คิตฉี เบอร์ 1 แห่งเกาะฮ่องกง เริ่มเก่งตอนไหน ปีนี้โหดพอฟัด บียู หรือไม่ ?
ปูมหลัง
ฟุตบอลฮ่องกง ไม่ได้มีลีกที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเราจึงแทบไม่เคยได้ยินชื่อสโมสรจากประเทศของพวกเขาเลยในช่วงยุค 90s 2000s หรือต่อมาจนถึงช่วงสัก 10 ปีที่ผ่านมา ... จนกระทั่งการพุ่งขึ้นมาของสโมสรที่ชื่อว่า คิตฉี คำถามคือทำไมพวกเขาถึงเพิ่งทะยานมาเล่นในระดับเอเชียได้ในช่วงนี้ ?
จริง ๆ แล้ว คิตฉี ก่อตั้งสโมสรมาตั้งแต่ปี 1931 โดยได้อิทธิพลจากช่วงที่อังกฤษเข้ามาเช่าเกาะฮ่องกงและนำวัฒนรรมฟุตบอลเข้ามา แต่ก็ไม่ได้มีการพยายามที่จะผลักดันทีมอะไรมากนัก
ซ้ำร้ายในช่วงปี 1939 หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คิตฉี ยังถูกพักทีมออกไป เนื่องจากมีสงคราแปซิฟิกเริ่มขึ้น และ ญี่ปุ่น ขึ้นยึดเกาะฮ่องกง .. จนกระทั่งได้กลับมาทำทีมอีกครั้ง หลังญี่ปุ่น ประกาศยอมแพ้ ซึ่งช่วงเวลานั้นหลายคนในวงการฟุตบอล ฮ่องกง ก็เริ่มกลับมาก่อตั้งลีกฟุตบอลของตัวเอง โดยทีมคิตฉี ก็เริ่มกลับมาทำทีมในช่วงปี 60s โดยเเรกเริ่มก็ไม่ใช่ทีมดังและเก่งกาจอะไร
จนกระทั่งมาสู่ช่วงที่พวกเขาเรียกกันว่า "ยุคทอง" โดยช่วงยุคทองนั้นเกิดขึ้นในช่วง 2003 ที่สโมสรมีนักลงทุนเข้ามาบริหารและมีตัวแทนที่ชื่อว่า เคน อึ้ง เข้ามาเป็นประธานของทีม มีเงินจ้างผู้เล่นและโค้ชจากต่างประเทศมามากขึ้น โดยหลังจากพวกเขามีเงินทุนไม่นาน คิตฉี ก็คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยของฮ่องกง ก่อนจะกลายเป็นหนึ่งในตัวแทนลงไปเล่นใน เอเอฟซี คัพ ปี 2008 ซึ่งนั่นถือเป็นการจุดประกายการลงทุนของสโมสรให้มากกว่าเดิม
หลังจากนั้น คิตฉี ก็จับมือเป็นพันธมิตรกับภาคเอกชนมากมายในประเทศฮ่องกง นอกจากนี้พวกเขายังเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัย Chinese University of Hong Kong ที่ช่วยเรื่องการพัฒนานักเตะ การใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะเรื่องการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ และเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา
นอกจากนี้พวกเขายังได้รับเงินสนับสนุนจากทั้งทาง AFC เพื่อให้เป็นสโมสรแม่แบบของทีมอื่น ๆ ในประเทศ นอกจากนี้ยังมีการได้เงินสนับสนุนจากสโมสร อาร์เซน่อล ที่เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในการวางระบบเยาวชนให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ดังนั้นหลังจากมีพร้อมทั้งเรื่องเงินและคอนเน็คชั่น จนกระทั่งการลงมืออย่างจริงจัง ในปี 2010-11 คิตฉี ก็คว้าแชมป์ฟุตบอลลีก ฮ่องกง ครั้งแรกในรอบ 47 ปีด้วยการแซงหน้าคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง เซาธ์ ไชน่า
เมื่อหลังจากนั้นก็มีงบประมาณทำทีมเพิ่มขึ้นจากการอัดฉีดของกลุ่มทุนที่บริหารสโมสร เราจึงได้เห็นชื่อของคิตฉี เข้ามาปรากฎในรายการเอเชียบ่อย ๆ จากที่เคยเป็นทีมที่โดนเขี่ยง่าย ๆ ในช่วงแรก ๆ จนกระทั่งตอนนี้ คิตฉี มาไกลจนถึงขั้นกลายเป็นทีมที่เขาไปเล่นถึงรอบน็อคเอาต์เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์สโมสรจากฮ่องกงในการแข่งขันเมิ่อปี 2021 เรียบร้อยแล้ว
คิตฉีชุดปัจจุบัน
ปัจจุบัน คิตฉี ยังมีผู้บริหารเป็นทีมชุดเดิมที่ผลักดันทีมมาตลอดในช่วง 10-15 ปีหลังสุด นำโดย เคน อึ้ง เป็นประธานสโมสร
โดยกุนซือคนปัจจุบันคือ คิม ดอง จิน อดีตปราการหลังทีมชาติเกาหลีใต้ ที่เคยค้าแข้งมาโชกโชนทั้งใน เกาหลีใต้ กับหลายทีม ในยุโรปอย่าง เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก รวมถึงการเป็นนักเตะของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในปี 2014-15 อีกด้วย
สิ่งที่หลายคุนอาจจะไม่รู้คือ คิตฉี ไม่ได้เน้นแค่ชุดใหญ่อย่างเดียว เพราะพวกเขามีแผนงานและโครงการสำหรับทีมเยาวชนที่วางกันมาตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี มีโค้ชชาวสเปนอย่าง มานูเอล เครสโป คาราบาญ่า ที่เป็นทีมงาน วิเคราะห์เรื่องแท็คติกให้นักเตะเล่นสไตล์เดียวกันทุกชุด และมีผู้อำนวยการทีมระดับเยาวชนโดยเฉพาะอย่าง เอ็ดการ์ คาร์โดโซ ที่เป็นโค้ชชาวโปรตุเกส
โดยในฤดูกาลนี้คิตฉี ลงเล่นเกมลีกไปเพียง4 เกม แต่ผลงานถือว่ายอดเยี่ยมจากการชนะไป 3 เกม โดยเกมที่ชนะพวกเขาไม่เสียประตูให้คู่แข่งเลย และยิงประตูได้ถึง 14 ลูกจาก 4 เกมเลยทีเดียว
นอกจากนี้ในช่วงพรีซีวั่น คิตฉี ก็มาอุ่นกับทีมจากสโมสรในประเทศไทย อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (แพ้ 2-3) , แบงค็อก ยูไนเต็ด (แพ้ 2-3) ชัยนาท ฮอร์บิล (ชนะ 3-2) อุทัยธานี (ชนะ 3-2) และ เสมอ ตราด เอฟซี (เสมอ 1-1)
ภายใต้การทำงานของ คิม ดอง จิน นั้น คิตฉี ใช้ระบบการเล่นแบบ 4-3-3 โดยนักเตะที่โดดเด่นได้แก่
คิม ชิน วุก
กองหน้าเจ้าของความสูง 194 เซ็นติเมตร ในอดีตเคยติดทีมชาติ เกาหลีใต้ชุดใหญ่มาแล้ว และคว้าแชมป์รายการ ACL มาแล้วกับ ชุนบุค ฮุนได สไตล์ของ ชิน วุก นั้นสัมพันธ์กับส่วนสูงของเขา เพราะเป็นกองหน้าตัวเป้าเบอร์ 9 แท้ ๆ ที่ถนัดเรื่องการเก็บบอล พักบอล เข้าปะทะ และการเล่นลูกกลางอากาศที่โดดเด่นมาตลอด
โดยในซีซั่นนี้ คิม ชิน วุก ยิงไปแล้ว 4 ประตู โดยช่วงที่เขาย้ายทีมมาในต้นปี 2023 ชิน วุก ให้สัมภาษณ์ว่าเป้าหมายของเขาคือการพาทีมไปเป็นแชมป์รายการนี้ อย่างไรก็ตามผลงานในถ้วยเอเชียของไม่ดีนัก เนื่องจากยังยิงประตูไม่ได้เลย และทีมก็แพ้รวดจาก 2 เกมแรกอีกด้วย
โอเกนยี่ โอนาซี
กองกลางตัวรับดีกรีทีมชาติไนจีเรียชุดใหญ่ เคยผ่านการค้าแข้งมากับลาซิโอ และ แทรบซอนสปอร์ เขามีประสบการณ์เล่นในรายการอย่าง ยูโรป้า ลีก และเคยยิงประตูใน กัลโช่ เซเรีย อา ได้มาแล้ว ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ คิตฉี ในซีซั่นนี้
มิคาเอล
มิคาเอล ตัวรุกริมเส้นจากบราซิลเป็นอีกคนที่ทำผลงานได้ดี ยิงประตูได้มากที่สุดจากทุกรายการของ คิตฉี ในเวลานี้ โดยซัดไปแล้ว 8 ลูก โดยในเกมกับ ชุนบุค นั้นเขาคือผู้ยิงประตูสูงสุดประจำเกมวีกที่ 1 ด้วยการจักรยานอากาศยิงจากนอกกรอบเขตโทษ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนทั้ง รุสลาส มิงกาซอฟ กองหน้าจากเติร์กเมนิสถาน และมีนักเตะต่างชาติที่ถือสัญชาติ ฮ่องกง อีกหลายคนได้แก่ เปาโล เซซาร์ ประตูสัญชาติบราซิล ทั้งแนวรับอย่าง เฮลิโอ(บราซิล), โรแบร์โต้(บราซิล),เฟอร์นันโด(บราซิล) โอลิเวอร์ เกอร์บิก(เยอรมัน) กองกลางอย่าง ชินิจิ ชาน (ญี่ปุ่น), กองหน้า อย่างแมทธิว สลัตเทอลี่ย์ (อังกฤษ)
ส่วนรูปแบบวิธีการเล่นของ คิตฉี จาก 2 เกมที่เห็นใน ACL จะเริ่มชี้กันไปที่จุดแรกคือเรื่องของเกมรับ โดย 2 เกมที่ คิตฉี แพ้ให้กับ ชุนบุค และ ไลออน ซิตี้ เซลเลอรื พวกเขาเสียไปเกมละ 2 ประตู โดยในเกมกับ ชุนบุค นั้น คิตฉี ปล่อยให้ ชุนบุค มีโอกาสยิงประตูถึง 24 ครั้ง (เข้ากรอบ 5) ส่วนใหญ่เป็นการได้ยิงในกรอบเขตโท๋ษด้วย ขณะที่เกมกับ ไลออน ซิตี้ เซลเลอร์ ก็แแพ้คาบ้านด้วยการโดนทีมเยือนมีโอกาสยิงประตูมากกว่า และมีการได้ยิงจะ ๆ อยู่หลายหน
โดยในส่วนเกมรับที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องของการปิดการเล่นริมเส้นของคู่แข่ง 4 ประตูที่เสียใน 2 เกมแรกของ คิตฉี มาจากจุดเริ่มต้นที่บอลริมเส้นของคู่แข่งทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องของจุดแข็งนั้นต้องยกให้การเล่นของตัวต่างชาติดังที่กล่าวมา เพราะมีทีเด็ดที่ใช้โอกาสไม่เปลือง โดยเฉพาะโอกาสเข้าทำจากลูกเซ็ตพีซถือเป็นทีเด็ดที่คิตฉีใช้มาตลอด
และนี่คือทั้งหมดของเบอร์ 1แห่งเกาะฮ่องกง ที่ ทรู แบงค็อก จะประมาทพวกเขาไม่ได้..
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ข่าวและบทความล่าสุด
RELATED BY AUTHOR