“ลีซอ” อิน เบลเยี่ยม : เมื่อ ธีรเทพ เป็นรูมเมตกับยอดแข้งพรีเมียร์ลีกที่ เค ลีร์เซ่

“ลีซอ” อิน เบลเยี่ยม : เมื่อ ธีรเทพ เป็นรูมเมตกับยอดแข้งพรีเมียร์ลีกที่ เค ลีร์เซ่
ชยันธร ใจมูล

ก่อนจะถึง ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา เราเคยมีนักเตะทีมชาติไทยระดับตัวความหวังที่ไปค้าแข้งในลีกเบลเยี่ยมมาเเล้ว

นั่นคือ ธีรเทพ วิโนทัย ที่ไปเล่นให้กับ เค ลีเซ่ร์ สโมสรในระดับลีกรอง ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ ธีรเทพ ต้องจำฝังใจมาถึงทุกวันนี้

ลีซอ ในเบลเยี่ยม เป็นอย่างไร แย่งตัวจริงยากขนาดไหน และพี่เลี้ยงผู้เป็นกองหน้าตัวจี๊ดจากพรีเมียร์ลีกสอนอะไรให้กับเขาบ้าง

ติดตามที่นี่

จุดเริ่มต้นของการลุยยุโรปหนที่ 2

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นตอนปี 2008 ในตอนนั้น ธีรเทพ วิโนทัย ยังอายุ 24 ปี เป็นนักเตะไทยที่กำลังเริ่มถูกจับตามองในเวลานั้น ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับ บีอีซี เทโรศาสน พาทีมจบอันดับ 3 พร้อมคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีไปครอง

ณ เวลานั้น ธีรเทพ เริ่มมองว่าเขามีความพร้อม ทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ และฟอร์มการเล่นกับสโมสร ขณะที่ผลงานกับทีมชาติไทยก็กำลังไปได้สวย มันอยู่ในช่วงเวลาที่ดี และเหมาะสมที่สุดสำหรับเขาที่ต้องออกไปหาความท้าทายที่ต่างแดน ด้วยวัย 24 ปี ณ ขณะนั้น

PHOTO : คม ชัด ลึก

ประจวบเหมาะกับช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ เอเย่นต์ดังได้เข้ามาติดต่อกับ ธีรเทพ และบอกว่ามีความสนใจจากสโมสรในประเทศเบลเยี่ยม นั่นทำให้ ลีซอ ตัดสินใจเก็บกระเป๋าย้ายไปเล่นในลีกยุโรปเป็นครั้งที่ 2 หลังจากในช่วงก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นนักเตะเยาวชนของ คริสตัล พาเลซ มาก่อน

ตอนนั้น ลีซอ ก็ให้สัมภาษณ์ว่าการไปยุโรปครั้งนี้เป็นครั้งที่เขามั่นใจและคาดหวังไว้สูงกว่าการเป็นแค่ถูกเรียกว่านักเตะไทยที่เล่นในลียุโรป ไม่มีการตลาดมาเกี่ยวข้อง เพราะเขากำลังอยู่ในช่วงพีกพอดิบพอดี ก่อนที่เขาเปิดเผยกับสื่อว่าทีมที่เขาจะไปเล่นชื่อว่า เคร์ ลีร์เซ่

เริ่มอีกครั้งที่ เค ลีร์เซ่

เค ลีร์เซ่ ทีมจากจังหวัดอันท์เวิร์ป ดินแดนทางตอนเหนือของเบลเยี่ยม มันเป็นเมืองใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยกันเกือบ 2 ล้านคน..ที่นั่นผู้คนใช้ภาษาดัตช์กัน เพราะเป็นเมืองที่ติดกับเนเธอร์แลนด์

แน่นอนว่า ธีรเทพ วิโนทัย ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้มากนัก ตลอดจนฟุตบอลเบลเยี่ยม เขารู้จักชื่อเฉพาะบางทีมที่โลดแล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

โดยในช่วงที่ได้เจอกับ  มาเก็ด ซามี่ ประธานสโมสร ก็มีการพูดคุยกันที่น่าสนใจโดย ซามี่ พูดกับ ลีซอ ว่าเขาตามฟอร์มของลีซอมาตั้งแต่เกมที่ไทยเจอกับ บาห์เรน ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2010 แล้ว

Photo : ASEAN FOOTBALL

ประตูนั้นเป็น ธีรเทพ ใช้ข้างเท้าด้านนอกเกี่ยวบอลหลุดเข้าไปยิงประตูด้วยซ้ายสุดสวยในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2008 ซึ่งไทยแพ้บาห์เรนไป 2-3 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน

อย่างไรก็ตามชีวิตที่ เบลเยี่ยม นั้นไม่ง่ายเลย ธีรเทพ ยอมรับว่าปัญหาเรื่องการสื่อสาร เป็นหลักเพราะสื่อสารกับคนอื่นไม่ค่อยเข้าใจ แต่เรื่องอาหารการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ เขาพร้อมจะเจอทุกสถานการณ์อยู่เเล้ว

ธีรเทพ ใช้เวลาอยู่สักพักเพื่อปรับตัว โดยทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่เขาได้ถูกจับคู่ให้เป็นรูมเมตกับนักเตะคนหนึ่ง ที่เป็นนักเตะที่มีประสบการณ์ระดับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ลงเล่นพรีเมียร์ลีกกว่า 200 นัด และยิงได้กว่า 40 ประตู เขาคนนั้นก็คือ โทมัส รัดซินกี้ นั่นเอง

PHOTO : EVERTON FOOTBALL CLUB

รูมเมตกับแข้งพรีเมียร์ลีก

หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นว่า รัดซินกี้ คือใคร ? แต่ถ้าย้อนกลับไปในช่วงยุค 2000s รัดซินกี้ ถือเป็นกองหน้าตัวจี๊ดตัวท็อปของ เอฟเวอร์ตัน และ ฟูแล่ม  เขาเป็นกองหน้าทีมชาติ แคนาดา มีสไตล์เร็วจี๊ดจ๊าด จบประตูคม ๆ เทียบกับนักเตะปัจจุบันก็คงจะประมาณกองหน้าเกรด บี สัก โอลี่ วัตกิ้นส์ ของทีม แอสตัน วิลล่า อะไรแบบนั้นเลย

สำหรับ ธีรเทพ แค่เจอกับนักเตะอย่าง รัดซินกี้ ก็ถือว่าน่าตื่นเต้นแล้ว ยิ่งต้องมาอยู่ร่วมห้องก็ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

โดย ธีรเทพ เล่าว่าช่วงแรก ๆ ทั้งคู่ไม่ได้สนิทกัน เพราะ รัดซินกี้ เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ติสต์ๆหน่อย ทำอาหารมากินเองจากบ้าน ทำอะไรช้า ๆ สโลว์ไลฟ์อะไรประมานนั้น

แต่ ธีรเทพ เนี่ยด้วยความที่เป็นเด็กและได้เจอกับนักเตะระดับพรีเมียร์ลีกทั้งที เขาก็พยายามจะขอความรู้หรือพูดคุยทำความรู้จักให้ได้มากที่สุด ธีรเทพ ก็ค่อย ๆ ใช้รอยยิ้ม เข้าหากันมากขึ้น ชวนพูดคุยเวลาว่าง ๆ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็รู้ว่าจริง ๆ แล้ว รัดซินกี้ นี่ก็เป็นดีเหมือนกัน

สิ่งที่ทำให้ ธีรเทพ พยายามรู้จักคือเขาทึ่งกับวิธีการซ้อมของ รัดซินกี้ เพราะ รัดซินกี้ เวลาที่เขามาถึงสนามก่อนเวลาก็จริง แต่จะมานั่งอ่านนั่งสือพิมพ์ ค่อยๆดูหนังอย่างสบายใจ แต่พอถึงเวลาลงซ้อม เขากลับจริงจังขึ้นมา คือ เขาเหมือนนักแสดงนะ ถ้าบอกให้ร้องไห้เดี๋ยวนั้นก็ร้องไห้ได้เลย เหมือนกับเขาที่พอบทต้องลงมาซ้อมเขาก็ติดเครื่องได้เลยทันที นั่นคือความประทับใจที่ ลีซอ มีแต่นักเตะวัยเก๋าคนนี้

ซึ่งพอได้รู้จักได้สนิทด้วยก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ รัดซินกี้ ก็มักเล่าประสบการณ์หลายๆ อย่างให้ฟัง รวมถึงชีวิตในวัยเด็กของเขา

ธีรเทพ ยอมรับว่าเขาได้เรียนรู้อะไรอีกหลาย ๆ อย่างมาจาก รัดซินกี้ โดยเฉพาะเรื่องการเคลื่อนที่เวลาเราอยู่ที่สนามซ้อม

ตอนนั้น ธีรเทพ มักจะเล่นในตำแหน่งปีกขวา ต้องเล่นและซ้อมร่วมกับ รัดซินกี้ ทั้งสองคนต้องเชื่อมต่อรับส่งบอลกันตลอด ซึ่ง ลีซอ ก็ทึ่งมากที่ไม่ว่าเขาจะได้บอลเเละเงยหน้ามองหา รัดซินกี้ กี่ครั้ง รัดซินกี้ ก็จะมาอยู่ในช่วงที่ง่ายต่อการรับบอลเสมอ

Photo : คม ชัด ลึก

เล่นด้วยกันไปบ้าง นั่งดูเขาเล่นบ้านก็ครูพักลักจำ จนได้วิชาเคล็ดลับต่าง ๆ จาก รัดซินกี้ มาเยอะแยะมากมาย

อย่างไรก็ตามเพื่อนร่วมทีม ก็เหมือนคู่แข่งในคราวเดียวกัน เพราะ ลีซอ ต้องแย่งตำแหน่งกับคนอื่น ๆ ในทีมอีกมากมายเพื่อให้ได้โอกาสลงสนาม

ไม่เสียใจ แม้ล้มเหลว

ถึงแม้ว่าเขาจะได้เล่นชุดใหญ่ แต่ก็ได้เล่นแค่ช่วง 15-20 นาทีสุดท้ายเป็นประจำ ซึ่งตอนนั้น ลีซอ ก็เริ่มตงิดในใจเพราะเขาคิดว่าตัวเองฟิตมาก น่าจะเป็นจุดที่ฟิตที่สุดในอาชีพค้าแข้งของเขาก็ได้

แต่เมื่อลงสนามเพื่อนร่วมทีมกลับไม่ค่อยให้ความยอมรับเขาสักเท่าไหร่ โดยส่วนตัวลีซอก็มองว่าเพื่อนไม่ค่อยเชื่อมั่นกับนักเตะเอเชียแบบเขาจึงไม่ค่อยได้ส่งบอลให้ หลาย ๆ ครั้งทั้ง  ๆ ที่ ลีซอ ว่าง เพื่อนร่วมทีมก็ยังไม่จ่ายให้ หันอีกด้านไปจ่ายให้คนอื่นซะงั้น

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เขายังจำมาตลอดนั่นคือสถานะของ ลีซอ ในเวลานั้นเป็นปีกหมายเลข 3 ของทีม แต่มีอยู่เกมหนึ่งที่ปีกเบอร์ 1 และ เบอร์ 2 เจ็บพร้อม ๆ กัน แต่สุดท้ายเมื่อถึงวันประกาศรายชื่อ โค้ชของ ลีเซ่ ก็คือ เฮอร์มันน์ เฮลเลพุตเต้ ก็ยังไม่เลือกให้ ลีซอ ลงเล่นตัวจริง แต่กลับส่งกองหน้าขยับออกมาเล่นเป็นปีกแทน

ลีซอ ถึงกับเล่าย้อนความว่า การเป็นตัวเลือกที่ 3 ผมยอมรับได้ แต่พอเป้นตัวเลือกที่ 3 แต่กลับเอาตำแหน่งอื่นมาเล่นแทนเราอีก ซึ่งมันเกิดขึ้น 2-3 ครั้ง ผมก็มาคิดว่า เฮ้ย! มันไม่ใช่แล้วว่ะ

ทั้ง ๆ ที่โค้ชเองก็เห็นว่าฟิตพร้อมเต็มที่ พร้อมลงเล่น ผลงานในเกมสำรองก็ลงเป็นยิงตลอด แต่โอกาสก็ยังข้ามหน้าข้ามตาเขาไปตลอด ซึ่ง ลีซอ บอกตรง ๆ ว่าในความรู้สึกของเขาคือ เขาสมควรจะได้โอกาสมากกว่าที่เป็นอยู่

และเมื่อเป็นเช่นนั้น นี่ก็คือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ ธีรเทพ วิโนทัย ฉุกคิดว่า...ไม่มีที่ไหนที่หอมหวานมากกว่าบ้านเกิดเมืองนอน ความทะเยอทะยานของเขา เกิดขึ้นได้กับทุกที่บนโลก หลังจบฤดูกาล 2008 / 2009 เขาเบนเป้าหมายชีวิตกลับเมืองไทยทันที

แม้เตรียมตัวไว้ก่อน แต่พอถึงเวลาจริง ๆ เขาก็มันก็เป็นเรื่องที่เขาคิดว่าที่เหมาะสมเเล้วกับการย้ายกลับ เพราะจริง ๆ เเล้วเขาไม่ได้ต้องการแค่ถูกเรียกว่าเป็นนักเตะที่เล่นต่างประเทศ แต่จริง ๆ แล้วคือเขาอยากพัฒนาตัวเองมากกว่าเดิม ดังนั้นการอยู่และไม่ได้ลงคือเรื่องที่แย่กว่าการกลับมายังไทยลีกที่ได้ลงสนามต่อเนื่อง การตัดสินใจจึงเกิดขึ้น

ช่วงที่กลับมาไทย ลีกไทยก็เริ่มเป็นอาชีพมากขึ้นแล้ว ลีซอ ก็กลายมาเป็นผู้เล่นทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด

นับตั้งแต่กลับจาก ลีเซ่ส์ ธีรเทพ ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปยุโรปอีกเลย เขาค้าแข้งที่เมืองไทยเรื่อยมากับหลายสโมสร เมืองทองฯ, บีอีซี เทโรศาสน, บางกอกกล๊าส, เพื่อนตำรวจ, แบงค็อก ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี และ โปลิศ เทโร สโมสรแรกในเมืองไทยกับเขาก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ดด้วยวัย 37 ปี

และนี่ก็เป็นเรื่องราวที่หลายคนอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับการไปเล่นในยุโรปของ ลีซอ และหากใครที่ฟังมาถึงตอนนี้แล้วเกิดคำถามว่าเขาตัดสินใจกลับไทยเร็วไปไหม หรือเขาเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วไม่มีวันหวนกลับไหม ... เรื่องนี้ ลีซอ เป็นคนตอบเองว่า  "ผมคิดว่าไม่...ผมไม่ได้เสียดาย”

บทความที่เกี่ยวข้อง :

‘ซูลาก้า‘ ชี้ชุดเด่นสองพี่น้อง ‘สุภโชค-ศุภณัฏฐ์’ ที่ทำให้ค้าแข้งในต่างเเดนได้สบาย

ก่อนถึง ศุภณัฏฐ์ ? : 10 แข้งเอเชียที่เคยแจ้งเกิดในลีกเบลเยี่ยม

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด

หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ