‘มิคเคลสัน’ : อนาคตแบ็คขวาทีมชาติไทยดีกรีสโมสรยุโรป

แม้ว่าผลงานของทีมชาติไทยชุดใหญ่ ภายใต้การกุมบังเหียนของ มาโน่ โพลกิ้ง ในช่วงหลัง รวมไปถึงเกมล่าสุดที่บุกไปเสมอทีมรองบ่อนอย่าง ทีมชาติไต้หวัน 2-2 จะทำให้แฟนบอลรู้สึกออกอาการ ‘เซ็ง’ ไปตามๆ กัน
ผู้เล่นหลายตัวหลักหลายราย กำลังเข้าสู่ช่วงปลายของการค้าแข้ง ไม่ว่าจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน (ไม่มีชื่อเกมล่าสุด) และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ต่างเหลือเวลาในการรับใช้ชาติกันอีกไม่นาน ซึ่งเป็นวัฏจักรของทีมฟุตบอลทุกทีม ที่ไม่มีโอกาสหนีพ้นคำว่าถ่ายเลือด
นักเตะหลายรายที่เป็นดาวรุ่งถูกดันมาจากชุด ยู-23 ก็ทยอยก้าวขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ โดยจากการสังเกตฟอร์มการเล่นในนัดล่าสุด คนที่น่าจะได้รับคำชมมากที่สุดคงหนีไม่พ้น นิโคลัส มิคเคลสัน หรือในชื่อเต็มว่า ลูกโซ่ นิโคลัส เก่งเขตกิจ มิคเคลสัน แบ็คขวาวัย 23 ปี ที่โชว์ฟอร์มได้เด่นเกินวัย
เส้นทางการค้าแข้งของเขา ที่สามารถเป็นตัวหลักให้กับสโมสรในยุโรปได้ มีจุดเริ่มต้นอย่างไร อนาคตของเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนในระดับสโมสรและทีมชาติ เป้าหมายในการค้าแข้งของเขาตั้งเอาไว้แบบไหน ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ปูมหลังก่อนมาลงเอยกับทีมชาติไทย
มิคเคลสัน เป็นลูกครึ่งที่มี คุณพ่อเป็นชาวนอร์วีเจียน และ คุณแม่เป็นคนไทยชาวจังหวัดพิษณุโลก เขาเกิดและใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนอร์เวย์จนถึงอายุ 21 ปี ไม่ได้มีความฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม นอกจากต้องการแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้ตั้งแต่เด็กเท่านั้น
เขาเริ่มเล่นฟุตบอลในสวนหลังบ้านกับคุณแม่ ก่อนจะเข้าสังคมที่กว้างขึ้นไปเล่นกับเพื่อนแถวบ้าน สิ่งที่ทำให้เขาหลงใหลในเกมลูกหนัง มีที่มาจากอารมณ์ร่วมง่ายๆ ที่รู้สึกว่า ‘สนุก’ หลังจากนั้นเป้าหมายของเขาก็ใหญ่ขึ้นในการอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

ด้วยศักยภาพที่โดดเด่น มิคเคลสัน มีโอกาสเล่นให้กับทีมเล็กในนอร์เวย์อย่าง ออตเตอสตาด หลังจากนั้นเมื่ออายุได้ 13 ปี ความฝันของเขาในการเป็นนักบอลอาชีพดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น หลังได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรอาชีพที่มีชื่อว่า ฮามคาม
มิคเคลสัน เล่นอยู่กับ ฮามคาม ประมาณสองปี ก็ถูกดันขึ้นไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ แล้วก็อยู่โยงเป็นสมาชิกคนสำคัญถึงช่วงอายุประมาณ 19 ปี ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ สตรอมก็อดเซ็ด ซึ่งเป็นทีมที่ใหญ่ขึ้นอีกระดับ เล่นอยู่ประมาณเกือบสามปี ก็ถูกขายไปให้กับทีมในประเทศเดนมาร์กสโมสร โอเดนเซ่ บีเค

จากฝีเท้าที่น่าจับตามองตั้งแต่อายุยังน้อย มิคเคลสัน จึงถูกเรียกตัวไปติดธงทีมชาตินอร์เวย์ ในระดับเยาวชนมาตั้งแต่ชุด ยู-16, ยู-17, ยู-18, ยู-19, ยู-20 และ ยู-21 เคยเล่นร่วมกับนักเตะชื่อก้องในวงการอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ หรือ มาร์ติน โอเดการ์ด มาแล้ว
แต่ทางคุณแม่ของเขา เคยเกริ่นถึงความฝันเอาไว้กลายๆ นานมาแล้วว่า อยากเห็นลูกชาย ได้ลงสนามในฐานะนักเตะทีมชาติไทย ซึ่งเป็นชาติบ้านเกิดของตัวเอง แล้วก็เป็นข้อความที่ทาง มิคเคลสัน จำได้ดีเสมอมา แม้ว่าเริ่มแรกเขาจะไม่เคยมีโอกาสมาสัมผัสกับประเทศไทยเลยตั้งแต่เด็ก เคยแค่มาพักผ่อนช่วงสั้นๆ เท่านั้น
“แม่ผมให้ผมทุกอย่าง บอกผมว่าตัวท่านจะมีความสุขมาก หากผมเลือกเล่นให้กับทีมชาติไทย”
“โอกาสนั้นมาถึงในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมากับทีมชาติชุดยู-23 ในศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ประเทศอุซเบกิสถาน”
“มาดามแป้ง วิดีโอคอลมาหาผมในระหว่างที่เอเย่นต์สองฝ่ายอยู่ด้วย พอผมได้คุยกับแม่แล้ว แล้วก็ใช้เวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ในการตอบตกลง”
มิคเคลสัน ไม่ได้รู้สึกเสียดายที่ต้องทิ้งโอกาสในการเล่นร่วมกับ ฮาลันด์ หรือ โอเดการ์ด รวมไปถึงนักเตะทีมชาตินอร์เวย์คนอื่นๆ ในอนาคต เพราะตามกฏของ ฟีฟ่า ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนสัญชาติได้เพียงแค่ครั้งเดียว แต่เขามองว่าต้องการตอบแทนคุณแม่ในสิ่งที่เขาทำได้เท่านั้น
ทัศนคติในการเล่น
มิคเคลสัน ไม่สามารถอธิบายความคิดแรกของตัวเอง หลังเลือกย้ายมาเล่นให้กับทีมชาติไทยออกมาเป็นคำพูดได้ เขาเพียงแค่รู้สึกว่า ตัวเองตื่นเต้นจนรู้สึกมวนท้อง คิดว่าประเทศไทยเป็นเหมือนกับบ้านของเขา แอบคิดว่าตัวเองมีความเป็นคนไทยมากกว่าคนนอร์เวย์เสียอีก นั่นทำให้เขารู้ได้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
แน่นอนว่าประสบการณ์ค้าแข้งของเขา เพาะบ่มให้ตัวของ มิคเคลสัน ต้องกลายเป็นนักสู้แบบที่เขาเคยใฝ่ฝันไว้แบบเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากการแข่งขันฟุตบอลในยุโรปนั้นมีความเข้มข้นสูง โครงสร้างของทีมมีความซับซ้อนมากกว่า
จังหวะการเล่นในสนามเร็วกว่า ถ้าก่อความผิดพลาดรู้สึกไม่ต่างกับการจะถูก ‘ฆ่า’ ได้เลย ตัวเขาเลยจำเป็นต้องโฟกัสอยู่กับเกมรับเป็นส่วนใหญ่ แต่ในการเล่นให้กับทีมชาติไทย เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเล็กน้อย สามารถเติมเกมบุกมีส่วนร่วมกับทีมได้แบบที่ต้องการ ซึ่งแฟนบอลคงได้เห็นกันไปแล้วกับผลงานในเกมล่าสุด
อย่างไรก็ตามศักยภาพของนักเตะไทย ก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ตามที่เปิดเผยไว้ว่า
“ผมไม่คิดว่าคุณภาพฝีเท้าของผู้เล่นจะดีขนาดนี้ นั่นคือสิ่งที่ผมประหลาดใจมากที่สุด แต่พวกเขาต้องพัฒนาประสิทธิภาพการเล่นให้มากขึ้น”

“พวกเขาต้องมีเพิ่มเรื่องความเฉียบคมจังหวะจบสกอร์ในพื้นที่สุดท้าย ทำประตูให้ได้เมื่อมีโอกาส เล่นเกมรับให้เหนียวแน่นมากขึ้น แล้วจะไปถึงเป้าหมายที่ไกลขึ้นได้เอง”
“คู่แข่งหลายชาติในเอเชีย มีผู้เล่นที่มีความเร็ว แต่เทคนิคและความเข้าใจในเรื่องของแท็คติก ไม่ได้ดีเท่าผู้เล่นในยุโรป”

“ถ้าให้แนะนำเพิ่มเติม คือ พวกเขาต้องอดทน ทำงานหนัก และมีความเชื่อว่า สักวันหนึ่งความสำเร็จมันจะมาถึงเอง หากยังคงมุ่งมั่นกับการทำงานในระดับเดิมไปเรื่อยๆ ต้องมีความหวังเข้าไว้”
การเล่นของ มิคเคลสัน ที่มีอิสระในเกมรุกมากขึ้น อาจทำให้แฟนบอลทีมชาติไทยตั้งแต่อดีต ย้อนนึกไปถึงภาพของแบ็คขวารุ่นพี่อย่าง สุรีย์ สุขะ ที่เคยได้รับคำชมอย่างล้นหลามมาแล้ว ซึ่งในวัยเพียงแค่ 23 ปี ดาวเตะลูกครึ่งรายนี้ มีสิทธิ์ที่พิสูจน์ตัวเองให้แฟนบอลชื่นชมกับอีกยาวๆ
เชื่อว่าเพื่อนร่วมทีมชาติไทย คงจะมีการแลกเปลี่ยนทัศนคติ แท็คติก และเทคนิคต่างๆ ในการเล่นกับ มิคเคลสัน แล้วต่างฝ่ายต่างคงได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์กลับไปเช่นกัน
เป้าหมายในอนาคต
สำหรับความเป็นมืออาชีพของ มิคเคลสัน นั้นไม่เคยเปิดเผยเกี่ยวกับข้อเสนอจากทีมอื่นๆ ในยุโรป เพราะตัวเขายังมีสถานะเป็นนักเตะของ โอเดนเซ่ แต่ก็แอบมีเปิดช่องเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการย้ายมาเล่นใน ไทยลีก ซึ่งเจ้าตัวคิดว่าช่วงเวลาที่เหมาะสม คงเป็นปลายของการค้าแข้งมากกว่าตอนนี้
ความฝันของ มิคเคลสัน ที่ตอบได้อย่างเต็มปากแบบไม่มีกั๊กตอนนี้มีเพียงแค่ว่า

“เป้าหมายหลักของผมคือการพา ทีมชาติไทย ไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย นั่นเป็นความฝันของผมเลย ซึ่งอีกหนึ่งความฝันของผม คือ การคว้าแชมป์โลกกับทีมชาติไทย”
ส่วนข้อความทิ้งท้ายถึงแฟนบอลไทย ที่ให้การสนับสนุนตัวเขาตั้งแต่วันแรก มิคเคลสัน รู้สึกขอบคุณจากใจจริงๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจเลยสำหรับดาวเตะรายนี้ ที่มีจำนวนแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น เต็มร้อยทุกครั้งที่ได้รับโอกาสลงสนาม

สมกับที่เป็นนักเตะมืออาชีพจากยุโรป แล้วได้ลงเล่นในเกมทีมชุดใหญ่จริงๆ ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตจะมีดาวเตะสัญชาติไทยรายอื่นๆ สามารถก้าวไปตามรอยของ มิคเคลสัน ได้มากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวผู้เล่นเอง และ ทีมชาติไทย ด้วยเช่นกัน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.youtube.com/watch?v=gZ1z0xH6pxg
https://www.youtube.com/watch?v=jPVE_bV0ViM
https://www.mainstand.co.th/th/features/5/article/3607
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เทพนิยายภูธร : ‘สโมสร ดอนมูล’ ตำนานทีมระดับตำบลผู้พิชิตแชมป์ เอฟเอ คัพ
เมื่อครั้งหนึ่ง “อิชิอิ” เคยทำงานในโรงอาหาร หลังคว้ารองแชมป์สโมสรโลก
คล้ายตรงไหนบ้าง? : ศุภณัฏฐ์ นักเตะเงา โลซาโน่ ในสายตาสื่อต่างประเทศ
เวียดนามกร้าวก่อนซีเกมส์ : "4 ปีก่อน ทรุสซิเย่ร์ ก็เคยพาทีมเวียดนามยู 19 เอาชนะไทยมาแล้ว
เก่งในสนามไม่พอ : สาเหตุใด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน ?
บุรีรัมย์ ยังห่างแค่ไหน ? 10 สถิติไร้พ่ายนานที่สุดในโลก ณ ตอนนี้
ข่าวและบทความล่าสุด
MOST POPULAR

ไปฟุตบอลโลกเองไม่ได้ ก็เป็นเจ้าภาพเลยละกัน?

เคลีก ออกกฎการเงินสุดเข้ม ห้ามสโมสรใช้เงินเกินรายรับในแต่ละปี

ไม่ใช่แค่ส่งลูกมา เทโร : เป้าหมายของราชวงศ์กัมพูชาในวงการฟุตบอลคืออะไร ?

สมาคมฯ จัดกิจกรรม Grassroots 23 จังหวัดทั่วประเทศ เด็กเยาวชนเข้าร่วมกว่าหมื่นคน

ศุภณัฏฐ์ทะยานแรง : 10 แข้งไทยมูลค่าสูงสุด ณ เวลานี้
