'มาร์เซโล่ ยาโล่' อดีตเด็กปั้น เรอัล มาดริด สู่กำแพงแนวรับ ปราสาทสายฟ้า

By ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

8 ก.ย. 2024 , 06:29น.

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ไทยลีกเมื่อฤดูกาลก่อน ยังคงเดินหน้าพุ่งไปสู่ความสำเร็จอีกขั้น ที่คราวนี้คงไม่มองเพียงแค่แชมป์ภายในประเทศอีกต่อไป เนื่องจากกฎใหม่ในศึก เอซีแอล อีลิท ปรับเรื่องโควต้านักเตะต่างชาติให้ใส่กันได้เต็มเหนี่ยว เอื้อประโยชน์ให้กับทุกสโมสรที่ลงชิงชัยส่งตัวผู้เล่นที่ดีที่สุดลงเล่นได้แบบไร้ข้อจำกัด

สาเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการเสริมทัพสุดดุดันของ ปราสาทสายฟ้า ซึ่งแฟนบอลได้เห็นกันไปแล้วว่าสตาร์ทั้งไทยและต่างชาติตบเท้าเข้าสู่ถิ่น ช้าง อารีน่า กันแทบไม่พัก เริ่มตั้งแต่เปลี่ยนตัวกุนซือมาเป็น ออสมาร์ ลอสส์ โค้ชชาวบราซิล เสริมตำนานกองหลังจาก ออสเตรเลีย เอ ลีก อย่าง เคอร์ติส กู้ด และกองกลางดีกรีทีมชาติไทยอย่าง พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล ยังไม่นับรวมขุมกำลังเดิมอย่าง บิสโซลี่, คริสปิม, คูลส์ และ ธีราทร ที่โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากซีซั่นก่อน

อย่างไรก็ตามด้วยปัญหาสภาพร่างกายของ คิม มิน-ฮยอก รวมไปถึงการต้องการเพิ่ม สคอวด เด็ปท์ (Squad Depth) หรือขุมกำลังในทีมเพิ่มเติม จึงเป็นที่มาของการนำเข้าปราการหลังในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คเข้ามาเพิ่มเติมอีกหนึ่งราย ที่มีชื่อว่า มาร์เซโล่ ยาโล่ ที่มองเผินๆ จากรูปร่างและสไตล์การเล่น มีความคล้ายคลึงกับ โรนัลด์ อเราโฮ แนวรับทีมชาติอุรุกวัยจาก บาร์เซโลน่า เหลือเกิน

ส่องจากโปรไฟล์แล้ว ยาโล่ นั้นมีดีกรีไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เป็นผลผลิตจากยักษ์ใหญ่ประเทศสเปนอย่าง เรอัล มาดริด แถมยังถูกสโมสรชื่อดังทั้ง ยูเวนตุส และ ฟูแล่ม คว้าตัวไปร่วมทีมมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยปะทะแข้งกับสตาร์ระดับโลกอย่าง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ มาแล้วเช่นกัน ปูมหลังของแนวรับรายนี้มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง? ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เริ่มต้นฝันไกลแต่ไปไม่สุด

 ยาโล่ เป็นกองหลังที่เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค มีส่วนสูงถึง 193 เซนติเมตร เป็นลูกครึ่ง กินี-บิสเซา (พ่อ)-อาร์เจนติน่า (แม่) ที่เกิดในประเทศสเปน ทำให้เขาสามารถเลือกเล่นทีมชาติได้ถึง 3 สัญชาติ จากการที่เป็นดาวเตะสัญชาติผสมผสาน จึงทำให้สไตล์การเล่นของเขามีความดุดันของ อเมริกาใต้, ร่างกายที่แข็งแกร่งจากฝั่งแอฟริกา และทักษะฟุตบอลที่แน่นปึ้กแบบสเปน

เขาเป็นผลผลิตจากอคาเดมี่ของสโมสรระดับโลกอย่าง เรอัล มาดริด (กาสตีญ่า) มีเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ราอูล เด โทมาส และ เฆเซ่ โรดริเกซ (อดีตนักเตะดีกรีทีมชาติสเปน) แต่ไม่สามารถทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ จึงตัดสินใจไปทดสอบฝีเท้ากับ บาดาโลน่า ทีมในศึก เซกุนด้า ดิวิชั่น แล้วได้เซ็นสัญญาในอีก 1 เดือนต่อมาในปี 2012 แล้วได้ลงเล่นในฤดูกาลนั้นไปทั้งหมด 22 นัด ทำไป 2 ประตู ก่อนย้ายไปอยู่กับ กรานาด้า เบ

ช่วงเวลาที่ กรานาด้า เบ ส่วนใหญ่ ยาโล่ ได้ลงเล่นเป็นตัวหลักแข่งขันในลีกระดับ ดิวิชั่น 3 ก่อนจะถูกขายไปให้ ยูเวนตุส ทีมดังในศึกกัลโช เซเรีย อา แบบไม่เปิดเผยค่าตัว แต่ก็ถูกปล่อยให้ทางต้นสังกัดเดิม กรานาด้า เบ ยืมตัวใช้งานต่อทันที หลังจากนั้นก็ย้ายไปเล่นให้กับ กิโรน่า และ มูร์เซีย ซีเอฟ (ลีกา 3) แต่ก็ยังไม่สามารถขึ้นเป็นตัวหลักของทีมได้ ยังถูกจำกัดโอกาสลงเล่นในทีมสำรอง, เกมลีกบางเกม และบอลถ้วย โกปา เดล เรย์ เท่านั้น แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ลงเล่นในรอบ เพลย์ ออฟ ของ มูร์เซีย 4 เกมติด (ตัวจริง 3 เกม สำรอง 1) มีส่วนช่วยพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีก เซกุนด้า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่จับตามองมากขึ้นจน ในฤดูกาล 2016/17 ยาโล่ ย้ายไปเล่นให้กับ ซีดี ลูโก้ ทีมระดับ เซกุนด้า เป็นตัวหลักลงเล่นทุกรายการไปถึง 26 นัด ยิงไป 2 ประตู ก่อนที่ปีต่อมาจะมีโอกาสได้ย้ายไปร่วมทีม ฟูแล่ม ซึ่งตอนนั้นแข่งขันอยู่ในลีก แชมเปี้ยนชิพ ด้วยการซื้อขาดราว 8 แสนยูโร (ตีเป็นเงินไทยราว 31.5 ล้านบาท) เซ็นสัญญากัน 3 ปี

ความทะเยอทยานของ ยาโล่ นั้นเห็นได้ชัดตั้งแต่ดีลยังไม่จบลง 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงแค่ใบอนุญาตการทำงานจากฟีฟ่า ด้วยการออกมาให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า

“ผมกำลังจะย้ายไปอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงลอนดอน โอกาสครั้งนี้เป็นบันไดก้าวสำคัญในอาชีพของผมที่จะขยับไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก”

“ผมต้องการย้ายมาอยู่ที่นี่ เล่นที่สโมสรแห่งนี้ เติบโตในฐานะนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงกับทีมอันยิ่งใหญ่”

ส่วนฝ่ายที่เริ่มต้นเดินการเจรจาอย่าง โทนี่ ข่าน รองประธานเจ้าสัวน้อยในเวลานั้น ก็ออกมาพูดรับลูกเอาไว้เช่นกันว่า

“มันไม่ง่ายเลยที่จะตามหาดาวรุ่งที่จะเข้ามาเติมเต็มทีมชุดใหญ่ของเราได้อย่างรวดเร็ว แล้วเขาจะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับทีมในอนาคต แต่เรามั่นใจว่า ยาโล่ คือคนที่ใช่ที่จะเข้ามาเติมเต็มในส่วนนั้น หลังจากเราบรรลุข้อตกลงในการเซ็นสัญญาครั้งนี้”

อย่างไรก็ดีเส้นทางของ ยาโล่ ในถิ่น คราเวน ค็อตเทจ ไม่สวยหรูแบบที่ตั้งใจไว้ เขามีโอกาสลงเล่นเกมลีกไป 2 เกมในฐานะตัวสำรองในเกมกับ มิลวอลล์ และ เบอร์มิงแฮม พาทีมเก็บคลีนชีทได้ทั้งสองนัด รวมไปถึงการเล่นในศึก คาราบาว คัพ ในฐานะตัวจริง 2 เกม พาทีมเอาชนะ วีคอมบ์ 2-0 ในรอบแรก ก่อนพ่าย บริสตอล โรเวอร์ส 0-1 ตกรอบไป 

นอกจากนี้ยังไล้ลงสนามในเกม พรีเมียร์ลีก 2 ไป 3 เกม ในฐานะตัวจริงทั้งหมด พบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2 เกม ชนะ 4-1 เกมนั้น จอน ดากูร์ ธอร์สไตน์สันส์ (Jón Dagur Thorsteinsson) (เพื่อนร่วมทีมของ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ โอเอช ลูเวิน ทำแฮตทริกได้) และ แพ้ 0-3 และ เซาแธมป์ตัน 1 เกม ชนะไป 4-3 ซึ่ง ยาโล่ มีโอกาสปะทะกับนักเตะชื่อดังอย่าง เจมส์ วอร์ด-พราวส์ (James Ward-Prowse), แยน เบ็ดนาเร็ก (Jan Bednarek), ปิแอร์ ฮอยเบีร์ก (Pierer Hojbjerg) และ นาธาน เทลล่า (Nathan Tella) น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสลงสนามใน พรีเมียร์ลีก จริงๆ สักนัดเดียว

ต่อมาในฤดูกาล 2018/19 ยาโล่ ย้ายไปกลับไปเล่นในศึก เซกุนด้า สเปน กับสโมสร เอ็กตรีมาดูร่า ด้วยสัญญายืมตัว แต่ไม่ประสบความสำเร็จนักจึงย้ายกลับมาอยู่กลับ ฟูแล่ม ช่วงกลางฤดูกาล ก่อนจะถูกปล่อยตัวไปอยู่กับ ลูโก้ อดีตต้นสังกัดเดิมแบบฟรีๆ เมื่อจบซีซั่น

สองฤดูกาลต่อมา 2019/20 และ 2020/21 ยาโล่ ถือว่าเป็นกองหลังคนสำคัญของ ลูโก้ ลงเล่นทุกรายการไปถึง 45 นัด ทำไป 1 ประตู 1 แอสซิสต์ แล้วในฤดูกาล 2021/22 ยาโล่ ย้ายไปร่วมทีม เบาวิสต้า ทีมในลีกสูงสุดประเทศโปรตุเกส ซึ่งเป็นการได้เล่นลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในอาชีพของเขา ได้ลงสนามในบอลถ้วยไป 2 นัด และเเกมลีก 1 นัดในฐานะตัวจริง ซึ่งมีเพื่อนร่วมทีมในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คที่เล่นร่วมกันในระบบหลังสามอย่าง ติอาโก้ อิลอรี่ (Tiago Ilori) อดีตกองหลังจากสโมสร ลิเวอร์พูล และ ทีมชาติโปรตุเกส ออกไปเยือน บราก้า

มีโอกาสปะทะแข้งกับนักเตะชื่อดังอย่าง ลูคัส เปียซอน (Lucas Piazon) อดีตวันเดอร์คิดส์เจ้าของฉายา นิว กาก้า), ยาน คูโต้ (Yan Couto แบ็คขวาทีมชาติบราซิลชุดลุยศึก โกปา อเมริกา) และ ริคาร์โด ฮอร์ต้า (Ricardo Horta-กองหน้าทีมชาติโรปตุเกส) เกมนั้นจบลงด้วยการเสมอกันไป 2-2 ซึ่งตัวของ ยาโล่ ก็แยกทางด้วยการขอยกเลิกสัญญากับเบาวิสต้าไปในเดือนพฤศจิกายน 2021 โดยให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องส่วนตัวและครอบครัวของเขา

ซึ่งถ้ามองจากเส้นทางที่ผ่านมาทั้งหมด การอยู่กับ เบาวิสต้า น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เป็นจุดสูงสุดในการค้าแข้งของ ยาโล่ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงมรสุมชีวิตขาลงแบบยาวๆ

อาการเจ็บที่ต้องลุ้น

เดือนสิงหาคมปี 2022 ยาโล่ ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ เอร์กูเลส สโมสรระดับลีกา 4 ประเทศสเปน ซึ่งเป็นลีกระดับเดียวกับ อูนิโอน อดาร์เบ ที่ หนึ่ง-ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว เคยไปเล่น แต่โชคร้ายตั้งแต่เกมนัดประเดิมสนามพบกับ เรอัล มายอร์ก้า เบ ลงเล่นไปได้แค่ 27 นาที มีอาการกระดูกหน้าแข้งแตกและเส้นเอ็นรวมไปถึงหมอนรองกระดูกเข่าซ้ายฉีก 

จนต้องเข้ารับผ่าตัดรอบแรกที่มีการใส่อุปกรณ์ที่เป็นน็อตยึดตรึงไว้ ซึ่งผ่านไป 4 เดือนจนถึงเดือนธันวาคม ยาโล่ ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดรอบที่สอง แล้วแพทย์แจ้งว่าผลประสบความสำเร็จไปในทิศทางที่น่าพอใจ ส่วนตัวนักเตะเองก็มีกำลังใจที่ดีเช่นกัน 

โดยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดอย่าง เปโดร หลุยส์ ริโพลล์ และ มาเรียโน เด ปราโด ได้อธิบายถึงการผ่าตัดรอบสองเอาไว้ว่า

“การผ่าตัดครั้งนี้ที่เป็นรอบที่สองในรอบ 4 เดือน เราได้ทำการถอดเอาวัสดุที่ใช้ยึดตรึ่งอวัยวะที่ได้รับความเสียหายออกไป ซึ่งผลการผ่าตัดนั้นออกมาสำเร็จไปด้วยดี สภาพหัวเข่าซ้ายของคนไข้นั้นไร้ที่ติ ซึ่งหวังว่าเขาจะกลับมาฟิตสมบูรณ์เต็มที่ได้ในเร็วๆ นี้”

แต่แล้วปรากฎว่า ยาโล่ ก็ไม่ได้กลับมาลงเล่นให้กับ เอร์กูเลส อีกเลย จนมาถึงเดือนกันยายนปีก่อนเขาตัดสินใจเซ็นสัญญากับ ปาเลนเซีย ซีเอฟ ทีมในระดับ ดิวิชั่น 5 ของสเปนแบบไม่มีค่าตัว ลงสนามไป 16 นัด ทำไป 2 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีไม่น้อย ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างที่เห็น

กระทบไหล่สตาร์ในเกมทีมชาติ

ในนามทีมชาติ ยาโล่ ถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติ กินี-บิสเซา ครั้งแรกในเดือน มีนาคม 2019 แต่ไม่ได้ลงสนาม ซึ่งเขาต้องรอจนถึงเดือนมิถุนายนถึงมีชื่อไปลุยศึก แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่น รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ ซึ่งได้ลงสนามไปสองเกมในฐานะตัวจริงที่พบกับ ทีมชาติเบนิน (เสมอ 0-0 เก็บคลีนชีทได้) และ กาน่า ที่มีสองพี่น้อง จอร์แดน-อังเดร อายิว (Jordan-Andre Ayew) และ โธมัส ปาร์เตย์ (Thomas Partey) ลงนำทัพ เกมนั้นจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ กินี-บิสเซา 0-2 

ส่วนในปี 2020 ยาโล่ ก็มีโอกาสลงเล่นในศึก แอฟริกัน เนชั่น คัพ รอบคัดเลือก มีโอกาสได้ปะทะกับ ทีมชาติเซเนกัล ชุดที่มีทาง ซาดิโอ มาเน่ สตาร์ดังจากสโมสร ลิเวอร์พูล นำทัพ แต่ปรากฎว่าโดนทาง มาเน่ ทำแสบยิงประตูใส่ได้ทั้งสองเกม จบลงด้วยความพ่ายแพ้ 0-2 และ 0-1 ซึ่งตัวของปราการหลังรายนี้ได้ลงเป็นตัวจริงทั้งสองเกม

ถ้าหากไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน ยาโล่ ก็มักจะถูกเรียกตัวไปเล่นในรายการใหญ่ๆ อย่าง บอลโลกรอบคัดเลือก หรือศึกชิงแขมป์ทวีปแอฟริกาอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่น ที่เพิ่งผ่านพ้นไปในเดือนมกราคม 2024 ยาโล่ ก็ได้ลงสนามในรอบแบ่งกลุ่มเป็นตัวจริงถึง 2 จาก 3 นัด แล้วเคยได้ปะทะแข้งกับนักเตะระดับสตาร์อย่าง เฌเรมี่ โบก้า (Jeremy Boga), นิโกลัส เปเป้ (Nicolas Pepe) และ ฟร้องค์ เคสซิเย่ร์ (Franck Kessie) มาแล้ว 

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยาโล่ ก็ถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติในศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนแอฟริกา โดยมีคิวต้องเจอกับ ทีมชาติอียิปต์ ที่มีทาง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ สตาร์จากสโมสร หงส์แดง นำทัพ แล้วปรากฎว่าปราการหลังรายนี้มีส่วนสำคัญพาทีมชาติเก็บ 1 แต้มในเกมที่ยากแสนยากได้สำเร็จ ด้วยการพาทีมเสมอไป 1-1 ปัจจุบันลงสนามในนามทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 23 นัด ทำไป 1 ประตู

แฟนบอล GU12 ของทัพ ปราสาทสายฟ้า คงได้ยลฝีเท้าของ ยาโล่ แนวรับวัย 30 ปีไปบ้างแล้ว ในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นหลายต่อหลายนัด แต่นั่นยังไม่สามารถตัดสินทั้งหมดได้ เพราะสุดท้ายแล้วยังเหลือด่านหินอย่าง 3 แชมป์ในประเทศไทย และ 1 ถ้วยเอเชีย ที่เป็นบททดสอบรออยู่ เบื้องต้นแค่ลุ้นให้สภาพร่างกายของแนวรับรายนี้ฟิตเต็มร้อย ไม่มีอาการเจ็บเรื้อรังมารบกวอีกก็พอ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : 

https://en.wikipedia.org/wiki/Marcelo_Djal%C3%B3

https://www.transfermarkt.com/marcelo-djalo/profil/spieler/142022

https://www.transfermarkt.com/marcelo-djalo/leistungsdatendetails/spieler/142022

https://www.si.com/soccer/2017/07/19/ex-juventus-and-real-madrid-defender-marcelo-djalo-joins-championship-side-fulham

https://www.bbc.com/sport/football/48502233

https://es.besoccer.com/noticia/marcelo-djalo-deja-el-lugo-por-el-fulham

https://rr.sapo.pt/bola-branca/noticia/futebol-nacional/2021/11/18/marcelo-djalo-rescinde-com-boavista/261255/

https://alicanteplaza.es/los-medicos-garantizan-la-recuperacion-total-de-djalo