นักวิเคราะห์เกมบางกอก เผยแผนโค่นบุรีรัมย์ ล็อคเป้าเจาะกัปตันทีม
ฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย เกิดเหตุการณ์สุดเหลือเชื่อขึ้น เมื่อทีมจากไทยลีก 3 อย่าง บางกอก เอฟซี สร้างปาฏิหาริย์ล้มแชมป์เก่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปแบบสะใจกองเชียร์ 5-4
นอกจาก "โค้ชโดนัท" กฤษกร กระสายเงิน กุนซือหนุ่มวัย 27 ที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ของทีมกระทิงเหล็กแล้ว อีกหนึ่งบุคคลที่มีบทบาทไม่น้อยก็คือนักวิเคราะห์เกมของทีม (คนซ้ายมือจากในภาพ) ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของเพจ Footballism คนคลั่งฟุตบอล
ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดเผยแผนบางส่วนที่ใช้พิชิต บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หนึ่งในนั้นคือการวางแผนให้ลูกทีมล็อคเป้าเจาะตรงแนวรับกัปตันทีมของปราสาทสายฟ้าเป็นหลัก โดยโพสต์ผ่านว่า
"การวางแผนรับมือก่อนเกมชนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
วันนี้ผมขอเล่าถึงบทบาทการทำงานของนักวิเคราะห์เกมไว้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจในสายงานนี้ได้นำไปปรับใช้กันนะครับ
ปัจจุบันผมเป็นนักวิเคราะห์เกมให้กับสโมสรบางกอก เอฟซี จากไทยลีก 3 โซนกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งจะมีคิวลงเตะกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในศึกเอฟเอ คัพ โดยผลการแข่งขันจบที่บางกอก เอฟซี เอาชนะบุรีรัมย์ไปได้ 5-4
อย่างแรกต้องอธิบายก่อนว่านักวิเคราะห์เกมนั้น มีบทบาทในการสื่อสารกับโค้ชและผู้เล่นผ่านข้อมูลต่างๆ เพื่อการวางแผนการฝึกซ้อมและการแข่งขันในแต่ละนัด ซึ่งมีความยาก ง่ายและวิธีการที่แตกต่างกันไป โดยการตัดสินใจสุดท้ายจะอยู่ที่โค้ชเป็นหลัก
ก่อนเกมนัดเจอบุรีรัมย์ มีการคาดการณ์ไว้ว่าบุรีรัมย์จะจัดผู้เล่นชุดผสม เนื่องจากมีเกมสุดสัปดาห์กับแบงค็อก ยูไนเต็ดรออยู่ และเอฟเอ คัพเมื่อเจอกับทีมจาก T3 จะส่งผู้เล่นต่างชาติได้ 3 คน คาดการณ์ไว้ว่าเป็น ดูมบูย่า ( สำรองในลีก ), คริสปิม ( โดนแบนมาสองนัด ต้องการแมตช์ฟิต ) และคิดว่าคงเอาดิออนไว้เป็นสำรองในเกมรับ + ตัวไทยเท่าที่มีที่ไม่ค่อยได้ลงสนาม ทั้งพรรษา ชิติพัทธ์ รัตนากร สุพรและพีรดนย์ที่พึ่งหายเจ็บต้องการแมตช์ฟิต แต่ผิดคาด บุรีรัมย์ส่งบิสโซลี่มาเป็นตัวสำรอง และใช้ธีราทรยืนตัวจริงเป็นหัวใจในแดนกลางของทีม
สเก๊าท์เกมรุกของบุรีรัมย์ ( ก่อนเกม )
- เล่นในระบบ 4-2-3-1 แต่จะใช้แบ็คขวาหุบเข้าใน ( Inverted Back ) และแบ็คซ้ายดันขึ้นสูงเพื่อทำเกมรุกแบบเต็มที่ ( Offensive Back ) และจะใช้สองกองกลางจะเคลื่อนที่เพื่อเปิดพื้นที่ให้กันและกัน ในการออกบอลจะใช้บอลแนวลึกเป็นหลัก โดยที่ให้ 4 ผู้เล่นเกมรุกเข้ามารับบอลหน้าไลน์กองหลังและพื้นที่ Half Space พื้นที่สุดท้ายจะเข้าทำด้วยวิธีการเปิดจากด้านข้างเป็นหลัก
สเก๊าท์เกมรับของบุรีรัมย์ ( ก่อนเกม )
- เล่นในระบบ 4-2-3-1 โดยใช้การเข้าเพรสซิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อนำบอลกลับมาทำเกมรุกให้ได้เร็วที่สุด โดยการเล่นแบบนี้หากกดดันไม่พร้อมกัน จะเกิดช่องว่างระหว่างไลน์ให้เราได้โจมตีทันที
- ขณะเสียบอลจะทำการกดดันกลับทันที ( Counter Pressing ) เกิดช่องว่างให้โจมตีได้อีกเช่นกันถ้าหากครอบครองบอลด้วยความนิ่งพอ
การวางแผนในเกมนี้ ( เปิดเผยได้คร่าว ๆ บางส่วน )
- เกมรับเล่นอย่างรัดกุม รักษาระยะห่างของแต่ละโซนเอาไว้ ( Compact ) เน้นปิดพื้นที่มากกว่าตามคน เพื่อปิดพื้นที่ในการจ่ายบอลแนวลึกและเมื่อไหร่ที่บอลออกข้าง จะต้องมีคนโฟกัสคู่แข่งที่จะวิ่งไปรับบอลในพื้นที่ Half Space และผู้เล่นในกรอบเขตโทษจะต้องประกบตัวให้ดี พร้อมป้องกันลูกเปิดจากด้านข้างตลอดเวลา
- เกมรุก ขณะที่บุรีรัมย์เพรสซิ่งสูง ต้องกล้าและนิ่งพอในการครองบอลเพื่อดึงคู่ต่อสู้เข้ามาจากนั้นส่งบอลไปยังพื้นที่ว่างที่คู่ต่อสู้ทิ้งไว้ทันที เป้าหมายหลักในการโจมตี คือ กองหลังกัปตันทีมของบุรีรัมย์
- เกมรุกในสถานการณ์หลังจากตัดบอลได้ ( Transition ) ด้วยความที่ว่าบุรีรัมย์ใช้แบ็คขวาหุบเข้าใน แบ็คซ้ายดันขึ้นสูงและพยายามเข้ากดดันเร็วทันทีหลังจากเสียบอล และจะเหลือเกมรับไว้เพียง 2-3 คน ทำให้มีพื้นที่ด้านข้างค่อนข้างมากในการโต้กลับ ( โจมตีพื้นที่ของแบ็คสองข้าง ) โดยใช้บอลทแยง ( Diagonal Ball ) เป็นอาวุธเด็ดในการโจมตี
สุดท้ายต้องขอชื่นชมทั้งโค้ชโดนัทและโค้ชโม รวมถึงสต๊าฟโค้ชทุกคนที่ช่วยกันวางแผนทั้งการเล่น การฝึกซ้อม การเตรียมตัวก่อนการแข่งขันและแก้เกมกันตลอดเวลา โดยเราเล่นกันอย่างรัดกุมมากขึ้น ( มีบทเรียนจากนัดเจอท่าเรือ ) และเปลี่ยนตัวให้ฉลาดมากที่สุด ส่งผลที่การพลิกล็อคครั้งใหญ่นี้ได้สำเร็จ
"ชัยชนะไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่เกิดจากความพยายามทั้งสิ้น"