ครั้งหนึ่งที่ ‘อาแจ็กซ์’ ยอดทีมลีกดัตช์ ยังคุม ‘ซิฟโควิช’ กองหน้าป้ายแดง แบงค็อก ไม่อยู่!
ริไจโร ซิฟโควิช อดีตศูนย์หน้าของ ไลอ้อน ซิตี้ เซลเลอร์ส ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ในแนวรุกของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังพกผลงานการยิงประตูที่ไว้ใจได้ติดตัวมาด้วยเช่นกัน ในวัยเพียงแค่ 27 ปี ดาวยิงรายนี้ย้ายสังกัดมาแล้วนับ 10 สโมสร ดังนั้นจึงอนุมานได้สองทางว่า เป็นนักเตะที่ชอบความท้าทาย หรือ มีคาแรกเตอร์ม้าพยศ ที่ยากจะคุมอยู่
ความจริงแล้ว ซิฟโควิช ถือว่าเป็นดาวรุ่งพรสวรรค์ระดับ วันเดอร์ คิดส์ ของวงการฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ จนสื่อหลายสำนักในต่างประเทศ เคยตั้งฉายาให้เขาเป็น นิว อาร์เยน ร็อบเบน หรือ นิว หลุยส์ ซัวเรซ จากสไคล์การเล่นและเส้นทางการค้าแข้งที่คล้ายคลึงกัน
อย่างไรก็ตามด้วยวินัยและอีโก้ส่วนตัว ทำให้ ซิฟโควิช ไม่เปรี้ยงปร้างตามที่แฟนบอลคาดหวังเอาไว้ ซึ่งวีรกรรมแสบๆ ของเขาเริ่มตั้งแต่ย้ายจาก โกรนิงเก้น มาอยู่กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยอดทีมที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เต้ย’ แห่งฟุตบอลดัตช์
เรื่องราวความแสบสันต์ของ ซิฟโควิช จะเป็นยังไง? ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ไอ้หมอนั่นเก่งกว่าผมจริงดิ!
ซิฟโควิช เป็นลูกครึ่ง เซอร์เบีย (แม่)-คูราเซา (พ่อ) ที่เกิดในประเทศเนเธอร์แลนด์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆ กับสโมสร เอฟวีวี ทีมเล็กๆ ในหมู่บ้าน ฟ็อกซ์ฮอลล์ โดดเด่นเรื่องความเร็วและความคล่องตัว จนเมื่ออายุได้ 11 ปี ก็ถูกทางสโมสร โกรนิงเก้น ดึงตัวไปเข้าอคาเดมี่ ซึ่งตอนนั้นเขาสามารถเลือกเล่นทีมชาติได้ถึง 4 ชาติ คือ เซอร์เบีย, เนเธอร์แลนด์, คูราเซา และ มอนเตเนโกร
ในเดือนธันวาคม 2012 ซิฟโควิช ได้เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกกับ โกรนิงเก้น เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเขาได้ลงประเดิมสนามในเกมอย่างเป็นทางการให้กับทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่อายุแค่ 16 ปี กับ 88 วัน กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โกรนิงเก้น ที่ได้รับโอกาสนี้ แถมประตูแรกที่เขาทำได้ในฤดูกาล 2013/14 นับเป็นสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับที่สองที่ทำประตูได้ รองจากแค่ อาร์เยน ร็อบเบน (Arjen Robben) สตาร์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์แค่คนเดียว
สุดท้ายในฤดูกาล 2014/15 เป็นทาง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยักษ์ใหญ่แดนกังหันลมที่ได้ตัว ซิฟโควิช ไปครอง ด้วยสนนราคาราว 2.15 ล้านยูโร (ตีเป็นเงินไทยราว 85 ล้านบาท) บวกกับการส่ง แดนนี่ย์ ฮูเซน ย้ายสลับขั้วไปอยู่กับ โกรนิงเก้น เดินตามรอยรุ่นพี่อย่าง หลุยส์ ซัวเรซ
แม้ว่า ซิฟโควิช จะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง แต่แนวทางของ อาแจ็กซ์ ยังคงต้องรอให้ปรับตัวเข้ากับทีมได้ก่อน ส่วนใหญ่เขาจึงถูกใช้งานเป็นตัวหลักใน ลีก เยาวชน รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี หรือ จูปิแลร์ ลีก โดยได้ลงสนามไป 25 นัด ยิงไป 18 ประตู กับทำ 1 แอสซิสต์ ส่วนผลงานกับทีมชุดใหญ่ ซิฟโควิช ประเดิมสนามในเกมบอลถ้วยที่ถล่ม เอฟวี เอิร์ก 4-0 โดยลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งหลังแทนที่ของ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค (Arkadiusz Milik) แล้วทำประตูปืดท้ายให้กับต้นสังกัดสำเร็จ นับเป็นผู้เล่นคนที่ 50 ของ อาแจ็กซ์ ที่ยิงประตูได้ตั้งแต่เกมนัดเปิดตัว มีโอกาสลงเล่นในศึกชิงแชมป์ยุโรปทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก
อย่างไรก็ตาม แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ผู้จัดการทีม อาแจ็กซ์ ในตอนนั้น ยังคงไม่ไว้วางใจในตัว ซิฟโควิช แบบเต็มร้อย เพราะนักเตะรายนี้ยังติดปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ รวมกับความทะเยอทะยานบวกกับอีโก้ความห้าวจากการที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่ง เลยตัดสินใจใช้งานเขาแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้นจากการที่ อาแจ็กซ์ มีตัวเลือกในแนวรุกมากมาย รวมไปถึงเริ่มเข้าสู่ยุค โกลเด้น เจนเนอเรชั่น ตั้งแต่ปี 2015/16 เพื่อนร่วมทีมของเขาในชุดใหญ่มีนักเตะที่กลายมาเป็นสตาร์ในอนาคตอย่าง อังเดรย์ โอนาน่า (Andre Onana), เฟร็งกี้ เดอ ยอง (Frenkie De Jong) และ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (Donny Van de beek) ทำให้โอกาสของ ซิฟโควิช ถูกลดทอนลงไปอีก
แต่จุดเดือดที่ทำให้ ซิฟโควิช สงสัยมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การยืมตัว ยายา ซาโนโก้ ศูนย์หน้าจาก อาร์เซน่อล ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับเขาในแนวรุกเข้ามา จนต้องออกไปให้สัมภาษณ์กับสื่อในเนเธอร์แลนด์อย่าง Voetbal เอาไว้ว่า
“ถ้าถามว่าผมเก่งกว่า ยาย่า ซาโนโก้ มั้ยน่ะเหรอ? แน่นอนสิ ผมย้ายทีมออกไปแล้วก็จริงตอนเขาเข้ามา แต่หลังจากนั้นทีมก็ปล่อย โคลไบน์น ซอกห์ทอร์สสัน ออกไปอีก”
“ผมอยากอยู่กับทีมต่อเพื่อแข่งขันกับ มิลิค ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าตัวจริง ผมไม่อยากเป็นตัวเลือกที่สองในแดนหน้า โดยไม่คาดหวังว่าจะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของทีมในสักวันหรอกนะ”
ปี 2016 อาแจ็กซ์ ตัดสินใจปล่อยตัว ซิฟโควิช ออกไปให้กับ อูเทร็คช์ ยืมตัวไปใช้งาน แล้วปรากฎว่าฤดูกาลนั้นดาวยิงรายนี้ได้ลงสนามไปทั้งหมด 37 นัด ทำไป 14 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ แต่คู่แข่งของเขาอย่าง ซาโนโก้ ได้ลงเล่นให้กับ อาแจ็กซ์ ไปเพียงแค่ 7 นัด ยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ทำไป 1 แอสซิสต์ ซึ่งนี่อาจจะเป็นคำตอบที่สะท้อนว่า ซิฟโควิช ไม่ผิดที่จะมั่นใจแบบนั้นก็เป็นได้
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :