คณะวินัยฯ เร่งประสาน มธ.-ตำรวจ ล่ามือป่วนเกมชิงรีโว่คัพ
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม ครั้งที่ 12/2567 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน ได้พิจารณาเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลรายการรีโว่ คัพ คู่ระหว่าง สโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบ สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2567
ในการแข่งขันฟุตบอลนัดดังกล่าว เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน ดังนี้
เหตุการณ์ที่ 1 ก่อนการแข่งขัน กองเชียร์ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สวมชุดดำโบกธงเชียร์ รวมตัวกันจุดพลุแฟลร์ บริเวณฝั่งอัฒจันทร์ โซน N
เหตุการณ์ที่ 2 ก่อนการแข่งขัน กองเชียร์ เมืองทอง ยูไนเต็ด บริเวณโซน S รวมกลุ่มกันร้องเพลงเชียร์ และจุดพลุแฟลร์
เหตุการณ์ที่ 3 หลังจบการแข่งขันในช่วงพิธีมอบถ้วย กองเชียร์ เมืองทอง ยูไนเต็ด ลักลอกนำพลุไฟเข้าไปบนอัฒจันทร์ฝั่งโซน S และจุดพลุแฟร์ปรากฏเป็นกลุ่มควัน และมีการยิงพลุวิถีโค้ง จากอัฒจันทร์ตกลงสู่สนาม และบริเวณรอบนอกสนามแข่งขัน
เหตุการณ์ที่ 4 หลังจบการแข่งขัน และเสร็จสิ้นพิธีมอบถ้วย มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกัน ระหว่างกองเชียร์ เมืองทอง ยูไนเต็ด และ สโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด บริเวณลานกิจกรรมโซน E มีการใช้วัสดุทำร้ายตอบโต้กันไปมา โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีรถตู้ที่จอดอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายเป็นรอยบุบ
เหตุการณ์ที่ 5 ในช่วงเวลา 21.00 น. หลังจบพิธีการมอบถ้วยภายในสนามแข่งขันแล้ว ได้รับแจ้งเหตุการณ์จากทีมงานรักษาความปลอดภัยว่ามีเหตุความเสียหายของรถกระบะ ของประชาชนที่จอดอยู่บริเวณพื้นที่ว่างด้านหลังอัฒจันทร์โซน N เกิดเหตุไฟไหม้เสียหายทั้งคันจากการจุดพลุแฟลร์
ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ได้ดูรายงานของฝ่ายจัดการแข่งขัน และฝ่ายรักษาความปลอดภัย รวมทั้ง ดูคลิปเหตุการณ์ต่างๆ โดยเห็นควรว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายหลายจุดในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน จึงให้ประสานงานกับเจ้าของพื้นที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สรุปรายละเอียดความเสียหายโดยรอบสถานที่จัดการแข่งขัน และบริเวณใกล้เคียง ที่เกิดขึ้นจากการจุดพลุในช่วงเวลาดังกล่าว เพิ่มเติม
สำหรับ กรณีความเสียหายกับรถกะบะ ของประชาชน ได้ประสานขอรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง ภ.จว.ปทุมธานี มีหลักฐานชี้ชัดถึงผู้กระทำผิด ผ่านกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานโดยอยู่ระหว่างนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ต่อไป