คัลเจอร์ช็อค : ย้อนสัมภาษณ์ อิชิอิ รับงานคุมทีมในไทยครั้งแรก
แม้ว่า อิชิอิ จะกลายเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมชาติไทยเป็นที่เรียบร้อย แต่ย้อนกลับไปตอนที่เขารับงานคุมทีมครั้งแรกในไทย ก็เจอกับเรื่องเหวอแบบไทยสไตล์ไม่น้อย
เขาต้องเจออะไร ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
คัลเจอร์ช็อค
แม้ว่า มาซาทาดะ อิชิอิ จะสร้างชื่อในไทย ด้วยการพาบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ปีติดต่อกัน แต่งานแรกในแดนสยามกลับเกิดขึ้นกับสโมสรเล็กๆ อย่างสมุทรปราการ ซิตี้ ที่เข้ามารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ในปี 2019
อันที่จริง ก่อนเซ็นสัญญา อิชิอิ ก็เรียกว่าทำการบ้านมาไม่น้อย ด้วยการสอบถามข้อมูลจากนักเตะและโค้ชชาวญี่ปุ่นที่เคยทำงานที่นี่ จนทำให้เขารู้ว่าอะไรที่จะต้องเตรียมใจรับมือ
“เนื่องจาก (มิตสึโอะ) คาโต้ซัง (อดีตโค้ชผู้รักษาประตูทีมชาติไทย) เคยอยู่เมืองไทยมานาน ผมก็เลยถามเขา ผมยังได้โทรหา (มาซาฮิโร) วาดะซัง ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของผม และตอนนี้เป็นเฮดโค้ชอคาเดมี ชไวเกน คานาซาวะ เนื่องจากเขาเคยมาคุมทีมในไทย” อิชิอิ กล่าวกับ Number
“ด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่าง มันจึงมีปัญหาบางอย่าง เช่นเรื่องสัญญา และพวกเขาก็บอกว่ามันอาจจะเจ็บปวดถ้าคุณไปอยู่ที่นั่น แต่มันจะไม่เป็นปัญหาเลย ถ้าคุณเข้าใจ”
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อมาทำงานจริงๆ หลายสิ่งหลายอย่าง ก็ทำให้เขาเกือบไปไม่เป็น ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจในแทคติก ไปจนถึงความจริงจังในการซ้อม
“สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือรูปร่างที่สูงของคนไทย มันสูงกว่าส่วนสูงมาตรฐานของคนญี่ปุ่นเสียอีก ในทางกลับกัน พวกเขามีความเข้าใจในแทคติกรายบุคคล และแทคติกทีมในระดับที่ค่อนข้างต่ำ” อิชิอิ กล่าวกับ Shupure News
“ตอนแรกผมต้องเข้าหาพวกเขาเหมือนกำลังสอนเด็ก ๆ ผมสอนตั้งแต่พื้นฐาน”
“แต่นิสัยประจำชาติคือความซื่อตรงและจริงจัง ดังนั้นจึงเรียนรู้ได้เร็ว ผมรู้สึกได้ถึงศักยภาพของฟุตบอลไทย และรู้สึกสนุกขึ้นในแต่วัน”
นอกจากนี้ เขาก็พยายามหาวิธีปรับเปลี่ยนให้เข้ากับนักเตะไทย ที่ไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไป และมันก็ได้ผล เมื่อสมุทรปราการ ภายใต้การคุมทัพของเขา ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งครึ่งบนของตารางในฤดูกาล 2019
“ก็จริงอยู่ที่ (นักเตะไทย) ยังมีความหย่อนยาน แต่อาจจะเรียกว่าผ่อนคลายมากว่า เนื่องจากเมืองไทยอากาศร้อน ดังนั้นผมจึงเข้าใจ และเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” อิชิอิ กล่าวกับ Number
“ในทางกลับกัน ตอนพยายามแย่งบอล พวกเขาจะทำมันด้วยความจริงจังและตึงเครียด มันรุนแรงมากจนผมเป็นห่วงว่าจะได้รับบาดเจ็บกันหรือเปล่า”
อย่างไรก็ดี กลับมีสิ่งหนึ่งที่เขายอมไม่ได้
ตรงไปตรงมา
อิชิอิ มักจะย้ำเสมอว่าเขาเป็นคนที่ยืดหยุ่น และพยายามปรับให้เข้ากับสถานการณ์และทรัพยากรที่มี แต่มีสิ่งเดียวที่เขายอมไม่ได้คือการไม่ตรงไปตรงมา หรือโกหกเผื่อให้ตัวเองอยู่ได้
“ก่อนมาไทย ผมได้ยินมาจากโค้ชชาวญี่ปุ่นรุ่นก่อนว่า ‘คนไทยมีความหยิ่งในศักดิ์ศรี อย่าไปแสดงความโกรธต่อหน้าคนอื่น หรือทำกับพวกเขาเหมือนคนญี่ปุ่น’” อิชิอิ กล่าวกับ Shupure News
“แต่บางครั้งมันก็จำเป็นที่จะต้องโกรธ ดังนั้นเมื่อคิดว่าจะต้องโกรธอย่างไร ผมจึงหาโอกาสในการพูดคุยกับคนไทยตามฟู๊ดคอร์ทหรือร้านอาหารข้างทาง”
“แม้ว่าผมจะไม่เข้าใจภาษา แต่ผมก็เข้าใจวัฒนธรรมไทยในรูปแบบของผม ถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่ชอบ แต่ผมก็จะตระหนักว่าต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา และไม่โกหกผู้เล่น”
“การสื่อสาร” คือปรัชญาสำคัญในการคุมทีม และต้องเป็นการสื่อสารตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทีม และเขาก็ยึดถือในสิ่งนี้มาตั้งแต่คุมสมุทรปราการ มาจนถึงบุรีรัมย์ยูไนเต็ด
“แม้ว่าผมจะพูดภาษาพวกเขาไม่ได้ แต่ก็มีความคิดว่า ‘อยากให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น อยากให้สื่อสารกัน’” อิชิอิ อธิบาย
ทั้งนี้ ล่าสุด อิชิอิ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมชาติไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยถือเป็นการคัมแบ็คกลับมาทำงานกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอีกครั้ง หลังเคยนั่งในตำแหน่งประธานเทคนิค มาก่อนหน้านี้
แหล่งอ้างอิง
https://wpb.shueisha.co.jp/news/sports/2023/07/26/120111/