กิลเยร์โม่ โอชัว: ผู้รักษาประตูที่ ‘เก่งที่สุด’ เมื่อฟุตบอลโลกเวียนมาถึง

เม็กซิโก อาจจะมีผลงานที่กระท่อนกระแท่นในฟุตบอลโลก 2022 จากการเก็บได้เพียงแค่ 1 คะแนนจาก 2 เกม ทว่าพวกเขาก็ยังไม่หมดหวัง หลังตรียมทำศึกชี้ชะตากับ ซาอุดิอาระเบีย เพื่อลุ้นเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ในเวลา 2:00 น. ของวันที่ 1 ธันวาคมนี้

และสำหรับทีมชุดนี้ นักเตะที่หากไม่พูดถึงไม่ได้เลยคงจะเป็น กิลเยร์โม่ โอชัว ผู้รักษาประตูจอมหนึบ ที่ทำผลงานได้โดดเด่นทุกครั้งเมื่อทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์มาถึง ล่าสุดเขาเพิ่งจะเซฟจุดโทษของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี จนทำให้บ้านเกิด แบ่งแต้มกับโปแลนด์ในเกมนัดแรก

อย่างไรก็ดี ฟอร์มการเล่นของเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงยามรับใช้สโมสร โดยเฉพาะตอนค้าแข้งในยุโรป เมื่อเป็นได้แค่โกลธรรมดา แถมยังเคยเสียไปถึง 80 ประตูในฤดูกาลเดียวมาแล้ว

เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? ร่วมหาคำตอบว่าไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

โกลฝีมือธรรมดาในสีเสื้อสโมสร

แม้ว่าขุนพล “จังโก้” เม็กซิโก จะไม่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เลย แต่พวกเขาถือเป็นทีมที่มีสีสันและสร้างผู้เล่นระดับตำนานฟุตบอลไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ฮอร์เก คัมโปส ผู้รักษาประตูระดับตำนาน หรือราฟาเอล มาร์เกวซ ปราการหลังที่เคยเล่นให้ บาร์เซโลน่า รวมถึงกองหน้าจอมเทคนิคอย่าง เคาห์เตม็อก บลังโก

และล่าสุด กิเยร์โม่ โอชัว นายด่านจาก คลับอเมริกา ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับการยกย่องจากฟอร์มการเซฟสุดโหดในนามทีมชาติ และหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาผู้รักษาประตูคนนี้เป็นอย่างดี จากการผ่านเวทีฟุตบอลโลกมาแล้วถึง 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2006 ถึงปี 2022

สำหรับ โอชัว เขาเริ่มต้นค้าแข้งกับสโมสร คลับ อเมริกา ในบ้านเกิด ด้วยวัย 18 ปี เมื่อปี 2004 จากการค้นพบของ ลีโอ บีนฮักเกอร์ กุนซือจอมเก๋าชาวฮอลแลนด์ ที่เคยคุมทัพในช่วงปี 2003-2004

โอชัว อยู่เฝ้าเสาให้ คลับ อเมริกา ถึง 7 ปี และลงเล่นให้กับทีมมากถึง 239 นัดรวมทุกรายการ ก่อนที่โอกาสในการค้าแข้งในยุโรปของเขาจะมาถึง หลังอฌักซิโอ้ ทีมในลีกเอิงของฝรั่งเศส ตัดสินใจดึงตัวไปร่วมทัพในปี 2011

อย่างไรก็ดี การผจญภัยในยุโรปของเขา กลับไม่มีอะไรที่น่าจดจำ เมื่อ โอชัวเป็นเพียงแค่นายประตูฝีมือธรรมดาในลีกเอิง โดยเสียไปถึง 59 ประตูจาก 37 นัดที่ลงสนามในฤดูกาลแรก และเสียไปอีก 71 ประตูจาก 37 นัดในอีก 2 ซีซั่นต่อมา

(อันที่จริงในช่วงเวลาดังกล่าว เขายังเคยได้รับความสนใจจาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น)

แถมหลังจากนั้นในปี 2014 แม้ว่า โอชัว จะได้ไปผจญภัยในลาลีกา กับ มาลากา และกรานาดา แต่ผลงานก็ไม่ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะกับทีมหลัง ที่เขาเสียไปถึง 82 ประตูจาก 38 นัด และทำให้ทีมต้องร่วงตกชั้นลงไปเล่นในเซกุนดาลีกา ด้วยอันดับสุดท้ายของตาราง

โอชัว ได้โลดแล่นอยู่ในยุโรปจนถึงปี 2019 ก่อนจะกลับมาซบอก คลับ อเมริกา ทีมเก่า และแทบไม่ได้หลงเหลือความสำเร็จหรือเป็นที่จดจำในหมู่แฟนบอลของยุโรปแม้แต่น้อย

แต่ไม่ใช่เลย หากเขาได้สวมเสื้อทีมชาติเม็กซิโก

ยอดนายด่านประจำทัวร์นาเมนต์ใหญ่

อันที่จริง โอชัว ถือเป็นคนเก่าคนแก่ของขุนพลจังโก้ หลังถูกเรียกติดทีมชาติมาตั้งแต่ปี 2005 ทว่า ทัวร์นาเมนต์แรกที่เขาถูกพูดถึงมากที่สุด คงจะเป็นรายการไหนไปไม่ได้ นอกจาก ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล

ในรายการดังกล่าว โอชัว ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะรอบแบ่งกลุ่มที่ เม็กซิโก เจอ บราซิล นายด่านที่มีส่วนสูงเพียง 183 เซ็นติเมตร โชว์ฟอร์มเซฟแบบเวอร์วังอลังการราวออกมาจากการ์ตูน

เกมนั้นเขาเซฟลูกยิงของบราซิลถึง 6 ครั้งจนได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ พร้อมกับทำให้ โอชัว ถูกพูดบนทวิตเตอร์มากถึง 1,967,657 ครั้ง รวมถึงถูกนำไปทำภาพล้อเลียนจำนวนมากในสังคมออนไลน์

“เราจะไม่พูดถึงผู้รักษาประตูของพวกเขาไม่ได้เลย เขาสร้างปาฏิหาริย์อย่างน้อย 4 ครั้ง” เฟร็ด กองหน้าชาวบราซิลกล่าวถึง โอชัว หลังเกมวันนั้น

“โอชัว คุณมันเหลือเชื่อ” โคบี้ ไบรอันท์ นักบาสชื่อดังก้องโลกออกมาโพสผ่านทวิตเตอร์หลังจบเกม

ความเหนียวหนึบทำให้มีข่าวลือมากมายในโซเชียลมีเดีย ที่โด่งดังที่สุดคือการลือว่า โอชัว มีมือขวา 6 นิ้ว ที่ทำให้เขาโชว์ฟอร์มเยี่ยมในการป้องกันประตู อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากรูปบนโซเชียลมีเดียของเขา ว่าเขามีเพียงสิบนิ้วเท่ากับคนปกติทั่วไป เรื่องที่เป็นไวรัลนั้นเป็นเพียงเรื่องอำกันเท่านั้น

แล้วอะไร ที่ทำให้เขาโดดเด่นยามเล่นในรายการใหญ่

เคล็ดไม่ลับฉบับโอชัว

ด้วยส่วนสูง 183 เซนติเมตร ทำให้โอชัว ก็มีส่วนคล้ายกับผู้รักษาประตูระดับตำนานของ เม็กซิโก ในยุคก่อน ที่มักจะมีส่วนสูงไม่มาก แต่สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จากสปริงข้อเท้าที่แข็งแกร่ง

และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ โอชัว มักจะมีผลงานไม่ดีในระดับสโมสร เพราะแม้ว่าเขาจะมีสปริงข้อเท้าที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่การแข่งขันแบบลีกนั้นมีเกมต้องลงสนามจำนวนมาก ที่ทำให้อาวุธเด็ดของเขาไม่สามารถนำมาใช้ได้ตลอดรอดฝั่ง

ตรงข้ามกับเมื่อรับใช้ทีมชาติ ซึ่งมักจะเป็นรายการสั้น ๆ หรือทัวร์นาเมนต์อย่างฟุตบอลโลกที่มีจำนวนการแข่งขันไม่มากนัก ทำให้โอชัว สามารถใช้สปริงข้อเท้า ซึ่งเป็นจุดเด่นของเขา ได้อย่างมีประสิทธิภาพไปจนจบทัวร์นาเมนต์

นอกจากนี้ การเป็นผู้เล่นระดับซีเนียร์ของทีมชาติ ยังทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น เพราะต้องแสดงศักยภาพให้เพื่อนร่วมทีมทุกคนได้เห็น รวมถึงเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนร่วมทีม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเตะรุ่นน้อง

แต่ที่สำคัญคือประสบการณ์ที่โชกโชน ทั้งการผ่านเวทีฟุตบอลโลกมาถึง 5 สมัย หรือการได้ค้าแข้งอยู่ในยุโรปตลอด 8 ฤดูกาล ได้ทำให้เขาได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากจากเพื่อนร่วมทีม และผลักดันให้เขาทำผลงานได้ดีในทัวร์นาเมนต์นานาชาติ

“ผู้คนต่างเชื่อมั่นในตัวเขา” ออสการ์ เปเรซ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติเม็กซิโกอธิบาย

“สิ่งนั้นสะท้อนให้เห็นในสื่อ ในหมู่เพื่อนร่วมทีม และแฟนๆ โอชัวได้รับการยอมรับในการเป็นผู้นำ จากผลงานตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขามีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในระดับสูง เขามีความเป็นมืออาชีพที่ยอดเยี่ยม และนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเพื่อนร่วมทีม เพราะพวกเขาเห็นมัน และพวกเขาจะกลายเป็นแบบนั้น”

แน่นอนว่า นายด่านวัย 37 ปีก็หวังว่าจะใช้ประสบการณ์ที่เขามี พาเม็กซิโก ไปให้ไกลที่สุดในฟุตบอลโลก 2022 หลังจากขุนพลจังโก้ มักจะกระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายมาตลอด

“ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่มีประสบการณ์ วิธีการช่วยเหลือเพื่อนร่วมคือการทำให้พวกเขารู้สึกปกติ ทำให้พวกเขาสบายใจ เพื่อไม่ให้ความเครียดมารบกวนพวกเขา เพื่อให้ตราสัญลักษณ์เม็กซิกันบนเสื้อของพวกเขาไม่กดดันพวกเขา” โอชัว ที่อายุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในกาตาร์ 2022 กล่าว

“มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งที่ผู้เล่นที่เก่งมากในสโมสรและทีมชาติไม่เหมือนกัน คุณต้องพยายามรวมพวกเขาเข้าด้วยกันและทำให้พวกเขาสงบลง”

ตอนนี้เม็กซิโก มีเพียงแค่ 1 คะแนนจาก 2 นัด และเตรียมทำศึกชี้ชะตาในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มกับซาอุดิอาระเบีย ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ โดยพวกเขาต้องการเพียงแค่ชัยชนะเพียงอย่างเดียว และลุ้นให้อาร์เจนตินาแพ้โปแลนด์

แต่ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร โอชัว ก็ยืนยันว่าเขาจะยังเล่นฟุตบอลต่อไป ด้วยความหวังว่าจะได้เล่นในฟุตบอลโลกอีกครั้งในอีก 4 ปีข้างหน้า ที่สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก บ้านเกิดของเขาเป็นเจ้าภาพ

“มันไม่ได้ไกลขนาดนั้น” เขากล่าว

“ใช่ ผมเห็นว่าตัวเองกำลังเล่นฟุตบอลอาชีพ และเห็นว่าตัวเองพร้อมสำหรับทีมชาติ มันคงจะดีมากถ้าได้ปิดฉากอาชีพของผมด้วยฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก”