ทัวร์นาเมนต์ลับ 2002 : โฆษณาช่วงฟุตบอลโลกที่สร้างความจดจำให้ Nike | คิดไซด์โค้ง

เหลือแค่อีกไม่กี่วัน ฟุตบอลโลก 2022 กาตาร์ ก็จะเปิดฉากอย่างเป็นทางการ และราวกับเป็นธรรมเนียมที่ก่อนทัวร์นาเมนต์จะระเบิดแข้ง จะมีโฆษณาช่วยโหมโรงการแข่งขัน

อย่างไรก็ดี ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน มีโฆษณาตัวหนึ่ง ที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั้งวงการ และยังคงตราตรึงอยู่ในใจหลายคน แม้กระทั่งปัจจุบัน

ชื่อของมันคือ “Secret Tournament” หรือทัวร์นาเมนต์ลับ ที่นำสตาร์ระดับโลกมาดวลแข้งกัน ส่วนจะดุเดือดเผ็ดมันแค่ไหน ติดตามไปพร้อมกับ #คิดไซด์โค้ง

ทัวร์นาเมนต์กลางมหาสมุทร

ทีมออลสตาร์ หรือการเอายอดแข้งของโลก ที่ยังคงเล่นอยู่ มาเล่นในทีมเดียวกัน ถือเป็นความฝันของแฟนบอลหลายคน และในปี 2002 ไนกี้ บริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ก็ทำให้ฝันนี้เป็นจริง

หลังจากสร้างความตื่นตากับลีลาการลากเลื้อยในสนามบินของนักเตะทีมชาติบราซิลในปี 1998 ตามด้วยภารกิจไปโจรกรรมลูกบอลในชื่อ Mission ไนกี้ ก็ต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวโฆษณาก่อนฟุตบอลโลก 2002 ที่ชื่อว่า Secret Tournament

มันคือการแข่งขันที่ผู้เล่นระดับโลกที่จัดทั้ง 24 คนจะร่วมกันฟอร์มทีม ทีมละ 3 คน รวม 8 ทีม เพื่อเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลกรงที่มีชื่อเล่นว่า Scopion K.O. บนเรือขนน้ำมัน ที่ลอยตัวอยู่ในทะเล โดยมีกฎง่ายๆ คือใครยิงเข้าก่อนชนะเลย

และสิ่งที่ทำให้ทัวร์นาเมนต์นี้ได้รับความสนใจคือการฟอร์มทีมของพวกเขา ที่ส่วนใหญ่มีธีมหลักที่แตกต่างกันไป และทำให้การแข่งขันมีความหลากหลายมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ทีมที่มาจากลีกเดียวกันอย่าง The Onetouchables ที่ประกอบไปด้วย พาทริค วิเอรา, พอล สโคลส์ และรุด ฟาน นิสเตอร์รอย หรือ Cerberus ที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นแบบกัดไม่ปล่อยอย่าง เอ็ดการ์ ดาวิดส์, ลิลิยง ตูราม และ ซิลแวง วิลตอร์ ไว้ด้วยกัน

รวมไปถึงทีมรวมแข้งเทคนิคอย่าง Triple Espresso ที่มี เธียร์รี อองรี, ฟานเชสโก ตอตติ และฮิเดโตชิ นาคาตะ เป็นสามประสาน หรือทีมที่รวมผู้เล่นที่พูดภาษาเดียวกันอย่าง Equipo del Fuego ที่ประกอบไปด้วยแข้งที่พูดสเปน ได้แก่ เคลาดิโอ โลเปซ, กาอิซกา เมนดิเอตา และ เฮอร์นัน เครสโป เป็นต้น

แต่ทีมที่ดูโกงที่สุดดูจะเป็น Os Tornados ที่นอกจากจะเอา โรนัลโด้ กับ โรแบร์โต คาร์ลอส มาอยู่ด้วยกันราวกับมาสเตอร์ลีกในวินนิ่งอีเลฟเวนแล้ว พวกเขายังมีตัวซัพพอร์ทชั้นดีอย่าง หลุยส์ ฟิโก้ ที่เพิ่งทำสถิติกลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก หลังย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 62 ล้านยูโร เมื่อปี 2000

ทว่า สิ่งที่ทำให้โฆษณาตัวนี้เป็นที่จดจำ ไม่ใช่มาจากชื่อชั้นของนักเตะเท่านั้น

เอาตัวรอดจากในกรง

แม้ว่า Scopion K.O. จะมีกฎที่ฟังดูง่าย แต่ในเชิงปฏิบัตินั้นตรงกันข้าม เนื่องจากขนาดของสนามที่ค่อนข้างแคบ แถมประตูยังเล็ก เล็กจิ๋วในระดับโกลหนู ทำให้ผู้เล่นต่างต้องพยายามงัดทักษะออกมาใช้เพื่อเอาตัวรอด

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ชมได้เห็นลีลาของนักเตะอย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกกระดกข้ามหัวของ เฟรดริค ลุงเบิร์ก, การชิ่งทะลุกำแพงของ โลเปซ, จ่ายบอลแบบไม่มองของ นาคาตะ หรือการไขว้ขาหลอกรัว ๆ ก่อนยิงประตูของเมนดิเอตา

แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือท่าแมงป่องของโรแบร์โต คาร์ลอส ที่ใช้วิธีหนีบบอลก่อนจะดีดข้ามหัวเข้าไป เช่นกันกับท่าที่อองรี กระโดดขึ้นไปบนหลังของ ต็อตติ ก่อนจะโหม่งบอลเข้าไปเป็นประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศ

จึงไม่แปลกที่หลังจากโฆษณาออนแอร์ออกไป มันจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กหลายคนพยายามเลียนแบบ หรือรวมทีม 3 คนเตะโกลหนูกับเพื่อนแถวบ้าน

“เกือบ 20 ทศวรรษ ไม่มีใครจำผลการแข่งขันที่แท้จริงได้ เพราะมันไม่ใช่ประเด็น พวกเขาจดจำทักษะต่างๆ เพราะว่ามันสำคัญกว่าการยิงประตูเสียอีก” พอล วิคเตอร์ นักเขียนของ Planet Football กล่าวในบทความ

นอกจากนี้ หลายสิ่งหลายอย่างในโฆษณาชิ้นนี้ ยังดูแปลกตา และเป็นที่จดจำ ทั้งป้ายที่ร่วงลงมาคล้ายกับกิโยติน หลังทีมตกรอบ หรือลูกบอลสีเงินแวววาวจนถึงขนาด โรนัลดินโญ เอามาส่องแทนกระจกได้

“แน่นอนว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือการประสานงานอันสุดยอดด้วยการเล่นที่เอกอุ และความคืบหน้าของทัวร์นาเมนต์” วิคเตอร์กล่าวต่อ

“ความอำมหิตในแบบกิโยติน ที่ชื่อของผู้เล่นจะหล่นลงมาด้านล่าง เพียงพอที่จะเตือนใจคุณว่าชัยชนะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความภาคภูมิใจถ้าไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว แต่มันยังเป็นแค่สิ่งเปล่าประโยชน์ เหมือนกับการยิงประตูด้วยการแปบอลอย่างง่ายๆเข้าไป”

บวกกับการตัดต่อที่เน้นความฉับไว ผสานเข้ากับเพลงประกอบติดหูของ จังกี เอ็กซ์แอล ศิลปิน ชาวดัตช์ ที่มิกซ์มาจาก A Little Less Conversation ของเอลวิส เพลสลีย์ จนทำให้มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัว

ทว่า ที่ควรได้รับเครดิตที่สุดคือ เทอร์รี จิลแลม ผู้กำกับโฆษณาชิ้นนี้ ที่เชื่อมั่นในความสามารถของผู้เล่นอย่างเต็มที่ และไม่ได้บีบให้นักแสดงต้องทำตามสคริปต์ จนทำให้พวกเขาเล่นได้อย่างอิสระและเป็นธรรมชาติ

และทำให้มันเป็นโฆษณาที่ตราตรึงอยู่ในใจผู้คน

โฆษณาฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดของไนกี้

แน่นอนว่าสิ่งที่เห็นในโฆษณา Secret Tournament อาจจะไม่ใช่การเล่นฟุตบอลแบบปกติ แต่มันก็เป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้เด็กหลายคนหยิบบอลออกไปเตะเล่นกับเพื่อน ไปจนถึงล่อลวงให้คนที่ไม่ได้ดูกีฬาสนใจในเกมลูกหนัง หรืออยากลองทำแบบในโฆษณาบ้าง

อิทธิพลดังกล่าว ยังทำให้ไนกี้ พยายามที่จะเดินตามรอยนี้ ด้วยการผลิตโฆษณาออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Joga Bonito หรือ Write the Future แต่ก็ยังไม่มีชิ้นไหนที่ดีกว่า หรือเทียบเท่าของปี 2002 ได้เลย