นอกจากเป็นเจ้าภาพที่ผลงานแย่ที่สุด "กาตาร์" ได้อะไรจากบอลโลก 2022 บ้าง ?
กาตาร์ ปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพอย่างน่าผิดหวังด้วยการแพ้ทุกเกมที่ลงสนาม ยิงประตูได้เพียงลูกเดียว และคุณภาพในเกมที่เป็นรองคู่แข่งแบบสุดกู่ทุกนัด
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทั่วโลกมองว่าพวกเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับการเข้ามาแข่งขันในฐานะ "เจ้าภาพ" ที่ไม่ได้ผ่านรอบคัดเลือกมาก่อน
อย่างไรก็ตามทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนมี 2 ด้านเสมอ ... นอกจากความล้มเหลวที่โลกตัดสินพวกเขา กาตาร์ ได้อะไรกลับมาบ้าง ติดตามที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ความล้มเหลวในสนาม… อย่างสิ้นเชิง
กาตาร์ รับรู้ว่าพวกเขาจะได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคมปี 2010 หรือก่อนการแข่งขันเริ่มถึง 4371 วัน อย่างไรก็ตามช่วงเวลาทีพวกเขารอคอย กลับจบลงอย่างรวดเร็ว หลังการแข่งขันผ่านไปไม่ถึง 2 สัปดาห์เลยด้วยซ้ำ
กาตาร์ สร้างสถิติเป็นชาติเจ้าภาพแรกที่แพ้ในเกมนัดเปิดสนาม และต่อด้วยการตกรอบเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ และแน่นอนพวกเขาเป็นเจ้าภาพที่แพ้ไปถึง 3 เกมติดต่อกันในรอบแบ่งกลุ่ม
หากจะพูดถึงเรื่องในสนามนั้น การตกรอบของ กาตาร์ ถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์แต่อย่างใด พวกเขาเป็นทีมวางของสายก็จริง แต่เมื่อวัดประสิทธิภาพนักเตะและประสบการณ์ กาตาร์ เป็นรองทีมอย่าง เนเธอร์แลนด์, เซเนกัล และ เอกวาดอร์ อยู่หลายขุม
ยิ่งลงสนามก็ยิ่งเห็นชัดมาก ๆ ถึงความต่างนี้ กาตาร์ เคยทำได้น่ากลัวในศึกชิงแชมป์ เอเชีย เมื่อปี 2019 ตอนนั้นพวกเขาฝ่าฟันทีมเก่ง ๆ ในเอเชียได้ทีมเเล้วทีมเล่า จนมาจบด้วยการคว่ำทีมที่ถูกยกให้เป็น "ที่สุดของทวีป" อย่างญี่ปุ่น ได้ในรอบชิงชนะเลิศอย่างสมเกียรติ
วิธีการเล่นของ กาตาร์ ในเวลานั้นคือการเล่นแบบโมเดิร์นฟุตบอลเต็มขั้น มีการไล่บีบพื้นที่คู่แข่งให้เล่นยากตลอดทั้งเกม และนักเตะทั้ง 11 คนมีการเคลื่อนที่ ขยับหาบอล และเล่นเกมรับ รวมถึงเกมรุกพร้อมกันทั้งทีม ซึ่งวิธีการดังกล่าวทำให้ กาตาร์ กลายเป็นทีมน่าจับตามองขึ้นมาในทันที
ส่วนหนึ่งนักเตะที่โดดเด่นในทัวร์นาเม้นค์นั้นอย่าง ฮัสซาน อัล-ไฮดอส, อัคราม อาฟีฟ, อัลโมเอซ อาลี และ คาห์เลด โมฮาเหม็ด กำลังอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของอาชีพค้าแข้ง และพวกเขาก็เข้าใจวิธีการเล่นของทีมเป็นอย่างดีเพราะกุรซืออย่าง เฟลิกซ์ ซานเชซ นั้นทำงานร่วมกับนักเตะเหล่านี้มาตั้งแต่ระดับเยาวชน
แต่อย่างที่ทุกคนรู้กันนะครับ ระดับเอเชีย กับระดับโลกนั้นมีระยะห่างที่เยอะมาก ๆ กาตาร์ เองหากจะว่ากันตรง ๆ พวกเขาก็เล่นกับทีมระดับเอเชีย และถือว่าเป็นทีมระดับกลางค่อนบนมาตลอดในช่วงหลายปีหลัง แต่ในระดับโลกนั้น กาตาร์ ยังห่างไกลมาก
พวกเขาไม่เคยไปเล่นฟุตบอลโลกเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่การเล่นเพลย์ออฟเพื่อเจอกับคู่แข่งโซนอื่น ๆ ก็ไม่เคยสักครั้ง สิ่งนี้มันทำให้นักเตะกาตาร์นั้นขาดสิ่งที่เรียกว่า "ประสบการณ์" ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันส่งออกมาในสนามทั้งหมด
ในเกมนัดแรกกับ เอกวาดอร์ กาตาร์ ได้เจอกับความเข้มของฟุตบอลอเมริกาใต้ของแท้ แข็งแกร่ง รวดเร็ว ทักษะการครองบอลและระดับส่งบอลนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่ทำให้ กาตาร์ ไล่ไม่จน เพราะนับตั้งแต่เริ่มเกม จน เอกวาดอร์ ได้ประตู 2-0 กาตาร์ แทบหาบอลไม่เจอ และไม่มีโอกาสยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ช่วงท้าย ๆ ยังดีที่ เอกวาดอร์ ผ่อนแรงและเก็บนักเตะไว้เล่นในเกมนัดที่ 2 กับ เนเธอร์แลนด์ สกอร์ก็เลยไม่ขยับไปมากกว่าแน่ ... แต่ถ้าใครดูเกมตลอด 90 นาทีจะเห็นได้จัดเลยว่า กาตาร์ ครองบอลไม่ได้ แม้ทีมจะตามหลังสองลูกก็ออกอาการเร่งไม่ขึ้น
จากนั้นในเกมนัดที่ 2 กับ เซเนกัล ทีนี้ กาตาร์ ไม่มีทางเลือกเเล้วนะครับ พวกเขาจะเล่นเน้นปลอดภัยไม่ได้เเล้ว เพราะ 3 แต้มเกมนี้สำคัญมากจริง ๆ แต่ก็อย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน นักเตะกาตาร์ รับส่งผลพลาดง่ายมาก ซึ่งประตูที่ กาตาร์ เสียให้ เอกวาดอร์ ก็มาจากสาเหตุหลัก ๆ เลยคือการไม่ทันนักเตะฝั่งตรงข้าม
ลูกประสบการณ์ การอ่านจังหวะบอล เซเนกัล เหนือกว่ามาก ตัดบอลเเดนกลางของ กาตาร์ ได้ตลอด จนสุดท้าย กาตาร์ ก็มาตกม้าตายด้วยการสกัดบอลพลาด จนเหมือนเป็นการตั้งบอลให้ บูลาย เดีย กองหน้าของ เซเนกัล ได้ยิงเน้น ๆ ... ซึ่งจบเกม กาตาร์ ก็โดนไปถึง 3 ประตู
ขณะที่เกมกับ เนเธอร์แลนด์ นัดสุดท้ายยิ่งไม่ต้องพูดถึง เกมนี้คือการตอกย้ำชัด ๆ เลยว่า กาตาร์ ตามหลังชาติที่เก่งกาจด้านฟุตบอลห่างขนาดไหน
ญี่ปุ่น เอาชนะ เยอรมัน, ซาอุดิ อาระเบีย เอาชนะ อาร์เจนติน่า, อิหร่าน เอาชนะ เวลส์ … เกมฟุตบอลโลก 2022 ของชาติเอเชียเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าถ้านักเตะมีประสบการณ์มากพอ มีความเชี่ยวชาญในเเท็กติก และมีความเข้าใจเกมสูง ทีมจาก เอเชีย ก็สามารถร่นระยะห่างกับทีมระดับแถวหน้าได้
แต่กับ กาตาร์ การแสดงให้เห็นถึงความใกล้เคียง ไม่เคยเกิดขึ้นเลย… และเรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาก้าวเข้ามาเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งนั่นก็เป็นความผิดหวังที่เกิดขึ้นจากการลงจำนวนมหาศาล ทั้งการสร้างฟุตบอล และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ สำหรับ เวิลด์คัพ ครั้งนี้
โครงการยักษ์ที่ซื้อความสำเร็จไม่ได้
ไม่ใช่แค่ผิดหวังในแง่ของผลลัพธ์ และวิธีการเท่านั้น ความห่างชั้นยังทำให้แฟนบอล กาตาร์ หลายคนก็มาให้สัมภาษณ์หลังเกมแบบเซ็ง ๆ ว่า พวกเขาหวังว่าทีมของตัวเองจะเป็นฝ่ายได้บุก หรือสร้างเกมรุกให้แฟนบอลดูสนุกบ้าง
แต่ที่่สุดเเล้ว กาตาร์ ก็ทำได้น้อยมาก ๆ ในแต่ละเกม สิ่งเหล่านี้ก็สะท้อนกลับไปยังเกมแรกกับ เอกวาดอร์ ที่ กาตาร์ หาบอลไม่เจอแม้จะโดนนำก็ตาม
ความสิ้นหวังนี้โดนส่งต่อ ทำให้แฟนบอลต้องออกจากสนามตั้งแต่เกมยังเหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมง และก็เป็นเช่นนั้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบรอบแบ่งกลุ่ม
หลังตกรอบก็มีการพูดถึงกาตาร์ในแง่ลบ ต่าง ๆ มากมายว่าคือความน่าอับอาย บ้างก็บอกว่าพวกเขาสูญเปล่ากับการทุ่มงบประมาณในฟุตบอลโลกครั้งนี้ … แต่ทุกอย่างบนโลกนี้นันมี 2 ด้านเสมอ
หลายคนคงได้ยินเรื่องลบ ๆ เกี่ยวกับ กาตาร์ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้มามากแล้ว อย่างไรก็ตามใช่ว่าพวกเขาจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยสำหรับการทุ่มทุนสร้างเวิลด์คัพฉบับอาหรับครั้งนี้
พวกเขาจ่ายเงินก้อนใหญ่ที่ทำให้ตัวเองได้เห็นความจริงที่แจ่มชัดที่ นี่คือช่วงเวลาที่ชาว กาตาร์ ได้เห็นกับตาว่าทัวร์นาเม้นต์ระดับโลก ที่มีนักเตะที่ดีที่สุดในโลกลงแข่งขันมันแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาเคยเจอมามากขนาดไหน
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายหากวัดกันในแงาผลงาน แต่ กาตาร์ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ ๆ ในประเทศของพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากแชมป์เอเชีย 2019 คือความสำเร็จที่อาจจะทำให้พวกเขามองข้ามสิ่งสำคัญไป
นอกจากนี้ กาตาร์ ทั้งสิ่งปลูกสร้าง เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดมาจากทั่วโลกเพื่อเอามาใช้ในฟุตบอลโลกหนนี้โดยเฉพาะ รวมถึง องค์ความรู้นี้เองจะอยู่กับพวกเขาไปอีกนาน … ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเอาไปต่อยอดได้ในอนาคต ทั้งในเรื่องของการจัดการนอกสนาม และการเตรียมทีมเพื่อการแข่งขันในสนาม
มีข้อมูลที่น่าสนใจจาก ดิ แอธเลติก ที่ปกติแล้ว จะพูดถึงแง่ลบในฟุตบอลโลกที่ กาตาร์ เป็นส่วนใหญ่ แต่พวกเขาบอกว่านี่คือฟุตบอลโลกที่ปลอดภัยกับคนดูและนักท่องเที่ยวมากที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะมีการควบคุมความสงบได้ดี จนไม่มีเหตุการณ์รุนแรงนอกสนาม ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน เช่นการโดนฉกชิงวิ่งราว ปัญหาอาชญากรในพื้นที่ที่เล็งเหยื่อเป็นชาวต่างชาติ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่ รัสเซีย, บราซิล และ แอฟริกา 3 ครั้งก่อนหน้านี้
ส่วนเรื่องในสนามนั้น ฟุตบอลโลกหนนี้คือการ "ซื้อประสบการณ์" ของ กาตาร์ ก็คงไม่ผิดนัก อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ลองแล้วว่าการลงทุนกับ อคาเดมี่ แอสไปร์ ที่ใช้ทุนสร้างกว่า 4 หมื่นล้านบาท ยังไม่สามารถเนรมิตรความฝันของพวกเขาให้เป็นจริงได้ และความฝันที่ว่านี้ก็คือการสร้างความเป็นเลิศให้ฟุตบอลกาตาร์ทัดเทียมกับระดับโลกนั่นเอง
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ทำให้ กาตาร์ ได้เห็นความต่างของ คลาสนักเตะ ที่เล่นในประเทศตัวเองและโตมากับศูนย์ฝึกในประเทศ กับ นักเตะที่เล่นในลีกระดับสูง และเจอการแข่งขันที่เข้มข้นมาตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ ซึ่งปลายทางก็คือนักเตะชาติต่าง ๆ สามารถเล่นกับ กาตาร์ ได้อย่างไม่ลำบากนักในการจะเอาชนะเจ้าภาพครั้งนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นใน เวิลด์คัพ 2022 มันทำให้พวกเขารู้แล้วว่าเงินอาจจะซื้อโอกาสไปเล่นฟุตบอลโลกได้ แต่การไปเล่นและทำผลงานให้ดีจนชนะใจคนทั้งโลกนั้น "เงินไม่สามารถซื้อได้"
เดิมทีที่พวกเขาใช้การให้สัญชาติ ให้เงิน และสิทธิพิเศษต่าง ๆ สำหรับการดึงดูดนักเตะดาวรุ่งสัญชาติต่าง ๆ มาโอนเป็นสัญชาติ กาตาร์ ซึ่งแม้จะทำได้ดีในระดับหนึ่งในช่วงแรก แต่วิธีที่จะสร้างคุณภาพฟุตบอลให้ยั่งยืนที่สุดคือการสร้างบุคลากรของตัวเอง และส่งออกไปเจอกับมาตรฐารระดับโลก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ ในต่างเเดน
ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้คือ กาตาร์ จะนำเอาบทเรียนนี้กลับมาตรวจสอบพวกเขาเองอีกครั้ง พวกเขาได้เห็นแล้วว่ามีอะไรที่ยังขาด และมีสิ่งไหนที่เด็ก ๆ ของพวกเขาไม่สามารถทำได้ และที่เห็นชัดที่สุดคือ การส่งนักเตะไปเล่นในยุโรปที่ถือเป็นต้นตำรับของฟุตบอลนั้น มีความสำคัญต่อผลงานระดับชาติเป็นอย่างมาก
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเเล้วดีเสมอ คำกล่าวนี้สามารถใช้ได้กับ กาตาร์ ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ... พวกเขาได้รับการเบิกเนตรเรียบร้อยจากเหล่าชาติระดับโลก ดังนั้นในฟุตบอลโลก 2026 ที่โซน เอเชีย จะได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายถึง 8 ทีม
กาตาร์ อาจจะกลับมาด้วยความแข็งแกร่งในแบบที่ใครเองก็ไม่คาดคิด และสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายโดยไม่ต้องจ่ายเงินมหาศาลเผื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกอีกเเล้วก็เป็นได้