long-read

Story

Top

Popular

Premier League

Laliga

Thai League

ลมใต้ปีกที่แท้จริง : การมีลูก...จุดเปลี่ยนที่ทำให้นักฟุตบอลหลายคน "เก่งขึ้น"

ฟุตบอลคือกีฬาที่วัดความเก่งกาจจากผลการแข่งขัน สิ่งสำคัญคือเมื่อคุณเอาชนะในสนามได้คำถามทุกอย่างก็จะหมดลงไปโดยไร้ข้อโต้แย้ง

อย่างไรก็ตามนั่นแค่เปลือกนอกเท่านั้น เพราะอันที่จริงแล้ว การเป็น "นักฟุตบอลที่ดี" ล้วนมีเหตุผลมากมายอยู่เบื้องหลัง ก่อนจะก้าวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสนาม พวกเขาล้วนมีสิ่งที่รักและต้องปกป้อง

ซึ่งนักฟุตบอลส่วนใหญ่บอกว่า "เมื่อลูกของเขาลืมตาดูโลก...ชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาล" ... และนี่คือการหาคำตอบว่าทำไมนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่หลายคนจึงคิดเช่นนั้น ?

อาชีพพิเศษ...ที่ต้องการคนเคียงข้าง

การได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ถือเป็นงานในแบบพิเศษที่ต่างจากอาชีพอื่น ๆ เพราะนี่คืออาชีพที่สร้างชื่อเสียง เงินทอง และเกียรติยศ ถูกจดจำจากผู้อื่นได้ง่ายกว่าการทำงานสายอาชีพปกติเช่นพนักงานออฟฟิศ พนักงานราชการ หรือแม้แต่การเป็นพ่อค้าแม่ขายอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามสิทธิพิเศษของนักฟุตบอลเหล่านี้ มันเหมือนกับการเป็น "ร็อคสตาร์" อย่างหนึ่ง ... เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องการขายวิญญาณให้ซาตาน ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบว่าเมื่อพวกเขาไปถึงจุด ๆ หนึ่งที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพ พวกเขามีสิทธิ์จะร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว ราวกับการมอบความสำเร็จที่เหนือมนุษย์คนอื่นที่ตนเองเคยได้ มอบกลับให้ซาตาน ที่เป็นผู้บันดาลความสำเร็จให้พวกเขาในชั่วข้ามคืน

จริง ๆ เรื่องพวกนี้พิสูจน์ไม่ได้ และไม่มีทฤษฎีอะไรยืนยันทั้งนั้น แต่ที่แน่ ๆ หากเราว่ากันด้วยหลักการและเหตุผล ร้อยทั้งร้อยน่าจะเป็นเหมือนกันหมดทุกอาชีพไม่เว้นแม้แต่นักฟุตบอล นั่นก็คือเมื่อเราสามารถไต่ขึ้นไปยืนอยู่บนที่สูง มีชื่อเสียงและเงินทอง เราจะขาดความมุ่งมั่น ความตั้งใจ หรือที่เรียกง่ายว่าแพสชั่นมันลดลงไป แตกต่างกับวันที่ยังไม่มีชื่อเสียง ซึ่งทำให้เราต้องทุ่มสุดตัวพยายามทุกอย่างเพื่อคว้าเป้าหมายให้ได้

นักฟุตบอลเองเป็นอาชีพที่รายได้สูงมาก แน่นอนว่าจากความเหน็ดเหนื่อยในอดีตที่พวกเขาแลกมาสู่วันที่ตัวเองมีทุกอย่าง มันจึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาอยากจะสนุกกับสิ่งที่ตัวเองหามาได้บ้าง เมื่อมีเงินก็อยากจะใช้มันเพื่อหาความสุขให้ตัวเองบ้าง

ลองนึกภาพว่าคุณมีเงินอยู่ในบัญชี 10 ล้านบาท คุณจะอยากตื่นแต่เช้า เพื่อเดินทางไปทำงานบนท้องถนนที่รถติด เพื่อเเลกกับเงินเดือนที่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของเงินที่คุณมีหรือไม่ ? นั่นแหละคือคำตอบ นักฟุตบอลหลายคนก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นคนหนึ่งที่มองเห็นปัญหานี้ในตัวนักเตะของเขามาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงถูกเรียกว่า "ป๋า" มากกว่า "เจ้านาย"

เนื่องจากเขาพยายามจะดูแลนักเตะทั้งในและนอกสนาม วางกฎสุดเฮี้ยบต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องการมีวินัยและการเป็นมืออาชีพ เพราะเขารู้ดีกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่นักฟุตบอลได้ทุกอย่างที่ต้องการ ทัศนคติของพวกเขา และการดูแลจากคนรอบข้างนั้นสำคัญมาก นักเตะบางคนถึงกับเสียโฟกัสไปกับฟุตบอลเลยก็มี เช่น เดวิด เบ็คแฮม ที่ เฟอร์กี้ รักเหมือนลูกชายคนหนึ่ง

เฟอร์กี้ เผยในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาว่า เขาดูแล เบ็คแฮม มาอย่างดีนับตั้งแต่อยู่ในทีมเยาวชน เพราะเห็นถึงความสามารถ จนกระทั่ง เบ็คแฮม โด่งดังมีชื่อเสียง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน เบ็คแฮม ที่เคยเป็นเด็กดีของป๋ามาตลอด ก็เริ่มกลายเป็นหนุ่มฮ็อตแถวหน้าของโลก ดึงดูดเพศตรงข้ามเข้ามา

และแน่นอนการที่เขาคบกับ วิคตอเรีย อดัมส์(นามสกุลก่อนแต่งงาน) ที่เป็นสมาชิกวงป๊อประดับโลกอย่าง Spice Girl เบ็คแฮม ก็เริ่มสูญเสียโฟกัส จากนักฟุตบอล กลายเป็นหนุ่มสังคม ออกงานหรูมากมายร่วมกับ วิคตอเรีย ...

แม้นั่นจะเป็นเรืองส่วนตัว แต่แน่นอนว่า เฟอร์กี้ ที่เป็นกุนซือหัวเก่าที่ได้ปกครองทีมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงไม่พอใจ และที่สุดแล้วก็นำมาสู่การแยกทางกันของ เบ็คแฮม และ ยูไนเต็ด พร้อมกันนี้ยังสร้างความร้าวฉานให้กับ เบ็คแฮม และ เฟอร์กี้ ในเวลานั้นด้วย (ปัจจุบันดีกันแล้ว)

"ปัญหาใหญ่สำหรับผมในกรณีของ เดวิด เบ็คแฮม น่ะเหรอ ? ... ก็การที่เขาตกหลุมรักวิคตอเรีย นั่นแหละเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง สมัยก่อนเขามาซ้อมกับโค้ชทีมเยาวชนและเป็นเด็กหนุ่มที่วิเศษมาก ทว่าการแต่งงานที่ทำให้เขาเข้าสู่โลกมายา ทำให้เขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขามองฟุตบอลเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในชีวิตเท่านั้น ตัวตนของเขา การสร้างชื่อเสียงเป็นคนดังของเขา กลายเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด" เฟอร์กี้ ว่าไว้ในหนังสือ Alex Ferguson: My Autobiography

เบ็คแฮม ไม่ได้ผิดที่เขาก็อยากจะมีชีวิตในแบบที่เขาเลือก และโชคดีมาก ๆ ที่หลายสิ่งดี ๆ ในชีวิตเขาเริ่มต้นเมื่อเขามีลูก ๆ ไล่เรียงมาตั้งแต่ บรู๊คลิน, โรมีโอ, ครูซ และ ฮาร์เปอร์ ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าการมีลูก คือหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เขาอยากจะเป็นคนที่ดีจากทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งนั่นหมายความว่าต่อให้เขาจะออกงานสังคม พบปะเพื่อนไฮโซหรือปาร์ตี้มากเท่าไหร่ แต่เขาจะกลับบ้านมาหาลูก ๆ เสมอเพื่อทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีของลูก

"ผมกับ วิคตอเรีย เรามีลูกชายคนแรก(บรู๊คลิน) ตอนที่อายุยังน้อย(23ปี) แต่นั่นแหละผมคิดว่าผมพร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่พ่อในวัยนั้น ผมอยากให้ลูก ๆ ได้เห็นการใช้ชีวิตและอาชีพค้าแข้งของผมตั้งแต่วันที่ผมอยู่บนจุดสูงสุด จนถึงวันที่ผมเดินทางมาถึงขาลง เพราะสิ่งสำคัญคือผมจะได้ทำให้ลูก ๆ เห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดไม่แพ้ปลายทางคือเรื่องราวระหว่างทาง ที่จะเป็นประสบการณ์สอนชีวิตว่าเราเจอะไรมาบ้าง" เบ็คแฮม ให้สัมภาษณ์กับ The Father Hood

เบ็คแฮม เปลี่ยนผ่านจากดาวรุ่งที่มีโค้ชอย่าง เฟอร์กี้ เคียงข้าง, มาสู่วัยสร้างตัวที่เขามีภรรยาเป็นคู่คิด จนกระทั่งมาถึงวัยที่เขาสามารถพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเขากลายเป็นไอค่อนทั้งในโลกของฟุตบอลและสุภาพบุรุษในวันที่เลิกเล่น... ซึ่งช่วงเวลาสำคัญนี้แหละที่มีลูก ๆ เป็นปัจจัยที่ทำให้เขามีแนวคิดที่กว้างไกลมากขึ้น มีสติกับการใช้ชีวิตและตัดสินใจ จนสุดท้ายแบ็คเฮมก็กลายเป็นเบ็คแฮม ในแบบที่แม้แต่คนไม่เคยดูฟุตบอลก็ยังอดชื่นชมเขาไม่ได้

"ผมคิดว่าคุณสามารถกลายเป็นผู้ใหญ่ได้เร็วขึ้น และเรียนรู้ที่จะเติบโตได้เร็วขึ้นแน่นอนในวันที่คุณมีลูก ... เหตุผลก็เพราะว่าคุณมีเรื่องสำคัญในชีวิตให้ต้องรับผิดชอบแล้ว ลูกคือเรื่องใหญ่ที่สุดที่เป็นตัวชี้วัดทุกอย่างในชีวิตคุณ เชื่อเถอะว่าเรื่องที่คุณกังวลมากที่สุดในชีวิต และเรื่องที่ทำให้คุณมีความสุขได้มากที่สุดชีวิต ล้วนมีต้นเหตุจากลูก ๆ ของคุณทั้งนั้น"

"ในวันที่คุณมีลูกคุณจะได้เรียนรู้ในความจริงที่คุณเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อ นั่นคือในฐานะพ่อคนหนึ่ง คุณจะพบว่าชีวิตของคุณสำคัญน้อยกว่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกของคุณอย่างเหลือเชื่อ" เบ็คแฮม กล่าว

ตัวช่วยในการวางแผนชีวิต

แน่นอนว่านักฟุตบอลเป็นอาชีพที่ทำเงินได้มากมายหลายเท่าหากเทียบกับปุถุชนคนธรรมดา แต่ข้อเสียมันก็มีนั่นคืออาชีพของคุณจะสั้นกว่า

เมื่อถึงวัย 35 ปีหรือราว ๆ นั้น อดีตอันยิ่งใหญ่ของคุณจะค่อย ๆ ถูกลืมเลือน และถ้าคุณไม่ได้วางแผนชีวิตให้ดี ไม่มีการเตรียมพร้อมให้กับชีวิต หายนะก็จะเกิดขึ้นได้ ดังที่เราเห็นในนักเตะหลาย ๆ คนทั้งไทยและเทศ ที่ในวันที่เลิกเล่น พวกเขากลับกลายเป็นคนมีปัญหามากมายในชีวิต ทั้งเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ และอีกสารพัดเรื่อง ... มันเหมือนกับว่าพวกเขาได้เรียนรู้ชีวิตจริง ๆ ในวันที่อาชีพนักฟุตบอลของพวกเขาจบลง

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พูดถึงเรื่องนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจ เขาเชื่อว่านักฟุตบอลที่มีภรรยา มีลูก ๆ และมีครอบครัวที่อบอุ่น จะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตระยะยาว ไม่ใช่แค่ตอนที่เป็นนักฟุตบอลเท่านั้น

เหตุผลก็เพราะว่าพวกเขามีเป้าหมายในชีวิต มีสติและใช้ปัญญาจดจ่อกับไม่กี่สิ่ง นอกเหนือจากอาชีพนักฟุตบอลก็คือครอบครัว

เมื่อพวกเขาแบกภาระคำว่า "หัวหน้าครอบครัว" ไว้บนบ่า พวกเขารู้ว่ายังมีอีกหลายสิ่งรออยู่ เมื่อเดินออกจากสนามบทบาทของนักเตะจบลง และมันคือการเริ่มบทบาทการเป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะการมีความรับผิดชอบ และมีสติในการใช้ชีวิต คือพื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย

"การแต่งงานช่วยนักฟุตบอลได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันทำให้ชีวิตของพวกเขาเป็นหลักแหล่งไม่เลื่อนลอย ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเพศตรงข้ามให้หนักสมอง”

“ยิ่งมีลูกแล้วก็ยิ่งทำให้สมาธิของคุณจดจ่อกับไม่กี่สิ่ง ครอบครัวกับฟุตบอลแค่นั้น อีกเรื่องสำคัญคือ คุณจะรู้ด้วยว่าพวกเขาทำอะไรอยู่ที่ไหนโดยไม่ต้องปวดหัวเลย นั่นก็เพราะว่าเกือบ 100% พวกเขาอยู่กับครอบครัวไง! ผมว่าเรื่องนี้จะช่วยให้ชีวิตของนักฟุตบอลมีความมั่นคงยิ่งขึ้น" เฟอร์กี้ กล่าว

มีลูกแล้วเก่งขึ้นจริงหรือ ?

นอกจากความรักและการเอาใจใส่ต่อคนรอบข้างที่จะเพิ่มขึ้นแบบไม่รู้ตัวในวันที่นักฟุตบอลมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นคำน้ำเน่าอย่างคำว่า "พลังแห่งความรัก" มันกลับเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่มากที่ทำให้นักฟุตบอลหลายคน ไม่ช่แค่มีความรับผิดชอบเท่านั้น แต่พวกเขายังเก่งขึ้นด้วยในวันที่ลูก ๆ ลืมตาดูโลก

เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ หนึ่งในนักเตะกองกลางที่มูลค่าสูงสุดในโลกจากสโมสร เรอัล มาดริด เป็นดาวรุ่งโนเนมจาก อุรุกวัย ที่ มาดริด ซื้อตัวเขามาเล่นในทีมชุดบีตั้งแต่อายุ 18 ปี หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาคือวันที่ภรรยาคลอดลูกชายคนแรก เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ราวกับได้เห็นสัจธรรมชีวิตด้วยดวงตาของตัวเอง

เรื่องก็คือภรรยาของเขาประสบปัญหาในการคลอดลูก ต้องอยู่ในห้องไอซียูถึง 14 ชั่วโมง เขาได้เห็นภรรยาของเขาสู้กับความเจ็บปวดกว่าจะคลอดลูกสำเร็จ ตั้งแต่วันนั้นในห้องไอซียู บัลเบร์เด้ เชื่อเสมอว่าคนเราเเข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งที่ต้องปกป้องอย่าง "ลูก" มนุษย์จะเเข็งแกร่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ... เช่นภรรยาของเขา

"ผมจำได้เราเหนื่อยและกังวลมากตลอด 14 ชั่วโมง ทุกอย่างเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่มันก็ทำให้ผมเชื่อว่าคนๆ หนึ่งนั้นมีความแข็งแกร่งที่มหาศาลอย่างเหลือเชื่อ ผมเห็นความอดทน ความพยายาม และการต่อสู้กับความเจ็บปวด ซึ่งสุดท้ายเมื่อลูกของผมลืมตามาดูโลก เราก็ได้พบความจริงว่านี่คือความเจ็บปวดที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว" เขาว่าแบบนั้น

หลังจากเขามีลูก บัลเบร์เด้ ก็พัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นในทุกวัน พยายามเป็นนักเตะที่ดีขึ้น เพื่อให้มีรายได้ที่มากขึ้น และมีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น เพื่อมอบให้กับภรรยาและลูก ๆ ของเขา เผลอแวบเดียว บัลเบร์เด้ ก็กลายเป็นหนึ่งในสุดยอดกองกลางของโลกไปแล้วในเวลานี้

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นักเตะต่างประเทศเท่านั้น การมีลูกก็ทำให้นักเตะไทยหลายคนก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดนักเตะมากกว่าที่หลายคนคาดคิด หนึ่งนนั้นคือ ธีราทร บุญมาทัน ที่เขาสามารถพิชิตทุกอย่างในฟุตบอลไทยได้สำเร็จ ทว่าหลังจากที่น้องลิสบอน ลูกชายของเขาลืมตาดูโลก ธีราทร ก็มีความมุ่งมั่นเพิ่มขึ้นอีก เขาถีบตัวเองหลุดจากคอมฟอร์ทโซนที่นักเตะไทยหลายคนไม่กล้าก้าวข้าม นั่นคือการออกไปเล่นในต่างประเทศ และสู้กับหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่บ้าง หนึ่งในเหตุผลที่ ธีราทร ตัดสินใจไปค้าแข้งไปญี่ปุ่น เพราะว่าเขาอยากทำให้ลูกชายภาคภูมิใจ

"ผมอยากทำให้ลูกภูมิใจครับ เวลาเขาโตขึ้นมา เขาจะได้รู้ว่าครั้งหนึ่งพ่ออย่างผม ในฐานะนักฟุตบอลเคยไปเล่นที่ญี่ปุ่น มันไม่ใช่เป็นแค่เกียรติประวัติของผมคนเดียว แต่มันเป็นเกียรติประวัติทั้งครอบครัวผม อย่างเวลาลูกผมไปไหน ผมอยากให้เขารู้สึกภูมิใจ เวลาคนบอกว่านี่คือลูก ธีราทร ที่เคยไปเล่นฟุตบอลญี่ปุ่น" ธีราทร กล่าว

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

เขาไม่ได้แค่พูดแต่แสดงออกมาให้เห็นจริง ๆ ว่าความพยายามของเขามากล้นอย่างเหลือเชื่อ ธีราทร ในช่วงที่เล่นในญีปุ่นปีแรกกับ วิสเซิล โกเบ ยังไม่ได้ค่อยได้ลงสนามเป็นตัวจริงมากนัก จนเกิดคำแซวในโซเชียลมีเดียว่า "กลับบ้านเราเถอะอุ้ม" เพราะแฟน ๆ มองว่าอยู่ไปก็ไม่ค่อยได้โอกาส หรือโน่นนั่นนี่มากมาย แต่ ธีราทร ก็ยังไม่ยอมแพ้ 1 ปีต่อมาหลังจากทำผลงานได้ไม่ดีนักกับ โกเบ เขาเลือกที่จะไม่กลับมาค้าแข้งในไทยลีกแม้จะมีหลายทีมติดต่อมา โดยเขาเลือกสู้ต่อกับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ... และที่เหลือคือประวัติศาสตร์ ธีราทร กลายเป็นนักเตะไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของญี่ปุ่น เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากความสำเร็จก็คือเขาเป็นนักเตะที่เก่งขึ้นมาก ๆ เป็นคลาสบอลอีกระดับไปเลยหากเทียบกับนักเตะในไทยลีกอีกหลาย ๆ คน

ในวันที่ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส คว้าแชมป์เจลีก ด้วยการเอาชนะ เอฟซี โตเกียว 3-0 ในเกมสุดท้าย ธีราทร ก็ามารถทำประตูชัยในเกมสำคัญ และในเกมนั้นลูกชายของเขาเข้ามาชมเกมในสนามด้วย ... นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ ธีราทร สร้างความประทับใจระดับตำนานในครั้งนั้น

"ลูกชายผมคงยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่รู้จังหวะยิงเข้า เขาเริ่มซับฟุตบอลมากขึ้น แต่ก็ดีใจที่ลูกได้มาอยู่ในวันที่เป็นประวัติศาสตร์ของตัวผม ถ้าเขาโตขึ้นและรู้เรื่องผมคิดว่าเขาน่าจะภูมิใจในสิ่งที่ผมทำให้" ธีราทร ว่าเช่นนั้น

ที่สุดแล้วการมีลูกอาจจะไม่ได้การันตีว่านักฟุตบอลจะประสบความสำเร็จในอาชีพและชีวิตทั้ง 100% เพราะแต่ละคนก็มีไลฟ์สไตล์และแนวความคิดที่แตกต่างกันไป ... อย่างไรก็ตามสิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าในวันที่คุณเปลี่ยนสถานะจาก"ลูก" มาเป็น "พ่อ" คุณจะได้เริ่มเรียนรู้บทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต และคุณจะได้พบว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนี้คืออะไร ... เพราะลูกคือจุดเริ่มต้นของความรัก ความพยายาม และความรับผิดชอบที่เหลือเชื่อ ... คุณจะกลายเป็นยอดคนได้ แม้จะไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่อย่างน้อย ๆ คุณจะพยายามเต็มที่เพื่อลูกของคุณอย่างไร้เงื่อนไข อย่างแน่นอน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

อาร์เตต้า & อาร์เซน่อล: ตัวอย่างของการอดทนและให้เวลากับโค้ชที่ทีมไทยลีกควรพิจารณา

โค้ชกองหน้าเขาทำหน้าที่อะไร บอลไทยต้องเอาด้วยไหม ?

คาเซมิโร แห่ง AFF : บทบาทกองกลางยุคใหม่ที่คลาสของ ธีราทร ตอบโจทย์ทุกข้อ

แหล่งอ้างอิง

https://www.the-father-hood.com/article/david-beckham-is-the-poster-boy-for-modern-fatherhood-heres-why/

https://www.goal.com/th/hmrgcujw6eyd1bjsz0ej8u76i

https://www.goal.com/th/1oj3usml40k7p1vvbdg6t6hird

https://www.dailymail.co.uk/tvshowbiz/article-11559173/Victoria-Beckham-says-kids-theyre-going-addresses-family-feud.html

https://www.besoccer.com/new/fede-valverde-and-mina-bonino-parents-of-1st-child-after-14-hours-of-labour-796872

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด