‘ลูก้า อาดิช’ ปีกเลือดเซิร์บ ผู้ถูกตีตราว่าเป็น ’เด็กเส้น’ สู่บทบาทขุนพล ‘แข้งเทพ’
หลังจากที่ฤดูกาลก่อน แบงค็อก ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ ‘โค้ชแบน’ ธชตวัน ศรีปาน สามารถคว้าแชมป์ ช้าง เอฟเอ คัพ มาครองได้ ซึ่งเป็นแชมป์แรกในรอบนับสิบกว่าปีของสโมสร แต่ใช่ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จแบบเต็มร้อย เนื่องจากเป้าหมายหลักที่หลุดมือไปอย่างแชมป์ ไทย ลีก นั้นหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย
แข้งเทพ นั้นทำแต้มออกนำแแชมป์เก่าอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกินครึ่งทางเพราะจบเลกแรกด้วยตำแหน่งจ่าฝูง แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลัก ยกตัวอย่างเช่น ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางไดนาโม รวมไปถึงความนิ่งของจิตใจลูกทีมโค้ชแบน ทำให้รถผ้าป่าแฟนบอลนั้นคว่ำไม่เป็นท่า เพราะมาทำแต้มหล่นช่วงท้ายซีซั่น จนหล่นมาจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์เท่านั้น
จากการที่ภาพที่เหมือนเป็นแค่จินตนาการ เริ่มมีเค้าลางแห่งความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เหล่าบอร์ดผู้บริหาร ตัดสินใจปรับปรุงและเปลียนแปลงตัวผู้เล่นในทีม เพื่อยกระดับให้ใกล้เคียงกับทีมหัวตารางจอมทุ่มหลายๆ ทีมมากขึ้น แล้วนั่นก็เป็นที่มาของนักเตะใหม่ป้ายแดงตำแหน่งปีกซ้าย ที่มาแทนลูกรักอย่าง วานเดอร์ หลุยส์ ตัวริมเส้นมากประสบการณ์ชาวบราซิลที่ย้ายออกไป ซึ่งดาวเตะรายนั้นมีชื่อว่า “ลูก้า อาดิช”
ปีกสายเลือดเซอร์เบียรายนี้มีดีอย่างไร? ต้นแบบในการเล่นฟุตบอลของเขานั้นคือใคร? จริงหรือไม่ที่เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กเส้นตั้งแต่เริ่มต้นเล่นกีฬาลูกหนัง? ฤดูกาลที่แล้วเขาสร้างชื่อจากผลงานใดกับอดีตต้นสังกัด คูการิคกี ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ใครก็หาว่า ‘เด็กเส้น’
ลูก้า เป็นลูกชายของ อิวาน อาดิช (Ivan Adzic) อดีตกัปตันทีม เรดสตาร์ เบลเกรด หรือ เซอร์เวน่า ซเวชด้า เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ก่อนเดินตามรอยเข้าสโมสรเดียวกับพ่อตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบ ซึ่งเขามักจะถูกมองว่าเป็นเด็กเส้นอยู่เป็นประจำ ยิ่งไปกว่านั้นคุณปู่ของ ลูก้า ยังเป็นนักร้องชื่อดังชื่อว่า ซาบาน เซาลิช (Saban Saulic) อีกด้วย ยิ่งทำให้เขาถูกจับตามองจากสื่อและคนรอบตัวเป็นพิเศษ
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องจริงผ่านมุมมองของ ลูก้า เองแล้ว เขาไม่เคยถูกคุณพ่อโอ๋เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาเติบโตมากับการถูกเคี่ยวเข็นและด่าทอ วิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นเป็นประจำ แต่เขาชินชากับการกระทำดังกล่าว แล้วเอาคำติต่างๆ มาพัฒนาการเล่นของตัวเอง ด้วยการตั้งธงเอาไว้ว่าวันหนึ่งจะก้าวข้ามพ่อตัวเองไปให้ได้
“ผมชินกับคำวิจารณ์และติของพ่อ เพราะพ่อผมเป็นคนแบบนั้นแหละ เขาไม่ชอบที่จะยกย่องคนอื่นๆ สักเท่าไหร่ แต่นั่นมันเป็นดั่งแรงกระตุ้นให้ผมเล่นได้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเขายังให้คำแนะนำกับผมมากมาย จี้จุดบอดในการเล่นให้ผมเห็นภาพชัดขึ้น ผมรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดนั้นคือความหวังดี”
“เอาจริงผมค่อนข้างกังวลกับภาระอันหนักอึ้งที่แบกไว้ เพราะว่าพ่อของผมเคยเป็นกับตันทีมของ เซอร์เวน่า ซเวชด้า ผมรู้หน้าที่และความรับผิดชอบของผมดี ตอนผมเด็กๆ เรื่องนี้มันรบกวนใจผมมากทีเดียว เนื่องจากมีแต่คนรอบข้างคอยเอาแต่พูดว่า ดูคนนั้นสื! ลูกชายของ อาย่า ที่โค้ชพยายามดัน พอผมได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็พยายามบอกกับตัวเองให้สู้ แล้วตั้งใจทำผลงานในสนามให้ดีเพื่อตอกกลับ เพราะผมไม่สามารถหลีกหนีจากความจริงได้ว่า พ่อกับปู่ของผมนั้นเป็นใคร…”
ลูก้า ต่อสู้ฝ่าฟันผ่านทีมเยาวชนระดับต่างๆ จนสามารถทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จในฤดูกาล 2015/16 แต่กลับโชคร้ายบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าฉีกขาดในปี 2016 จนต้องพักฟื้นยาว หลังได้สัญญาอาชีพฉบับแรกยาว 3 ปีได้ไม่นาน ตำแหน่งแรกที่เขาเริ่มเล่นคือกองกลางเพลย์เมคเกอร์เบอร์ 10 ก่อนปรับเปลี่ยนไปเล่นเป็นปีกตัวริมเส้นฝั่งซ้าย
ซึ่งไอดอลนักเตะของเขา คือ เนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติบราซิล และ ดูซาน ทาดิช (Dusan Tadic) อดีตแนวรุกของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมและทีมชาติเซอร์เบีย โดยเพื่อนร่วมทีมตั้งฉายาให้กับ ลูก้า ว่า อาจินโจ (Ajinjo) อันมีที่มาจากลีลาการลากเลื้อยของเขาที่พริ้วไหวคล้ายกับนักเตะอเมริกาใต้
ช่วงเวลาแห่งการดิ้นรน
ลูก้า เป็นนักเตะตัวริมเส้นฝั่งซ้ายที่ถนัดเท้าขวา ที่สามารถเล่นเท้าซ้ายได้ดี เบสิกแน่นตามสไตล์นักเตะเซอร์เบีย แต่มีลีลาการเลี้ยงบอลที่พริ้วไหวตามสไตล์ไอดอลเขาอย่าง เนย์มาร์ และ ดูซาน ทาดิช ยิ่งไปกว่านั้นยังมีทีเด็ดในการเล่นลูกตั้งเตะที่แม่นยำอีกด้วย แม้ว่าจะไม่ได้มีความเร็วที่จัดจ้าน แต่ก็มีความคล่องในการเลี้ยงบอลและเคลื่อนที่หาตำแหน่งมาทดแทน ส่วนสูงอยู่ในระดับมาตรฐาน 184 ซม. ดังนั้นเรื่องลูกกลางอากาศถือว่าเล่นได้ใช้ได้เช่นกัน
“มีแค่ผู้เล่นที่รู้ว่าต้องแบกรับหน้าที่สำคัญอะไรไว้บ้าง ที่กล้าใส่เสื้อหมายเลข 10 เพราะคนนั้นเป็นผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้ สามารถทำสิ่งพิเศษบางอย่างในสนาม จ่ายบอลคิลเลอร์พาสเพื่อลุ้นให้ทีมมีโอกาสทำประตู และ ยิงประตูได้ในเวลาที่ทีมต้องการ”
เขาอยู่กับ เซอร์เวน่า ซเวชด้า เก็บสถิติลงเล่นทุกรายการรวม 39 นัด ทำไป 9 ประตู 4 แอสซิสต์ ถูกใช้งานในตำแหน่งปีกซ้ายเป็นหลัก แถมเคยลงเล่นใน ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก มาแล้ว ก่อนถูกขายไปให้กับ อันเดอร์เลชท์ ในประเทศเบลเยี่ยมด้วยราคา 8 แสนยูโร (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 31.6 ล้านบาท) แต่ช่วงเวลาของเขากับยอดทีมจากเบลเยี่ยมไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ได้ลงเล่นไปแค่ 6 นัด ยิงประตูหรือแอสซิสต์ไม่ได้เลย
ต่อจากนั้น อันเดอร์เลชท์ ปล่อยให้หลายสโมสรยืมตัว ลูก้า ไปใช้งาน อาทิ เอฟซี เอ็มเมน (เนเธอร์แลนด์) 2 รอบ และ อันคารากูคู (ตุรกี) แต่ผลงานไม่โดดเด่น ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกไปให้กับ เอฟซี ซโวลล์ แบบฟรีๆ ในเดือนสิงหาคมปี 2021 ซึ่งถือว่าเป็นการได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับแฟนสาวของเขา อเล็กซานดรา ลิชิน่า (Aleksandra Licina) ที่เพิ่งตั้งท้องลูกคนแรก
ผลงานของเขากับ ซโวลล์ นับว่าไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ลงสนามรวมทุกนัดไป 19 นัด ทำไปได้แค่ 1 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ ซึ่งหลังจบฤดูกาลก็ถูกปล่อยตัวออกจากทีมแบบฟรีๆ ก่อนจะไปเซ็นสัญญากับ เอฟเค คูการิคกี ทีมในลีกสูงสุดประเทศเซอร์เบียร์ ในปี 2022 ค้าแข้งยาวมาจนถึงฤดูกาลที่แล้ว ลงสนามรวมไปทั้งหมด 65 นัด ทำไป 12 ประตู กับ 8 แอสซิสต์
ทำให้เขาผ่านการค้าแข้งในลีกสูงสุดยุโรปมาแล้ว 3 ประเทศ คือ เซอร์เบีย, เนเธอร์แลนด์ และ ตุรกี ส่วนในถ้วยยุโรปผ่านการเล่นใน ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก และ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอร์เรนซ์ ลีก เคยปะทะกับนักเตะดังๆ อาทิ คริสเตียน คูอาเม่ (Christian Kuame), อิกอร์ อคินเฟเยฟ (Igor Akinfeev), อาห์เหม็ด มูซ่า (Ahmed Musa) และ อลัน ซาโกเยฟ (Alan Dzagoev) เป็นต้น
เขาพยายามดิ้นรนต่อสู้ทุกวิถีทาง แม้ว่าจะทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับดีกรีที่ติดตัวเขาอยู่ รวมไปถึงความคาดหวังว่าเป็นหนึ่งใน วันเดอร์ คิดส์ ของประเทศเซอร์เบีย แต่ด้วยทัศนคติของเขาที่เป็นคนใจสู้และไม่ยอมแพ้ เลยยังทำให้เขามีใจที่จะสู้ต่อไป
“ผมต้องการประสบความสำเร็จทุกอย่างในอาชีพถ้าเป็นไปได้ ผมต้องการสร้างชื่อให้กับตัวเอง แล้วมีโอกาสได้ย้ายไปเล่นในต่างประเทศ ผมต้องการเป็นแชมป์”
แม้ไม่เคยติดทีมชาติชุดใหญ่แต่ถูกเรียกตัวทีมระดับเยาวชนมา 3 ระดับอายุ ยู-18, ยู-19 และ ยู-21 เคยปะทะแข้งกับนักเตะดังอย่าง คอนราด ไลเมอร์ (Konrad Laimer) กัปตันทีมชาติออสเตรียในยุคนั้น, นิโคโล่ บาเรลล่า (Nicolo Barella) กองกลางทีมชาติอิตาลี, อดัม บุคซา (Adam Buksa) กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ และ โยนาส วินด์ (Jonas Wind) กองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก
เตะมุมสะท้านลีก
ระหว่างที่ค้าแข้งกับ คูการิคกี ทางด้าน ลูก้า เคยโชว์ผลงานอันน่าตื่นตะลึงด้วยการเตะมุมเข้าในเกมเดียว 2 ประตู ภายในเวลา 25 นาทีเท่านั้น ในเกมที่พบกับ สปาร์ตัก ซูโบติกา แต่น่าเสียดายที่เกมนั้นจบลงที่การเสมอกัน 2-2 แม้ว่าจะออกนำ 2-0 จากสองประตูของ ลูก้า
เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อน ลูก้า และภรรยา ลิชิน่า เพิ่งประกาศข่าวดีผ่านทาง อินสตาแกรม ว่า พวกเขาเพิ่งจะได้ลูกสาวคนที่สองเข้ามาเติมเต็มครอบครัวหมาดๆ ซึ่งทั้งคู่เป็นคนที่รักและเห่อลูกมากๆ เพราะปีที่แล้วเพิ่งจัดงานวันเกิดให้กับ ลาน่า (Lana) ลูกสาวคนแรกในบาร์ พร้อมกับมีคนดังหลายคนมาร่วมงาน
จากดีกรีที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่น่าเชื่อว่าค่าเหนื่อยของ ลูก้า ปีกชาวเซอร์เบียวัย 25 ปี รับค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์กับ คูการิคกี สองฤดูกาลหลังสุดแค่ราว 1,000 ปอนด์เท่านั้น ตีเป็นเงินไทยประมาณ 46,660 บาท ถ้าย้ายมาไทยจ่ายเป็นเรทต่อเดือน จะอยู่ที่ราว 186,640 บาท ซึ่งถ้า แบงค็อก ยูไนเต็ด ตกลงค่าจ้างได้ที่ประมาณนี้หรือสูงกว่านี้เล็กน้อย คงจะเป็นดีลที่ลุ้นเรื่องความคุ้มได้ไม่ยาก เพราะเรทค่าจ้างนักเตะไทยระดับสตาร์ก็อยู่ในเรทใกล้เคียงกัน
หน้าที่สำคัญที่เหลือของ อาดิช คือ การพิสูจน์ตัวเองในการค้าแข้งในดินแดนเอเชียเป็นครั้งแรกอย่างเวที ไทย ลีก ซึ่งการย้ายมาเป็นขุนพลแข้งเทพ ที่ต้องการต่อยอดความสำเร็จจากฤดูกาลก่อน แค่แชมป์บอลถ้วยคงไม่น่าพออีกต่อไป แต่คงต้องก้าวไปถึงขัั้นการเป็นแชมป์ลีก ที่เมื่อมองถึงการเสริมทัพของทีมหัวตารางฤดูกาลนี้แล้ว ไม่ใช่งานที่เขาจะทำได้ถึงเป้าได้ง่ายๆ เลยจริงๆ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.transfermarkt.co.za/luka-adzic/profil/spieler/423609
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Luka_Ad%C5%BEi%C4%87
https://www.capology.com/player/luka-adzic-36055/
https://www.rsca.be/en/news/luka-adzic-loan-fc-emmen
https://meridiansport.rs/fudbal/luka-adzic-gol-korner-superliga-cukaricki/
https://www.rsca.be/en/news/luka-adzic-loan-ankaragucu
https://mondo.rs/Sport/Fudbal/a1674100/Luka-Adzic-pred-mec-Tvente-Cukaricki-MONDO-intervju.html
https://www.kurir.rs/sport/fudbal/2458777/luka-adzic-za-kurir-nisu-me-zbog-tate-gurali-u-zvezdi