ลีกซาอุดิอาระเบียติดแบล็คลิสต์ เหตุเบี้ยวค่าจ้างนักเตะกว่า 50 ราย

สโมสรซาอุดิอาระเบียกำลังสั่นคลอนวงการลูกหนังโลก หลังคว้าซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซมา เข้าไปร่วมทีม แถมยังมีแผนดึงแข้งดังอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เซร์คิโอ รามอส, ลูก้า โมดริช, ริยาด มาห์เรซ และ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง เข้ามาสมทบด้วย เพื่อเป้าหมายในการเป็นลีกแถวหน้าของโลก

ฉากหน้าลีกซาอุดิอาระเบียเหมือนเป็นสวรรค์ของนักเตะ ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นประเทศเศรษฐีน้ำมัน พวกเขาจึงพร้อมจ่ายค่าจ้างให้กับนักเตะไม่อั้น แต่ความจริงแล้วลีกแห่งนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เพราะยังมีปัญหาเบี้ยวค่าจ้างนักเตะซุกซ่อนอยู่

หนึ่งในเคสที่เป็นข่าวดังคือ ลูอิส แกร็บแบน อดีตกัปตัปทีมของ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่เซ็นสัญญากับ อัล-อาห์ลี 1 ปี แต่สโมสรไม่ยอมจ่ายเงินค่าเซ็นสัญญามูลค่าราว 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10 ล้านบาท) และยังติดค่าเหนื่อยสองเดือนมูลค่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7 ล้านบาท) ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาในเวลาเพียง 3 เดือน

แกร็บแบน จึงส่งเรื่องถึงฟีฟ่า สุดท้าย อัล-อาห์ลี ถูกบังคับให้จ่ายเงินค่าเหนื่อยที่ค้าง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17 ล้านบาท) กับเงินชดเชยค่าฉีกสัญญา 700,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (24 ล้านบาท) ขณะที่ อัล-อาห์ลี ยังถูกลงโทษห้ามเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่เป็นเวลา 2 รอบตลาด

ลูอิส แกร็บแบน ไม่ใช่นักเตะคนเดียวที่โดนเอาเปรียบแบบนี้ เพราะมีนักเตะกว่า 50 ราย ที่ถูกทีมซาอุดิอาระเบียเบี้ยวค่าจ้างในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา จนต้องขอความช่วยเหลือจากฟีฟ่า ซึ่งมี อัล-นาสเซอร์ ต้นสังกัดของ คริสเตียโน โรนัลโด้ รวมอยู่ด้วย

นั่นคือเหตุผลที่ สหภาพนักเตะอาชีพโลก (FIFPRO) ที่มีนักฟุตบอลกว่า 65,000 คนเป็นสมาชิก ต้องประกาศเตือนนักเตะทั่วโลกให้หลีกเลี่ยงการย้ายไปเล่นในลีกซาอุดิอาระเบีย เช่นเดียวกับ โรมาเนีย, ตุรกี, จีน และแอลจีเรีย เพราะลีกเหล่านี้มีปัญหาเรื่องไม่จ่ายค่าจ้างนักเตะอยู่

อย่างไรก็ดี คำเตือนจาก FIFPRO ยังช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะสาเหตุที่แท้จริงของปัญหายังไม่ชัดเจน อีกอย่างซาอุดิอาระเบียไม่มีองค์กรที่เป็นตัวแทนของนักเตะ จึงไม่มีหน่วยงานภายในเข้ามาสะสางปัญหาเวลาเกิดเรื่องขึ้น

อ้างอิง : https://theathletic.com/4600503/2023/06/12/saudi-arabia-wages-nottingham-forest/

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด