ลมกรดสปีด 99 : เบื้องหลังความไวดุจปีศาจ ของ สงกรานต์ บุญมีเกียรติ
เกมไทยลีก คู่ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคอนเท้นต์ให้พูดถึง จากจังหวะประตูแรกของเกมที่ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ หลุดเดี่ยวไปโซโล่ ซัลโวเข้าประตู จะเห็นว่าเป็นทาง สงกรานต์ บุญมีเกียรติ ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าว วิ่งห้อตะบึงตามมาติดๆ
แต่เบื้องหลังความไวดุจปีศาจ ของเปาวัย 34 ผู้นี้ มีมากกว่านั้น มิเช่นนั้น คงไม่ไปถึงผุ้ตัดสินระดับ FIFA Elite อย่างแน่นอน
สิ่งนั้นคืออะไร? ติดตามในบทความนี้
ผมคือนักวิ่ง!
หากพูดถึง ผู้ตัดสินวัย 34 ปีจากบุรีรัมย์ สงกรานต์ บุญมีเกียรติ เริ่มต้นชีวิตวัยเด็ก โดยมีดีกรีเป็นถึง นักวิ่งไม้สี่ ยามวิ่งพลัด สมัยเรียนประถมและมัธยม แต่เขายอมรับว่า การวิ่งแบบผุ้ตัดสิน ไม่ได้วิ่งสะเปะสะเปะ แต่วิ่งแบบรู้จังหวะมากกว่า
"สมัยตอนมัธยม สมัยประถม วิ่งพลัด คูณ 400 ไม้ 4 เราไม่ได้ไปขนาดนั้น แต่ผู้ตัดสิน มันต้องวิ่งให้ทันเกม วิ่งให้เร็ว แต่เราไม่ได้ใช้แรงจนเกินไป เราประเมินสถานการณ์ อ่านเกมว่าจังหวะไหนควรใช้แรง จังหวะไหนไม่ควรใช้แรง ลูกนี้เป็นจังหวะ ลูกโชว์ของผู้ตัดสินเฉยๆ"
ขณะเดียวกัน จากประสบการณ์ความรู้ในการไปอบรมผู้ตัดสินของฟีฟ่า และ เอเอฟซี กลายเป็นภาพจำที่ทำให้ เปาสง คนนี้ เรียนรู้และเตือนตัวเองว่าจะไม่เป็นผู้ตัดสินที่ไปไม่ทันเหตุการณ์แบบนั้น
"เราเคยเจอเคสนี้ ในการอบรมในระดับ ฟีฟ่า หรือ เอเอฟซี คือวิทยากร เขาเอาคลิปพวกนี้มาดู ในขณะที่ผู้เล่นฝ่ายรับ ที่เขาเสียบอลแล้วพยายามวิ่งกลับให้เร็วเพื่อไปดีเลย์ไม่ให้เข้า โซน 3 ให้เร็วที่สุด แต่เขาไปซูมที่ผู้ตัดสิน ว่าทำไมผู้ตัดสิน รีแอ็กชั่นช้าในเมื่อผู้เล่นเขารีแอ็กชั่นเร็วแต่ผู้ตัดสินยังคัดท้ายอยู่ ทำให้คนนั้นเป็นครูของเรา แล้วเรามาเตือน มาสอนตัวเองว่า เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่างที่เขาสอนมา คือ เราควรจะมี Reaction Time ที่ดีที่สุด เร็วที่สุด"
"เราต้องการเห็นลูกบอลกับผู้เล่นให้มันอยู่ระหว่างการเล่นบอลแค่นั้นเอง เพราะเราจะได้เห็นมุมมองที่ถูกต้อง ถ้าเราไปวิ่งตามข้างหลังเราไม่เห็นแน่ว่าเวลาปะทะกัน มันฟาล์วหรือไม่ฟาล์ว มันต้องเห็นจุดปะทะ" เปาสงกรานต์ กล่าว
ต้องฟิต!
และด้วยความเป็นผู้ตัดสิน แน่นอนว่านอกจากไหวพริบที่ต้องไว ความฟิตย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเปาสงกรานต์ มองว่าเป็น 'วินัย' ที่ต้องดูแล โดยเฉพาะการทำหน้าที่ตุลาการในสนามแข่ง
"การดูแลตัวเอง ผมคิดว่าเป็นวินัยในการดูแลตัวเองทุกด้าน เราต้องดูแลตัวเอง เพราะมันเป็นวิชาชีพเรา เราไม่ดูแลตัวเอง เราก้ไม่สามารถใช้ร่างกาย เพราะงานนี้ใช้ร่างกายในการทำหน้าที่ เพราะฉะนั้น เราต้องดูแลเขา เพื่อให้เขาทำหน้าที่ได้นานที่สุดเท่าที่ทำได้"
"(การดูแลร่างกาย) ค่อนข้างเยอะเลย โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้จบวิทยาศาสตร์การกีฬา ผมก็ค่อนข้างเห็นใจ เพราะขนาดผมจบวิทยาศาสตร์การกีฬามา ยังรู้สึกว่าผมก็ดูแลร่างกายตัวเองเพื่อไม่ให้บาดเจ็บ เพื่อรักษาสภาพร่างกายให้แข็งแรง เพื่อทำหน้าที่ให้กับองค์กร ให้กับวิชาชีพที่เรารัก รายละเอียดค่อนข้างเยอะ ทั้งการกิน การนอน การพักผ่อน และการสร้างกล้ามเนื้อของเราเองด้วย"
ท้ายที่สุด เปาสง ยังฝากถึง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แข้งของเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่อยู่ในโมเมนต์ดังกล่าว หลังเจ้าตัวแอบแซวว่าวิ่งทันได้ไง โดยเปาสงยืนยันว่าการวิ่งแบบผู้ตัดสิน คือการวิ่งให้ทันเหตุการณ์ ไม่ใช่วิ่งเพื่อ 'ชนะ' ผู้เล่นในสนาม
"โอ้ย! ใครจะไปวิ่งทันเท่ พี่ก็แก่แล้ว ปีนี้ก็ 34 แล้วจะไปวิ่งทันเท่ได้ไง แต่ก็พี่น้องกันในสนาม เท่เป็นคนที่น่ารัก เราเป็นผู้ตัดสิน แน่นอนว่าเราต้องรักษาความฟิตไว้ แต่การเป็นผู้ตัดสินแล้วจะไปวิ่งแข่งกับนักบอลมันไม่ใช่เรื่อง พูดง่ายๆ ว่า ใช้อาวุธ ให้ถูกกับเหตุการณ์ เราต้องการวิ่งเพื่อให้เห็นมุมมองที่ดี ไม่ใช่วิ่งเพื่อแข่งนักบอล อันนี้ไม่ใช่" เปาสง กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.facebook.com/kidsidekong/videos/363069643261436