Last Dance ? : วิเคราะห์อนาคต ‘เมืองทอง’ กับ ‘มาริโอ’ หลังพ่ายบีจี 2-5 ไร้ชัยต่อเนื่อง
ก่อนเกมที่สนาม บีจี สเตเดี้ยม ระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ เมืองทอง ยูไนเต็ด จะเริ่มต้นขึ้น มีกระแสฝนถล่มลงมาอย่างหนักหน่วงส่งผลให้เกมต้องเลื่อนออกจากเวลาปกติประมาณ 55 นาทีเลยทีเดียว แล้วเป็นเหมือนลางร้ายบอกเหตุสำหรับแฟน กิเลนผยอง ที่หลายรายอาจมีน้ำตาปนไปกับสายฝนอยู่บ้าง หลังทีมต้องบุกมาพ่ายเจ้าถิ่นแบบเละเทะ 2-5 ทั้งที่เป็นฝ่ายที่ออกนำไปก่อน
เชื่อเหลือเกินว่า มาริโอ ยูรอฟสกี้ กุนซือจากถิ่น ธันเดอร์ โดม สเตเดี้ยม ย่อมรู้ตัวดีว่า สถานการณ์เรื่องเก้าอี้ของเขากำลังร้อนเป็นไฟ ขนาดห่าฝนตกลงมาหนักแค่ไหนก็ดับร้อนไม่ไหว หลังคุมทีมเปิดหัวซีซั่นได้อย่างย่ำแย่ ยังไม่สามารถพาทีมเก็บชัยชนะได้แม้แต่นัดเดียวในฤดูกาลนี้ แถมยังหล่นไปอยู่โซนแดงท้ายตารางเข้าให้อีก
แถมการมาพ่ายให้กับทีมใหญ่ด้วยกัน ย่อมเป็นเหมือนการเสียแต้มแบบไป-กลับ ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์หรือลุ้นพื้นที่ไปเล่นบอลชิงแชมป์เอเชียในช่วงปลายฤดูกาลอย่างแน่นอน ซึ่งผลงานของ เมืองทอง วนลูปแก้ไม่หายสักทีแบบนี้มาหลายฤดูกาล ราวกับไม่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงใดๆ เลยกับเวลาที่เสียไป
สิ่งที่สามารถเห็นได้จากเกมในวันนี้มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้าง? ข้อผิดพลาดในการเล่นที่เกิดขึ้นในสนามเป็นอย่างไร? อนาคตของ มาริโอ กับทีมจะถูกชี้ชะตาด้วยปัจจัยไหนเป็นสำคัญ? ร่วมวิเคราะห์หาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
เปลี่ยนผู้เล่นแต่ผลงานไม่เปลี่ยน
สิ่งที่ทาง มาริโอ และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของ เมืองทอง พยายามปรับเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดในเกมนี้ คือ เรื่องของการปรับใช้ตัวผู้เล่น มีหลายรายที่ไม่ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองเป็นตัวจริงก่อนหน้านี้ ได้ออกสตาร์ตเป็น 11 คนแรกแบบพลิกโผ อาทิ เช่น สุวิทย์ ไปรพรมราช ที่ลงยืนเป็นแบ็คซ้าย และ ปรเมศย์ อาจวิไล กองหน้าดีกรีทีมชาติไทย ที่ลงเล่นเป็นแนวรุกร่วมกับ วิลเลี่ยน พ็อพพ์ และ สตเฟาน เชโปวิช
ด้วยสภาพสนามที่มีน้ำขังในช่วงแรกของเกม ทำให้ทั้งสองทีมไม่สามารถเล่นเกมรุก ด้วยการต่อบอลสั้นๆ ได้ตามถนัด ต่างฝ่ายต่างมีปัญหาในจังหวะให้บอลทั้งระยะสั้นและยาว แล้วกลายเป็นว่า กิเลนผยอง ที่เป็นรองตามหน้าเสื่อจากฟอร์มการเล่น สามารถฉวยโอกาสสู้ด้วยเกมโต้กลับเร็วได้สนุก
แนวรุกของพวกเขาที่เทมาแบบหมดหน้าตัก แต่ละคนล้วนมีจุดเด่นอยู่ที่ความเร็ว ความแข็งแกร่ง และทักษะในการครอบครองบอล แสดงให้เห็นถึงจังหวะการเข้าทำที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า แล้วก็ได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 จากการยิงของ ปรเมศย์ ซึ่งเป็นประตูจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ลูกแรกในฤดูกาลนี้ ที่ทำได้ตั้งแต่นาทีที่ 10
ถ้าแบ่งครึ่งแรกออกเป็นสามควอเตอร์ ควอเตอร์ละ 15 นาที ผู้มาเยือนนั้นทำได้ดีกว่าในช่วงควอเตอร์แรกทั้งเกมรุกและเกมรับอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจเป็นเพราะการใช้เวลาโฟกัสปัญหาและแก้ไขให้ตรงจุดของ มาริโอ ตามที่ผู้บรรยายในคลิปอัพเดตทางช่องยูทูปของสโมสร เมืองทอง ให้ข้อมูลสำคัญเอาไว้ว่า
“ช่วงพักเบรคทีมชาติสองสัปดาห์ โค้ชมาริโอ ได้ทบทวนและทำการบ้านอย่างหนักในเรื่องของเกมรับที่ต้องไขให้แน่นขึ้น ในเกมที่ต้องเจอคู่ต่อสู้ที่มีรูปร่างแข็งแกร่งและเล่นลูกตั้งเตะได้ดี”
“นอกจากนี้ยังรวมถึงจังหวะการทำเกมรุกที่ เมืองทอง ยังไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสการยิงประตูคู่แข่งแบบ โอเพ่น เพลย์ ได้เลยตลอดสามเกมที่ผ่านมา เป็นการบ้านที่เฮดโค้ชและทีมงานใช้เวลาที่มีตั้งใจปรับแก้ไขในช่วงสองวีคที่ผ่านมาทั้งเรื่องเกมรับและเรื่องเกมรุก”
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ลูกทีมของ มาริโอ ได้ประตูออกนำ แล้วเลือกไปตั้งเกมรับมากขึ้นกว่าเดิม สุดท้ายทำนบก็แตกยันไม่อยู่ แล้วเป็นโชคร้ายที่เสียประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะชุลมุนที่เสียลูกเตะมุม ต่อเนื่องด้วยการเสียประตูจากลูกฟรีคิกจนเป้นฝ่ายตามหลัง 1-2 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
หมายความว่าสิ่งที่ทาง มาริโอ พยายามแก้ไขนั้นพอจะเห็นผลอยู่บ้าง แต่การเลือกดร็อป ฌ็อง โคล้ด-บิลล็อง เซนเตอร์แบ็คตัวต่างชาติที่น่าจะเป็นนักเตะที่ฟอร์มดีที่สุดในช่วงหลังออกจากทีม ผลกระทบที่เกิดขึ้นในเกมรับนั้นเห็นได้ชัดและร้ายแรงกว่าที่คาดคิดไว้พอสมควร
แล้วการเลือกไว้ใจให้ สุวิทย์ ลงมาเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็คซ้ายในเกมที่หนักหนา เล่นได้ยาก ย่อมเป็นจุดอ่อนให้ฝั่งตรงข้ามรับน้องกันอย่างสนุกเท้า จนกลายเป็นที่มาของการเสียประตูที่ 3 ในช่วงครึ่งหลัง จากการเล่นที่ไม่ละเอียดของดาวเตะรายนี้ ซึ่งไปทำแฮนด์บอลในเขตโทษ แล้วถูกทาง วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ สังหารเข้าไปให้ กระต่ายแก้ว ทิ้งห่าง 3-1 อันเป็นประตูสำคัญที่ทำให้โมเมนตั้มเอียงไปทางเจ้าถิ่นเต็มๆ
ไม่ว่า เมืองทอง จะพยายามใช้ใจสู้เปิดหน้าแลกทวงประตูคืนกลับมาได้เป็นรางวัลปลอบใจ บีจี ปทุม ก็จะสามารถรักษาระยะห่างเอาไว้อย่างน้อยสองประตูเสมอ ก่อนจะเอาชนะไปได้แบบขาดลอย 5-2
สามเกมต่อไปชี้ชะตา
ก่อนหน้านี้ มาริโอ เคยพาทีมพ่ายให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลก่อนด้วยสกอร์ 0-3 ความห่างสามประตูเท่ากัน แล้วเป็นการพลาดเสียประตูจากลูกตั้งเตะถึงสองลูก จนถูกตั้งคำถามจากแฟนบอลและสื่อมวลชน เกี่ยวกับการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อผลงานอันย่ำแย่ ซึ่งในเวลานั้นเขาให้คำตอบไว้ว่า
"อาจมีหลายคำถามว่าจะลาออกหรือยัง? แต่ผมขอยืนยันตรงนี้ว่าผมจะสู้ต่อ ผมมีเหตุผล และจะพยายามพาทีมกลับมาสู่เส้นทางให้ได้"
"แฟนบอลตั้งมาตรฐานขึ้นมา เรายังเล่นในแนวทางเดิม แต่ผลงานไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง เราพยายามทำงานให้หนักมากกว่าเดิม ถ้าผมออกตอนนี้มันขี้ขลาด มันไม่ใช่แนวทางที่ผมจะทำ"
หวังว่า มาริโอ จะเหลือใจที่มุ่งมั่นพร้อมสู้ต่อ และบอร์ดบริหารของ เมืองทอง ยังจะให้โอกาสเขาต่อชะตาชีวิตของตัวเองต่อไปอีก 3 เกมเป็นอย่างน้อย เนื่องจากคู่แข่งที่จะเจอต่อไปจะเข้าสู่โปรแกรมที่เบาลง ไล่มาตั้งแต่ เล่นในบ้านเจอกับ นครปฐม ต่อด้วยออกไปเยือน ประจวบ และปิดท้ายด้วยการไปเยือน ขอนแก่น
ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงต้นซีซั่นที่ผ่านมาที่ต้องดวลกับทีมใหญ่ทั้ง เชียงราย, แบงค็อก, การท่าเรือ และ บีจี ปทุม ล้วนเป็นงานที่หนักหนากว่าหลายเท่าตัว แล้วไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่ กิเลนผยอง จะยังไม่สามารถเก็บชัยชนะได้
มองจากทุกองค์ประกอบแล้วหากทาง มาริโอ คิดจะสู้ต่อหรือประกาศ ‘ลาส แดนซ์’ อีกสักครั้ง คงไม่มีช่วงเวลาไหนเหมาะไปกว่าหลังจบเกมที่พ่าย บีจี ปทุม อีกแล้ว ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าเกมหน้าที่เป็นการคุมทีมครบ 100 นัดของเขา กลยุทธเดิมจะพาต้นสังกัดและตัวเองโกงความตายกลับมาได้อีกครั้งหรือไม่?
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การชมเกมถ่ายทอดสด
https://www.youtube.com/watch?v=fNgn2sdrhmc
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
ระบบดีใครเล่นก็ได้ : วิเคราะห์ฟอร์ม ‘บุรีรัมย์’ คว้าชัยพร้อมแจ้งเกิด ‘ธวัชชัย’ เต็มตัว
ข่าวและบทความล่าสุด
MOST POPULAR
ใครอยู่-ใครไป ? อัปเดทตลาดซื้อ-ขายนักเตะไทยลีก 2024-25
ส.บอล เผยหลักเกณฑ์พิจารณาเลือก สงขลา จัดคิงส์คัพ ครั้งที่ 50
ชลบุรี ตั้ง ชาญณรงค์ กัปตันคนใหม่ ดัน ลูกชายโค้ชโม้ ขึ้นทีมชุดใหญ่
ครั้งหนึ่งที่ ‘อาแจ็กซ์’ ยอดทีมลีกดัตช์ ยังคุม ‘ซิฟโควิช’ กองหน้าป้ายแดง แบงค็อก ไม่อยู่!
สเปอร์ส ปิดดีลคว้า ยาง มิน-ฮยอก เด็กเทพเคลีกวัย 18 ปี
