มาปุ๊บชนะรัว 8 เกมรวด : มิลอส โจซิค เสกอะไรให้เมืองทอง ?

มาปุ๊บชนะรัว 8 เกมรวด : มิลอส โจซิค เสกอะไรให้เมืองทอง ?
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

ผลงานของสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด ปรับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในช่วงเวลาแค่สองเดือน จากการที่เคยทำแต้มหลุดมือเป็นว่าเล่นในช่วงต้นปี 2023 จนแทบไม่น่ามีลุ้นโควต้าอะไรในซีซั่นนี้ แถมยังมีกระแสข่าวลือว่า มาริโอ ยูรอฟสกี้ เฮดโค้ชมากลีลา มีโอกาสอำลาทีมเซ่นฟอร์มดังกล่าว

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของ มาริโอ ที่เจ้าตัวแทบจะเปรยกลายๆ ผ่านทางสื่อโซเชี่ยลว่าไม่น่ารอด กลับเปลี่ยนไปเป็นทิศทางตรงกันข้าม เมื่อได้พูดคุยกับบอร์ดบริหารของ กิเลนผยอง ไตร่ตรองกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน

PHOTO : MUANGTHONG UNITED FC

หนทางการแก้ไขปัญหาของบอร์ดบริหารตอนนั้น คือ การดึงเอาโค้ชมากประสบการณ์อย่าง มิลอส โจซิค คนคุ้นเคยกันดีเข้ามากู้สถานการณ์ของทีม แต่ไม่ได้มาในตำแหน่งเฮดโค้ชคนใหม่ แค่มาช่วยเป็นทีมงานสตาฟฟ์โค้ชเท่านั้น

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมืองทอง ก็โชว์ผลงานอันน่าหวาดดหวั่นให้คู่แข่งทุกทีมต้องขยาด จากการเก็บชัยชนะรวดมาแล้ว 8 เกมติดต่อกัน กลายมาเป็นทีมที่ลุ้นโควต้าไปเล่นบอลชิงแชมป์ทวีปเอเชียแบบเต็มตัว แบบที่แฟนบอลแทบไม่คาดคิดมาก่อน

แน่นอนว่าชายที่ชื่อ โจซิค ย่อมเข้ามามีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลัง ในการพลิกโฉม กิเลนผยอง ให้กลับมาผงาดแบบเต็มตัว โดยแฟนบอลต่างเข้าใจกันไปเองว่า โจซิค มีหน้าที่สำคัญเป็นการมาติวเกมรับเป็นพิเศษ หรือเป็นโค้ชเกมป้องกันให้กับทีมแน่ๆ

แต่หลังจากทีมงานได้มีการสอบถามพูดคุยกับเจ้าตัวโดยตรง มีหลายแง่มุมเกี่ยวกับฟุตบอลที่น่าสนใจ รวมไปถึงเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของเขา ซึ่งต่างกับความเข้าใจโดยทั่วกันหลายจุด แต่ประเด็นเหล่านั้นจะมีอะไรกันบ้าง? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

สายสัมพันธ์เก่าก่อน

ก่อนหน้านี้ โจซิค เคยรับบทบาทเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ในสมัยที่อดีตดาวเตะ ลิเวอร์พูล รับหน้าเสื่อคุมทัพ กิเลนผยอง ในปี 2011 โดยความปรารถนาแรกของ โจซิค คือ การดึงตัว มาริโอ ยูรอฟสกี้ มาเล่นในประเทศไทย

ดีลดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในเวลาต่อมา โจซิค และ มาริโอ ต่างมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นสนิทชิดเชื้อกัน เป็นมากกว่าโค้ชและผู้เล่น แต่เปรียบเสมือนพี่-น้อง หรือ พ่อกับลูก ติดต่อคุยกันตลอดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โจซิค ได้รับการแนะนำจากสโมสร เมืองทอง ให้ไปคุมทัพ ภูเก็ต เอฟซี และ บางกอก เอฟซี ช่วงไหนที่ว่างอยู่ก็รับบทบาทเป็นหัวหน้าทีมแมวมองนักเตะให้กับ เมืองทอง หมายความว่า ทั้งสองฝ่ายต่างติดต่อหากันอยู่ตลอดไม่เคยขาด

PHOTO : บอลไทย

พอทาง มาริโอ ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ เมืองทอง ย้อนกลับไปเมื่อประมาณสองปีครึ่ง ก็ได้มีการติดต่อไปหา โจซิค เป็นครั้งแรก เพื่อหวังได้คนคุ้นเคยมาช่วยทำงานร่วมกัน แต่ตอนนั้นติดปัญหาเรื่องที่ โจซิค รับงานคุมทีม ราชบุรี เอฟซี อยู่เลยบอกปัดไป

หลังจากนั้น โจซิค ก็ได้ย้ายกลับไปรับงานคุมทีมในบ้านเกิด เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวมากขึ้นกับสโมสร ราด เบลเกรด ซึ่งเคยไม่แพ้ติดต่อกันระดับ 30 เกมเลยทีเดียว เมื่ออดีตทีมอย่าง กิเลนผยอง เจอวิกฤติกับปัญหาฟอร์มการเล่น มาริโอ เลยแนะนำให้บอร์ดบริหาร ติดต่อไปหา โจซิค ตามที่เจ้าตัวเปิดเผยไว้ว่า

“มาริโอ บอกให้ทีมงานเมืองทองติดต่อไปหาผม เพื่อดึงตัวผมกลับมาคุมทีม แล้วพวกเขาก็โทรมาจริงๆ”

PHOTO : MUANGTHONG UNITED FC
“เรื่องที่หลายคนไม่รู้เลย คือ ตอนแรก มาริโอ เลือกที่จะอำลาทีมไป มันไม่ใช่ความลับและเดาไม่ยากหรอกเอาจริงๆ”

“แต่หลังจากเราทั้งคู่ได้พูดคุยกับบอร์ดบริหารแล้ว ข้อสรุปออกมา คือ เราจะทำงานร่วมกัน ซึ่งผมก็ไม่ได้สนอยู่แล้วว่าต้องรับบทบาทเป็นตำแหน่งอะไรก็ตาม เพราะเป็นการมาช่วยเพื่อนของผม รวมไปถึงสโมสรที่มีความสัมพันธ์อันดดีต่อกันมาโดยตลอด”

ตัวของ โจซิค เชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในความสามารถของ มาริโอ เพราะเขามองว่านี่คือหนึ่งในโค้ชหนุ่มของ ไทย ลีก ที่เก่งที่สุด เป็นมากกว่าโค้ชทั่วไปที่เห็นอยู่ในวงการ ขาดแค่คนมาช่วยงานในบางส่วนเท่านั้น แล้วการมีเขาเข้ามาในเติมเต็มในส่วนดังกล่าว มันจะลงตัวได้แบบพอดิบพอดี จากการที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันเป็นทุนเดิม

บทบาทที่แท้จริง

แฟนบอลต่างเข้าใจกันไปเองว่า โจซิค มีหน้าที่เข้ามาเป็นโค้ชเกมรับดยเฉพาะให้กับ เมืองทอง แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวมีหน้าที่และบทบาทมากกว่าส่วนนั้นมาก ตามที่เปิดเผยเอาไว้ว่า

“ทุกคนต่างบอกว่าผมคือโค้ชเกมรับ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย แต่ผมไม่ได้ใส่ใจหรอกว่าพวกเขาจะเข้าใจแบบไหน เพราะมันไม่ได้มีส่วนสำคัญใดๆ”

ไฮไลท์การเล่นเกมล่าสุดของ เมืองทอง ยูไนเต็ด
“ผมเป็นโค้ชระดับ โปร ไลเซนส์ ผมเป็นผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์คุมทีมมากมาย ดังนั้นผมต้องนำเอาสิ่งเหล่านั้นมาช่วยเหลือและสนับสนุน มาริโอ ทุกทางเท่าที่เป็นไปได้”

“ผมรู้วิธีที่จะทำให้พวกเขากลับมา เพราะพวกเขามีสตาฟฟ์โค้ชและนักเตะที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แค่นำเอาประสบการณ์ของผมไปหาจุดเปลี่ยนให้ผ่านวิกฤติต่างๆ ไปให้ได้เท่านั้น”

“ทุกคนไปเช็คได้เลยว่า ผมไปทำงานกับสโมสรไหนก็มีโอกาสพาทีมประสบความสำเร็จ บางทีมจ้างผมไปเพื่อความหวังการเล่นถ้วยระดับทวีป แล้วผลลัพธ์มันก็ออกมาเป็นเช่นนั้น แต่ผมสูญเสียคุณแม่ไป เลยจำเป็นต้องกลับไปที่บ้านเกิด”

PHOTO : MUANGTHONG UNITED FC

“งานของผมที่ เมืองทอง ถ้าให้อธิบายทั้งหมดมันคงยากที่จะเข้าใจ แต่ถ้าคุณมีการติวเรื่อง เซ็ตพีซ, การเล่นเกมบุก, เรื่องของการทรานซิชั่น หรือ การเล่นเกมรับ ผมก็จะใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมเติมเต็มลงไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทีมต้องการ”

“ผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเล่นของทีมทุกรายละเอียด เพื่อพัฒนาคุณภาพของการเล่นนั้นๆ ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น”

โจซิค เชื่อว่าธรรมชาติของฟุตบอลที่เป็นเกมการแข่งขันเพื่อหาผู้ชนะ ย่อมไม่มีทีมไหนคว้าชัยชนะไปได้ตลอด มันต้องมีแพ้บ้าง เสมอบ้าง ชนะบ้าง วนเวียนกันไป ฟอร์มขึ้น ฟอร์มตก เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้

อีกหน้าที่ของเขาที่สำคัญ คือ การพูดคุยกับตัวนักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และทีมงานในทีม ซึ่งอาจเสียความมั่นใจไปบ้าง ให้มองเห็นถึงความผิดพลาด แล้วแนะนำว่าควรแก้ไขในส่วนไหน

ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมรับหรือเกมรุก รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ ของเกมที่เกิดขึ้น แม้ว่าบทบาทของเขาจะเป็นแค่ “ผู้ช่วย” ของ มาริโอ ก็ไม่เป็นไร เพราะเขามั่นใจในความสามารถของเฮดโค้ชรายนี้แบบไม่มีความเคลือบแคลงสงสัย

ตัวของ โจซิค พูดอย่างถ่อมตัวเอาไว้ว่า เขาอาจไม่ได้ช่วยอะไรทีมมากมายเท่ากับ มาริโอ แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ความคิดในการนำประสบการณ์ของเขามาถ่ายทอดให้กับทีม เป็นปัจจัยหลักในการช่วยให้ทีมกลับมา

PHOTO : MUANGTHONG UNITED FC

ต่อให้จะเป็น เบอร์หนึ่ง หรือ เบอร์สอง ในทีมก็ไม่สำคัญ เพราะเขาพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของ มาริโอ ไม่ใช่เพียงแค่ในตอนนี้แต่ตลอดไป คอยให้คำแนะนำแบบถูกที่ถูกเวลา แก้ไขในสิ่งที่ตรงจุดแบบทันท่วงที แล้วผลลัพลัพธ์มันก็ออกมาแบบที่เห็น ซึ่งตัวเขาไม่ขอยกตัวเองให้สำคัญเทียบเท่าบทบาทเดียวกันกับ มาริโอ แน่ๆ

เนื่องจากเขาชื่นชอบในสไตล์การทำทีมของ มาริโอ ที่มีความมั่นใจ เล่นบอลเกมรุก พลังงานล้นเหลือไม่มีหมด พอมีส่วนผสมอย่างตัวเขาเข้าไปเติมเต็ม มันเลยกลายเป็นสูตรเคล็ดลับในการล่าชัยชนะของทีม จนอันดับขึ้นมาอยู่ที่สามของตารางอย่างที่เห็น

การเล่นที่เปลี่ยนแปลงไป

โจซิค ยืนยันว่า ฟุตบอล ไม่มีสูตรการเล่นที่ตายตัว ทุกทีมต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์และคู่แข่งที่ต้องเผชิญหน้า แล้วเลือกใช้กลยุทธที่เหมาะสมในการต่อกรกับทีมนั้นๆ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เขาต้องคอยให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง

มันเป็นเรื่องปกติที่การลงเล่นแต่ละคม ทุกทีมต้องเล่นทั้ง เกมรุก และ เกมรับ ซึ่งแต่ละจังหวะมันก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเขาได้กล่าวถึงรายละเอียดของการเล่นของ เมืองทอง ที่เปลี่ยนไปคร่าวๆ เอาไว้ว่า

“เมื่อคุณจบเกมการบุกของคุณแล้วลงเอยด้วยการเสียบอล สิ่งสำคัญคือการแย่งชิงบอลกลับมาครอบครองให้ได้ ด้วยการใช้ผู้เล่นกดดันตั้งแต่แดนบนของคู่แข่ง”

“หน้าที่ของผม คือ การช่วยให้คำแนะนำว่าเราควรจะเล่นเกมรับแบบไหน ตอนช่วงเวลาไหน ต้องเข้าบีบคู่แข่งตั้งแต่โซนใด หน้ากรอบเขตโทษ กลางสนาม หรือกลับมาตั้งรับต่ำ”
ไฮไลท์การเล่นของ เมืองทอง เกมเฉือน บีจี ปทุม 1-0

“ในเมื่อบอลของ มาริโอ เป็นบอลเกมรุก ดังนั้นเราต้องเข้าบีบสูงตั้งแต่แดนบน ลงมาจนถึงกลางสนาม ผมต้องคอยจัดการวางตำแหน่งผู้เล่นเวลาที่เสียบอล ให้มันเป็นระบบระเบียบ แล้วชิงบอลกลับมาให้ได้เร็วที่สุด”

“รายละเอียดพวกนี้มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก รวมไปถึงมันยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดอย่างเป็นทางการ ผมไม่อาจบอกคุณได้ทั้งหมดเกี่ยวกับระบบการเล่น แต่เราต่างจากทีมอื่นๆ เล็กน้อยในเรื่องของการเล่นในสนาม”

ตัวของ โจซิค ทิ้งท้ายถึงแฟนบอลเมืองทองเอาไว้ว่า เขาเชื่อว่าแฟนๆ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของทีมด้วยตาของตัวเองแล้ว กับสิ่งที่พัฒนาขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา แล้วหวังว่ามันจะดียิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต ซึ่งตอนนี้ขอฝากให้กำลังใจพวกเขา ในการคว้าโควต้าไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าให้ได้ก่อน

PHOTO : MUANGTHONG UNITED FC

ทีมของเขากำลังพยายามเพื่อก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศไทย แล้วมันสำคัญมากๆ ในเรื่องของกำลังใจของทีม หากมีผู้เล่นคนที่ 12 เข้ามาชมและเชียร์ในสนาม ซึ่งพวกเขาจะพยายามทำผลงานอย่างดีที่สุดเป็นการตอบแทนกำลังใจที่ส่งมา

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

การสัมภาษณ์ออนไลน์ส่วนตัว

https://en.wikipedia.org/wiki/Milo%C5%A1_Joksi%C4%87

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ