ก็เดินตามรอยนั้นเช่นกัน เขาใส่มิดฟิลด์ที่เป็นนักเตะจอมขยันวิ่งไม่มีหมดลงสนามทั้ง โรดริโก้ เดอ ปอล ที่ได้ฉายาว่า "บอดี้การ์ดของ เมสซี", เลอันโดร ปาเรเดส, เอ็นโซ่ เฟร์นันเดส และ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ... พวกนี้เป็นนักเตะที่วิ่งเยอะถนัดเกมเพรสซิ่งทั้งหมด แม้กระทั่งกองหน้าอย่าง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ก็ยังมีหน้าที่คอยไล่บอลตั้งแต่แดนหน้า กดดันยันปากประตูคู่แข่งเลยด้วยซ้ำ

Photo : Yahoo

นักเตะพวกนี้ยอมเป็นแขนขาให้เมสซี่ พวกเขาพร้อมทำงานสกปรก เก็บกวาด แย่งบอล เข้าปะทะ และเอาบอลมาส่งให้นักเตะที่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันได้ด้วยสัมผัสเพียงไม่กี่จังหวะอย่าง เมสซี่ นั่นคือเหตุผลที่ว่า การไม่วิ่งของ เมสซี ไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับทีมมากมายนัก จนเราแทบดูไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

"ลิโอเนล เมสซี่ มหัศจรรย์ตรงไหนน่ะเหรอ ? ผมคิดว่าบางทีเขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจเกม แต่บทจะติดเครื่องเขาก็ไฟลุกขึ้นมาซะดื้อ ๆ สิ่งที่เขาทำคือการเปิดเกมรุกจากทุกจังหวะทีได้บอล ตรงไหนก็ได้ที่เขาอยู่ในสนาม และมันออกมาเวิร์กแบบเหลือเชื่อ ... นี่คือความแตกต่างระหว่าง เมสซี่ กับนักเตะคนอื่น ๆ บนโลกนี้" ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เป็นผู้ดำเนินรายการของ TalkSport กล่าว

สำหรับนักเตะวัย 35 ปี ถือได้ว่า เมสซี่ นั้นเหมาะกับการเล่นแบบ "วิ่ง ๆ เดิน ๆ" เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในวันที่เขามีมดงามล้อมรอบแบบนี้ เพราะด้วยเซ้นส์บอลและความอัจฉริยะที่เปลี่ยนเกมได้ทุกวินาที ตราบใดที่ เมสซี่ ยังมีแรงเหลือมากพอ เขาก็สามารถเอาแรงที่มีไปใช้ในการสร้างเกมรุกได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นี่คือคำจำกัดความของคำว่า "นักเตะอัจฉริยะ" อย่างแท้จริง ยิ่งแก่ประสบการณ์ก็ยิ่งเยอะ ทักษะการอ่านเกมอ่านจังหวะของคู่แข่งและเพื่อนร่วมทีมก็ยิ่งสูงขึ้น ... ไม่จำเป็นต้องวิ่งให้เหนื่อย เพราะพรสวรรค์ที่เขามีเอาไปทำอะไรที่มีประโยชน์มากกว่าการไล่บอลได้เยอะเลยทีเดียว

https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/lionel-messi-argentina-world-cup-28726029

https://fivethirtyeight.com/features/messi-walks-better-than-most-players-run/

https://sportsbrief.com/football/paris-saint-germain/29931-messi-argentina-star-walks-a-lot-games-world-cup-push/

https://classicfootballshirtscollection.com/how-far-does-lionel-messi-run-in-a-game/

แชร์บทความนี้
หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ