คิดและทำแบบ “อันเก” : สาเหตุที่อดีตกุนซือ ‘มารินอส’ ถูกยกให้เป็นตัวแทน คล็อปป์
หลังจากผลงานของ ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทัพของ เจอร์เก้นน์ คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ที่เคยพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ สโมสรโลก สมัยแรกของสโมสร นับตั้งแต่เข้ามารับงานในเดือน ตุลาคม ปี 2015 กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายในฤดูกาลนี้
การพาทีมรั้งอันดับที่ 10 ในลีกสูงสุดแดนผู้ดี ด้วยฟอร์มการเล่นที่ถดถอยลงเรื่อยๆ จนเริ่มมีกระแสจากสื่อและแฟนบอล พูดไปในเชิงเดียวกันว่า คล็อปป์ มีสิทธิ์ที่จะเข้าช่วงหมดไฟ คล้ายคลึงกับตอนที่พา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ผลงานย่ำแย่เมื่อผ่านเข้าสู่ระยะเวลา 7 ปีแล้วหมดโปร
แฟนบอล เดอะ ค็อปส์ ยังคงแตกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งกลุ่มที่สนับสนุน คล็อปป์ ให้ทำทีมต่อไป เพราะยังมีสัญญาเหลือจนถึงปี 2026 และส่วนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง หวังให้ทีมไล่นายใหญ่รายนี้ออกจากตำแหน่ง พร้อมเปิดทางให้กับคนอื่นที่เหมาะสม มาสานงานต่อแทนก่อนที่ทีมจะย่ำแย่ไปมากกว่านี้
ตัวเลือกที่น่าสนใจที่มีชื่อโผล่เข้ามาตามหน้าสื่อรายล่าสุด คือ อังเก ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีม เซลติก ยักษ์ใหญ่จากลีกสก็อตแลนด์ ที่เพิ่งจะพาทีมคว้า ดับเบิ้ล แชมป์ ทั้งบอลลีก และ สก็อตติช ลีก คัพ มาสดๆ ร้อนๆ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ก็ยังพาทีมบินสูงอย่างต่อเนื่องในบอลลีก นำเป็นจ่าฝูงทำคะแนนทิ้งห่าง เรนเจอร์ส ที่ตามมาอยู่ถึง 9 แต้ม
สาเหตุใดที่ อันเก กลายมาเป็นตัวเลือกที่สื่อกำลังนำเสนอว่ามีสิทธิ์จะมารับไม้ต่อจาก คล็อปป์ คืออะไร? ทำไมเขาถึงเหมาะสมกับตำแหน่งนี้? ร่วมหาคำตอบได้ใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง
กล้าเปลี่ยนแปลงเพื่อคว้าแชมป์
ชาลีย์ นิโคลัส อดีตผู้เล่นของ เซลติก เขียนข้อความนำเสนอ อันเก ไว้ในบทความของตัวเองกับ เดลี่ย์ เอ็กซ์เพรสไว้ว่า
“ผมไม่ชอบเลยที่ต้องพูดเช่นนี้ แต่ อันเก ปอสเตโคกลู จะเป็นตัวเลือกผู้จัดการทีมที่ลงตัวกับ ลิเวอร์พูล แล้วได้แต่หวังว่า เจอร์เก้นน์ คล็อปป์ ที่ดำรงค์ตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันจะไม่ประกาศอำลาทีมในเร็วๆ นี้”
“หงส์แดง เจอวิกฤติฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ในซีซั่นนี้ พวกเขาตกรอบบอลถ้วยในประเทศทั้งหมด รั้งอยู่อันดับ 10 บนตารางคะแนนศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตามหลังจ่าฝูง อาร์เซน่อล อยู่ถึง 21 แต้ม เหลือความหวังในการเป็นแชมป์เพียงถ้วยเดียว คือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เพิ่งจะแข่งกันถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย”
“ผมรู้ว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล ไม่อยากให้ คล็อปป์ อำลาทีมไป แต่ถ้าตัวผู้จัดการทีมเองคิดว่ามันถึงเวลาที่ควรพอแล้วล่ะ มันคงจะเป็นเรื่องช็อคมากๆ หากเขาลาออกก่อนฤดูกาลนี้จบลง อย่างไรก็ตามอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงซัมเมอร์ หรือถ้าสโมสรต้องการนำคนอื่นเข้ามาทำทีมแทน”
“ผมคงจะเป็นกังวลอย่างมากเรื่องผลกระทบที่ เซลติก จะต้องพบเจอ หากทาง อันเก ถูกทาง ลิเวอร์พูล ติดต่อเข้ามาหาจริง มันคงจะเป็นเรื่องแปลกถ้าบอร์ดบริหารของพวกเขา ไม่พิจารณา อันเก เป็นตัวเลือก”
ผลงานที่ผ่านมาของ อันเก เริ่มสร้างชื่อตั้งแต่การพาทีม เซาท์ เมลเบิร์น เป็นแชมป์ 4 รายการ ต่อเนื่องด้วยการพา บริสเบน โรอาร์ คว้าแชมป์ลีกต่างๆ 3 สมัย แถมยังครองสถิติไม่แพ้ใครมากที่สุดในประวัติศาสตร์จำนวน 36 นัด ถัดมาในระดับชาติก็พาทัพ ออสเตรเลีย เป็นแชมป์ เอเอฟซี เอเชียน คัพ ปี 2015
แล้วการโยกไปรับงานคุมทีม โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ในศึก เจ ลีก ประเทศญี่ปุ่น ก็พาทีมครองแชมป์ลีกฤดูกาล 2019 เป็นสมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2004 กลายเป็นผู้จัดการทีมชาวออสเตรเลียคนแรก ที่ประสบความสำเร็จในระดับนี้ได้ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังต่อยอดผลงานอันน่าทึ่งกับ เซลติก เปิดฤดูกาลแรกด้วยดดับเบิ้ลแชมป์
สตีเฟ่น แม็คแกร์รี่ย์ อดีตผู้เล่นของ เพิร์ธ กลอรี่ กล่าวถึงการทำงานของ อันเก ในสมัยที่ตัวเขายังคงค้าแข้งเอาไว้ว่า
“ตอนนั้น อันเก เพิ่งจะเข้ามารับงานคุมทีม บริสเบน โรอาร์ แล้วมีการเปลี่ยนแปลงทีมมากมาย เคร็ก มัวร์ และ แดนนี่ ติอัตโต รวมไปถึงทีมสตาฟฟ์ถูกโละออกไปหมด เขาเริ่มสร้างทีมของตัวเอง เซ็นสัญญานักเตะเข้ามาหลายราย ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมทั้งหมด”
“มีผู้เล่นระดับท็อปในยุโรปที่เหมาะสมกับการเล่นให้ บริสเบน ในศึก เอ ลีก แบบสบายๆ 2-3 ปี เขามองขาดว่าจะเลือกใครเข้ามาบ้าง แล้วนั่นก็แสดงผลให้เห็นไม่ต่างกันเมื่อเขาย้ายไปทำงานกับ เซลติก”
ความกล้าที่จะเปลี่ยนของ อันเก ยังคงเป็นแนวทางเดิมเสมอมา แล้วเขาก็ทำเช่นเดียวกันในสมัยที่กำลังสร้างทีม โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส จนพัฒนาอย่างรวดเร็ว แล้วลงเอยด้วยความสำเร็จไม่ต่างกัน
แดน ออร์โลวิตซ์ นักข่าวจาก เจแปน ไทม์ส ฟุตบอล ยืนยันในส่วนนี้ว่า
“ผมคิดว่า อันเก มองหานักเตะในแบบเดิมที่เขาต้องการไปทั่วโลก และตัวเลือกเหล่านั้นจะเข้ามาเล่นในทีมของอย่างลงตัว ยกตัวอย่างเช่น ติอาโก้ มาร์ตินส์ ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในแนวรับซีซั่น 2019 รวมไปถึง ธีราทร บุญมาทัน ดาวเตะที่ไม่เคยเป็นกองหลังที่สมบูรณ์แบบมาก่อนเลย แต่ในเรื่องของความเร็วในการเล่นตำแหน่งแบ็คซ้าย และศักยภาพในการเล่นเกมรุก นั้นลงตัวกับฟุตบอลสไตล์ อันเก อย่างที่สุด”
จากประเด็นดังกล่าว เชื่อมโยงได้แบบตรงจุดกับสถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ที่ผู้เล่นหลายคนกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของการค้าแข้ง ไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์ หรือแม้แต่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่ล้วนแล้วแต่ผลงานอยู่ในช่วงขาลง
แฟนบอลต่างเรียกร้องบอร์ดบริหารให้เปลี่ยนแปลงทีม ด้วยการเสริมทัพผู้เล่นฝีเท้าดีเข้ามา ซึ่งตัวของ คล็อปป์ ก็ทำสิ่งนั้นแล้วด้วยการไปคว้านักเตะอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ หรือ โคดี้ กัคโป แต่ปรากฏว่าผลงานของทีมกลับไม่ดีขึ้น
เป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงแค่ตัวผู้เล่น อาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้ทีมกลับมาทำผลงานในระดับเดิมได้ การมองถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม ย่อมเป็นทางเลือกที่ต้องพิจารณาเผื่อไว้ แล้วถ้าจะลงทุนหนักรอบใหม่ ควรมอบโอกาสนั้นให้กับตัวเลือกที่จะมาสานต่อ คงจะเป็นอะไรที่เหมาะสมมากกว่า
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
อันเก คือสาวก เดอะ ค็อปส์ ตัวยง
ย้อนกลับไปในช่วงทัวร์ปรีซีซั่นของ ลิเวอร์พูล ในโซน เอเชีย แปซิฟิค จำนวนทั้งหมด 3 เกม อันเก ที่เคยรับหน้าที่คุมทีม เอ ลีก ออลสตาร์ ดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ซูเปอร์ไวเซอร์ ของ เมลเบิร์น วิคตอรี่ ที่มีคิวดวลกับ หงส์แดง ในอีก 4 วันต่อมาด้วย ซึ่งเป็นการปิดท้ายโปรแกรมพอดิบพอดี
ซึ่งตัวของ อันเก ได้กล่าวถึงโอกาสครั้งนั้นว่า “มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆ เพราะคงมีแฟนบอล ลิเวอร์พูล จำนวนไม่น้อย ต้องการเข้ามาชมเกมในสนาม เอ็มซีจี สเตเดี้ยม”
“มันจะเป็นเกมที่เติมเต็มช่วงพักการแข่งขันเป็นอย่างดี เพราะใกล้ถึงเวลาที่พวกเขาจะเริ่มต้นซีซั่นใหม่ พวกเขาจะพาทีมชุดที่แข็งแกร่งมาแข่งขัน แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนที่ติดตามบอลทัวร์ปรีซีซั่นเท่าไหร่นัก แต่เกมนี้มันต่างออกไป”
ปอสเตโคกลู ย้ายถิ่นฐานจากประเทศกรีซ มาอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียตั้งแต่อายุแค่ 5 ขวบ ติดตามสโมสร ลิเวอร์พูล มาตั้งแต่ยุค 1970 ในสมัยที่ฟุตบอลแดนจิงโจ้ มีให้ชมผ่านทางการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น
โดยทาง อันเก กล่าวอย่างหมดเปลือกไว้ว่า “ผมเป็นแฟนบอล ลิเวอร์พูล มาเกือบทั้งชีวิต ผมจำเกมนัดชิง เอฟเอ คัพ ปี 1971 ที่แพ้ให้กับ อาร์เซน่อล ไม่ได้มากเท่าไหร่นัก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็เริ่มเชียร์พวกเขานับแต่นั้นมา ผู้เล่นอย่าง เควิน คีแกน และ เคนนี่ ดัลกลิช กลายเป็นฮีโร่ของผม”
“ผมได้อ่านเรื่องราวของ บิลล์ แชงค์ลี่ย์ และหลังรักในวัฒนธรรมและประเพณีของสโมสรที่แสดงออกมา ผมรักในแนวทางการเล่นของพวกเขา ที่มีการต่อบอลอันน่าทึ่ง”
หากตัวเลือกที่บอร์ดบริหารของ หงส์แดง พิจารณาเรื่องผู้จัดการทีม ที่เข้าใจถึงวัฒนธรรมภายในองค์กร ที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานเป็นอย่างดี หมายความว่า แนวคิด แนวทางการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ แทบไม่ต้องมาปรับจูนทัศนคติกันใหม่ตั้งแต่ศูนย์ ซึ่งดูเหมือนว่า อันเก ก็ดูจะตรงสเปคเลยทีเดียว
แท็คติกที่เข้ากับตัวผู้เล่นในมือ
สโมสรระดับหัวแถวของวงการ บอร์ดบริหารของทีม ล้วนต้องการให้แนวทางการเล่นมีความ เอนเตอร์เทน บุกมัน ดูสนุก เร้าใจแฟนบอล เพื่อสร้างกระแสไปตามสื่อต่างๆ แล้วสามารถเพิ่มฐานแฟนบอล ให้มากขึ้นกว่าเดิมได้ไปในตัว
ลิเวอร์พูล ในยุคที่ถูกขนานนามว่า เครื่องจักรสีแดง หรือ เดอะ เร้ด แมชชีน ก็ยึดแนวทางการเล่นดังกล่าว จนประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี้ สร้างฐานแฟนคลับไปทั่วโลก แล้วยังมีการพูดถึงกันมาอย่างยาวนาน จนถึงปัจจุบัน
ช่วงที่ คล็อปป์ พาทีมประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้แนวทาง “เกเก้น เพรสซิ่ง” ไล่กดดันคู่แข่งตั้งแต่หน้าปากประตู เพื่อหวังให้คู่แข่งมีจังหวะผิดพลาด แล้วทำการลงทัณฑ์แบบไม่ปรานี ก็มีความคล้ายคลึงกับฟุตบอลในอุดมคติ ที่เหล่า เดอะ ค็อปส์ คุ้นเคยมาจากยุคอดีตเช่นกัน
สำหรับการทำทีมของ อันเก ลักษณะภาพรวมคร่าวๆ ก็ดูมีส่วนที่เหมือนกับแท็คติกของ คล็อปป์ อยู่มากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเพรสซิ่งหนักหน่วง และ การใช้แบ็คเล่นแบบ อินเวิร์ต มีการหุบเข้ากลางมาเพื่อสร้างสรรค์เกมรุก ในจังหวะที่ทีมเป็นฝ่ายบุก รวมไปถึงการโจมตีจากริมเส้นทั้งสองฝั่งเป็นหลัก
ชิเงกิ ซูกิยาม่า นักเขียนที่คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลญี่ปุ่น เคยกล่าวถึงสไตล์การทำทีมของ อันเก เอาไว้ว่า
“โค้ชของทีมใน เจ ลีก มักจะพูดถึงเรื่องการเล่นฟุตบอลที่ดุดัน ไม่เว้นแม้แต่ในระดับทีมชาติ แต่ไม่มีการถกเถียงเพื่อนิยามเรื่องนี้อย่างจริงจัง มันจึงถูกวางไว้เป็นเพียงแค่แนวคิดทางด้านอารมณ์ ไม่มีอะไรที่แสดงออกมาภาพที่ชัดเจน”
“อันเก ประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดการเล่นฟุตบอลเกมรุกให้กับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ตามแบบฉบับที่เขาต้องการ แม้ว่ามันจะถูกมองออกจากคู่แข่งได้ง่ายๆ แต่ทีมของเขาก็หาทางทลายแนวรับคู่แข่งได้ตลอด”
“ไม่มีทีมไหนเลยใน เจ ลีก จะเน้นการโจมตีจากริมเส้น ใช้ประโยชน์จากปีกทั้งสองฝั่ง ใช้พื้นที่สนามด้านกว้างให้เป็นประโยชน์แบบที่ อันเก วางการเล่นให้ทีมของเขา”
ซึ่งเป็นความเห็นที่ตรงกับ แดน ออร์โลวิตซ์ นักข่าวจาก เจแปน ไทม์ส ฟุตบอล จากการวิเคราะห์เอาไว้ว่า
“วิธีการหลักของ อันเก คือ การเพรสซิ่งแบบหนักหน่วง เล่นเกมบุกแบบเต็มตัวเข้มข้น ครองบอลกดดันในแดนคู่แข่งเหมือนกับแนวคิดทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้ทีมของเขาแตกต่าง คือ ลดจังหวะการเล่นที่ผิดพลาด เล่นให้ฉลาดแน่นอนมากขึ้น เสี่ยงการดันกองหลังขึ้นมาตัดบอลสูงขึ้น เพื่อหยุดยั้งจังหวะโต้กลับของคู่แข่ง”
แน่นอนว่าผู้เล่นที่เหมาะกับบทบาท อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค ในสไตล์ของ อันเก ที่ทาง ลิเวอร์พูล มีอยู่ในมือก็คือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ ในตำแหน่งแบ็คขวา เพียงแต่ว่าผลงานในสนาม ความมั่นใจ และ สมาธิในการเล่นเกมรับ นั้นอยู่ในช่วงถดถอยถึงขีดสุด
ประสบการณ์ที่ อันเก เคยเปลี่ยนแนวคิดของ ธีราทร ให้ปรับเรื่องทัศนคติการเล่น จนกลายเป็นนักเตะไทยคนแรก ที่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ เจ ลีก ญี่ปุ่น แล้วก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในนักเตะทีมชาติไทย ที่มีฝีเท้าเก่งฉกาจที่สุด ตั้งแต่เคยมีมา
จากการให้สัมภาษณ์ของ โก๋อุ้ม ที่กล่าวไว้ว่า “เขาเป็นโค้ชที่ดุมาก ไม่ว่าคุณจะมาจากประเทศไหน หากคุณเล่นตามที่ต้องการไม่ได้ จะโดนตำหนิแบบไม่สนว่าคุณเป็นใคร”
“ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่สองที่ อันเก เข้ามารับงานที่ มารินอส สปิริตในทีมเปลี่ยนไป เขาไม่เพียงสอนแค่เรื่องของแทคติก แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดการแรงจูงใจของผู้เล่นด้วย”
“เขาไม่เคยวิจารณ์ผู้เล่นต่อหน้าสื่อ แม้สีหน้าตอนนั้นจะโกรธจัดแค่ไหน เขาเป็นคนเเข้มงวดที่จริงใจมาก มีความตรงไปตรงมา ดังนั้นเขาจึงเป็นที่รักของผู้เล่นในทีม”
จากลักษณะนิสัยที่กล่าวมา อันเก มีบุคลิกหลายอย่างที่ตรงกับ คล็อปป์ ในการวางตัวกับลูกทีม หากได้รับโอกาสให้เข้ามาทำงานในถิ่น แอนฟิลด์ จริงๆ คงปรับตัวเข้ากับลูกน้องใหม่ได้ไม่ยาก เพราะทรัพยากรหน้าเดิมๆ ที่เล่นบอลสไตล์คล้ายๆ กัน เหลือเพียงแค่ปรับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รวมไปถึงทัศนคติ มีสิทธิ์สูงที่จะเรียกความมั่นใจกลับมาให้ หงส์แดง เล่นฟุตบอลได้น่าเกรงขามเหมือนแต่ก่อน
แม้ว่าการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนกันยายนปีก่อนของ อันเก จะพูดถึงข่าวที่เชื่อมโยงกับ ลิเวอร์พูล เอาไว้ว่า
“มันเป็นเรื่องปกติมากๆ ที่มีการคาดเดากันไปต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับอนาคตของผม เพราะมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันแรกที่ผมรับหน้าที่นี้ ด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งพวกคุณต่างรู้ดี”
“สำหรับผมแล้วนั้น ผมไม่ได้เป็นกังวลใดๆ เกี่ยวกับข่าวที่นำเสนอออกไป มันแทบไม่ได้เข้ามาอยู่ในความคิดของผมด้วยซ้ำ”
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถคาดเดาอนาคตได้ ข่าวลือที่ออกมาในช่วงแรกๆ กลายเป็น “ความจริง” ที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลมาแล้วก็มาก หากผลงานของ ลิเวอร์พูล ยังคงตกต่ำอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ซึ่งทุกเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น อันเก คงเป็นตัวเลือกที่อยู่ในโผของบอร์ดบริหาร แล้วน่าจะถูกนำมาพิจารณาอย่างแน่นอน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ความจริงที่ สเปอร์ส : อันโตนิโอ คอนเต้ กับช่วงอาชีพที่เขารู้สึกท้อแท้ที่สุด
อาร์เตต้า & อาร์เซน่อล: ตัวอย่างของการอดทนและให้เวลากับโค้ชที่ทีมไทยลีกควรพิจารณา
เมา,ชน มีคนเสียชีวิต : นักเตะต่างประเทศกับคดีเมาเเล้วขับจบแบบไหนบ้าง ?
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.glasgowtimes.co.uk/sport/23303677.celtic-boss-ange-postecoglou-backed-liverpool-job/
https://sport.optus.com.au/news/j1-league/os2390/how-japan-sees-ange