คุยกับพ่อ-แม่ ระบบเยาวชนสวีเดนสร้าง เอริก คาห์ล ยังไง จะเล่นให้ทีมชาติไทยหรือเปล่า?

คุยกับพ่อ-แม่ ระบบเยาวชนสวีเดนสร้าง เอริก คาห์ล ยังไง จะเล่นให้ทีมชาติไทยหรือเปล่า?
ชยันธร ใจมูล

หลังจากมีข่าวลือในสื่อกีฬาไทยเรื่องทีมชาติไทย ภายใต้การนำของมาโน่ โพลกิ้ง ที่เพิ่งเสร็จศึกจากยุโรปกับทีมชาติจอร์เจียและ ทีมชาติเอสโตเนีย เตรียมเสริมทัพ ด้วยการเตรียมเรียก “เอริค คาห์ล” แบ็กดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-สวีเดน ที่ปัจจุบันเล่นในเดนิชซูเปอร์ลีก  กับทีม AGF มาติดทีมชาติไทย

ผู้สื่อข่าวคิดไซด์โค้ง ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ คุณแม่ และคุณพ่อของสองพี่น้องตระกูลคาห์ล ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ถึงเรื่องมุมมองของฟุตบอล การที่มีลูกชายเป็นนักเตะอาชีพทั้งเอริค คาห์ล และ ออสการ์ คาห์ล อดีตผู้เล่นที่เคยผ่านศึกไทยพรีเมียร์ลีกมาหลายสโมสร ถึงมุมมองการสร้างนักฟุตบอลเยาวชนของสวีเดนที่มีความน่าสนใจ และเรื่องอนาคตของทั้งสองคน

PHOTO : Jyllands-Posten

“ระบบฟุตบอลเยาวชนของสวีเดนถือว่าดีมาก ตั้งแต่เด็กอายุ 5-9 ขวบ เขาจะสอนให้คุณสนุกกับฟุตบอลก่อน ถ้าไม่สนุกทุกอย่างก็ไม่อยากไปต่อ และเขาจะดึงให้พ่อแม่เข้ามามีบทบาท เช่น สโมสรก็จะเรียกคุณพ่อเข้าไปอบรมการโค้ชชิ่งเพื่อที่ สัปดาห์นึงอาจจะซ้อม 2-3 วัน แต่วันอื่นๆก็ยังสามารถดูแลลูกตามตารางได้ และกลุ่มแม่ๆเองก็ทำหน้าที่ทำขนมขายทำของที่ระลึกขาย เพื่อที่จะเอามาดูแลสโมสรด้วย” คุณแม่ เล่าถึงระบบเยาวชนของสวีเดนที่เริ่มต้นจากสโมสรเล็กๆใกล้บ้าน

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจก็คือสโมสรใหญ่ๆของสวีเดน ใช้ระบบเดียวกับเยอรมันก็คือ “กฎ 51%” คือจะมีห้างหุ้นส่วนที่ก่อตั้งโดยแฟนคลับเข้ามาบริหารส่วนใหญ่ ส่วนสโมสรเล็กๆก็จะใช้ระบบสมาคมเข้ามาดูแลต่างจากของไทยที่เป็นของบริษัทหรือกลุ่มทุนการเมือง ทำให้อำนาจการตัดสินใจอยู่ในมือของแฟนฟุตบอล คุณพ่ออธิบายโครงสร้างที่แตกต่างกัน

PHOTO : Bangkok United

เมื่อถามถึงออสการ์ที่ตัดสินใจมาเล่นที่เมืองไทย คุณแม่เล่าว่า

“ตอนนั้นทางออสการ์ต้องการสัญญานักเตะอาชีพ และมีทีมจากไทยยื่นข้อเสนอจึงสนับสนุนให้มาลองคว้าโอกาสดู แต่ตอนตัดสินใจอายุเพียง19ปี และพบว่าการมาเล่นที่ไทยแตกต่างจากความคาดหวัง ออสการ์เกิดอาการบาดเจ็บ และต้องย้ายทีมบ่อย”

ปัจจุบันออสการ์ก็ยังไม่ทอดทิ้งฟุตบอลที่เขารัก และยังเรียนโค้ชจนจบ ซี-ไลเซนส์ รวมทั้งทำงานสอนฟุตบอลในโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

สองพี่น้องคือผลผลิตจาก AIK สโมสรชื่อดังของสวีเดน โดยเอริคมักจะตามพี่ชายไปเล่นฟุตบอลด้วยจนได้เข้าทีมด้วยกัน คุณพ่อเล่าถึงรุ่นพี่ชื่อดังอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่กลายเป็นตัวหลักของทีมชาติสวีเดน และนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดว่า “เขาสองคนรู้จักอิซัคดี อิซัคนั้นเป็นเด็กฝึกของ AIK เช่นกัน และมีทักษะที่ดี ถึงแม้จะตัวใหญ่แต่มีความเร็วและความแข็งแรงที่แข็งแกร่งมากๆ” คุณพ่อยังเล่าอีกว่าเอริคเองก็เคยได้รับการทดสอบฝีเท้ากับสโมสรดังอย่างบอร์กโดซ์ แห่งลีกเอิง แต่หลังเดินทางกลับสวีเดนเป็น AIK ที่ยื่นสัญญาอาชีพให้ฉบับแรก

เอริคเองถือเป็นนักฟุตบอลที่น่าจับตาคนหนึ่งของสวีเดน เพราะไม่เคยติดทีมชาติเยาวชนชุดเล็ก และจู่ๆก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติสวีเดนชุด ยู-20 เรื่องนี้คุณแม่ให้ความเห็นว่า “พัฒนาการของเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือการได้รับโอกาส อย่างเอริคเองมีช่วงอายุ 13-14 ที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องรับการผ่าตัด เราเคยคิดว่าเขาน่าจะต้องเลิกเล่น แต่เมื่อกลับมาจากการพักฟื้น กลายเป็นว่าฟอร์มของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ” ปัจจุบันเอริคย้ายไปเล่นในลีกเดนมาร์กตั้งแต่ปี 2021 โดยได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อถามถึงเรื่องการติดทีมชาติสวีเดน ยู-21 คุณพ่อเล่าว่า

PHOTO : บอลไทย
วันที่เอริกติดทีมชาติ คือความภาคภูมิใจ ผมมองว่าเขาได้รับการตอบแทนจากการทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด”

ส่วนเรื่องอนาคตสำหรับทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่เป็นข่าว เรื่องนี้คุณแม่ขอตอบว่า

“มันเป็นเรื่องของอนาคต และตอนนี้ยังไม่ได้มีการได้รับการติดต่อเป็นทางการแต่อย่างใด ส่วนตัวยังคงงงกับข่าวที่ได้มีการนำเสนอออกมา ทางตัวของเอริกเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้ และอยากโฟกัสทำผลงานกับสโมสรให้ดีกว่านี้ ถ้าหากมีโอกาสในการไปเล่นสโมสรที่ใหญ่ขึ้นแล้วประสบความสำเร็จ วันนั้นอาจจะต้องให้เอริกมาตัดสินใจกันอีกครั้งหนึ่ง”

ก็ต้องติดตามต่อไปถึงอนาคตของ เอริค คาห์ล อีกหนึ่งดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-สวีเดนที่น่าจับตามอง และให้กำลังใจออสการ์ คาห์ล ที่กำลังเรียนรู้และทำงานโค้ชในประเทศไทยต่อไป

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การสัมภาษณ์ส่วนตัว

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

มุมมอง บิ๊กฮั่น : "บุรีรัมย์ เวย์ คือ วิมเบิลดัน เมืองไทย"

แชร์บทความนี้
หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ