องค์ประกอบการปลุกพลังแฝง : "ยิม" วรชิต หลังจุดติดที่ การท่าเรือ
หากพูดถึงเรื่องราวของ “ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เพลย์เมคเกอร์สัญชาติไทย ที่ผ่านการเล่นให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่ในศึก ไทย ลีก มาแล้วทั้ง ชลบุรี เอฟซี, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี แฟนบอลคงได้ยินกิตติศัพท์คำชมเรื่องพรสวรรค์ของเขามานาน
หลายคนคงแปลกใจไม่น้อยว่า นักบอลที่มีคาแรกเตอร์ดูชิลล์ ปล่อยอารมณ์ของตัวเองเล่นเกมของตัวเองแบบศิลปินลูกหนัง แต่ดูขาดแพสชั่นและความกระหาย มีดีอะไรขนาดนั้นถึงได้รับคำชมจาก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล กูรูผู้ครำหวอดในวงการบอลไทยแบบไม่ขาดปาก จนโดนแซะว่าเป็นลูกรัก
จุดเริ่มต้นจากเด็กน้อยแบกกระเป๋าจาก เชียงใหม่ มาเผชิญโชคที่เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ก่อนจะล่าฝันต่อด้วยการไปคัดตัวเข้าสู่ อะคาเดมี่ ของ ฉลามชล รุ่นแรกได้สำเร็จ ด้วยการพยายามถึงสองรอบ
ซึ่งทีมงานของสโมสร ชลบุรี มีโค้ชสุดเข้มอย่าง เฮงซัง เป็นคนดูแลกระบวนการต่างๆ แทบทุกขั้นตอน หลังจากนั้นก็ใช้เวลาประคบประหงมดาวรุ่งรายนี้มาตั้งแต่อายุ 12 ปี
ใครจะไปคาดคิดว่าการเดินทางของ วรชิต จะไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น จากพรสวรรค์ที่เฉิดฉายออกมาแล้วปูทางให้เขาได้ไปฝึกฟุตบอลนอกประเทศและทดสอบฝีเท้า ทั้งในทวีปยุโรปและเอเชียกับสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เลสเตอร์ ซิตี้, วิสเซล โบ และ เอฟซี โตเกียว
ทุกปัจจัยดูเหมือนจะเทไปในทิศทางเดียวกันว่า ยิม เป็นนักเตะพรสวรรค์สูง ที่โค้ชฟุตบอลหลายคนจากหลายภูมิภาค มองเห็นถึงศักยภาพที่ซ้อนเร้นอยู่ภายใน รอแค่วันเฉิดฉายออกมาเต็มที่ ในเวลาที่ทุกองค์ประกอบลงตัว
อย่างไรก็ตามเส้นทางการค้าแข้งของเขา กลับขึ้นๆ ลงๆ ไม่ต่างกับรถไฟเหาะ ช่วงเวลาที่ฟอร์มดีสื่อและแฟนบอลก็อวยกันกระจาย เวลาฟอร์มหายก็ถูกสับเละเช่นกัน อันเป็นผลมาจากคาแรกเตอร์ของเขาที่เป็นคนสบายๆ ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร จนถูกคิดเหมารวมไปว่าขาดความทุ่มเท
แต่การทำ 2 ประตูล่าสุดของเขากับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ยิงให้กับต้นสังกัดชั่วคราวอย่าง สิงห์เจ้าท่า ได้ในเกมลีกนัดสุดสัปดาห์ ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณอันดี ที่บ่งบอกว่า วรชิต ยังไม่ได้เข้าสู่ช่วงขาลงแบบที่ใครๆ คาดคิด แล้วยังมีโอกาสกลับมาประสบความสำเร็จในอาชีพได้อยู่
การจะใช้งาน ยิม ให้เกิดประโยชน์สูงสุด งัดศักยภาพฝีเท้าออกมาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แบบที่โค้ชฟุตบอลหลายคนเคยเห็นประสิทธิภาพมาแล้ว อาจต้องอาศัยองค์ประกอบต่างๆ เพื่อดึงพลังแฝงของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ จิ๊กซอว์เหล่านั้นคืออะไร? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
อาศัยพรสวรรค์ที่มีอยู่เดิม
คำร่ำลือเกี่ยวกับศักยภาพฝีเท้าของ วรชิต นั้นการันตีได้จากหลากหลายเหตุการณ์ในอดีต หากไม่ใช่เด็กที่มีของจริงๆ โค้ชเฮง คงไม่ปลุกปั้นจนขึ้นทีมชุดใหญ่ ชลบุรี เอฟซี ได้สำเร็จ พร้อมคอยให้คำแนะนำแทบทุกฝีก้าว จนติดทีมเด็กปั้น 11 ตัว ที่ภาคภูมิใจที่สุดเป็นแน่
จากคาแรกเตอร์ของ ยิม ที่เป็นคนง่ายๆ สบายๆ เล่นไหลไปตามธรรมชาติในสไตล์ของเขา ส่งผลให้เขาแทบไม่รู้เลยว่า เกมไหนเล่นดีเพราะอะไร? เล่นแย่ตรงจุดไหน? เห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ตอนถูก วิสเซล โกเบ ชวนไปทดสอบฝีเท้าไว้ว่า
"วันนั้นผมได้ลงทีมอุ่นเครื่องกับสโมสร วิลเซิล โกเบ พอจบเกม อาจารย์เฮง มาบอกกับผมว่า โค้ชทีมนั้นมาคุยกับเขา บอกว่าจะเอาผมไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ผมตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเล่นดีขนาดนั้น ซึ่งถ้ามองๆแล้วเพื่อนๆทุกคนก็เล่นดีพอๆกัน"
หลังจากเสร็จภารกิจจากญี่ปุ่นเป็นเวลาสามเดือนตอนอายุได้ 15 ปี หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้สัมผัส ทำให้เขาได้รับรู้ถึงความเป็นมืออาชีพขั้นสูง บรรยากาศการซ้อมที่จริงจัง แล้วนำมาพัฒนาการเล่นของตัวเอง
จนสามารถต่อยอดกรุยทางอนาคตสายลูกหนัง ด้วยการมีชื่อติดไปร่วมโครงการ ออล เอเชีย ฟุตบอล แคมป์ ที่ประเทศออสเตรเลีย ที่มี ไนกี้ เป็นโต้โผในการจัดกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งตัวของเขามีอายุแค่ 16 ปีเท่านั้น น้อยกว่าคนอื่นๆ อยู่หนึ่งปี
ผลงานครั้งนั้นในการเข้าแคมป์ของ ยิม ประทับใจทีมงานของ ไนกี้ แบรนด์ผลิตภัณฑ์กีฬายักษ์ใหญ่ของโลก ไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วทำให้เจ้าตัวได้รับสัญญาสนับสนุนเป็นระยะเวลา 4 ปี
แม้ว่าจะมีคำตำหนิจากแฟนบอลเรื่องผลงานในสนามอยู่บ้างเนืองๆ ตอนก้าวขึ้นมาเล่นให้กับ ชลบุรี เอฟซี ชุดใหญ่ แต่เขาก็ยังได้รับคำแนะนำและการการรันตีเรื่องพรสวรรค์ของเขาที่มีอยู่ในตัวจาก โค้ชเฮง ที่เชื่อมั่นในตัวเขาอยู่เสมอว่า
"ผมดูแลเด็กคนนี้มา ผมรู้ว่ายิมนั้นมีความสามารถที่ดีเยี่ยมแค่ไหน"
“นักบอลส่วนใหญ่จะเสียเรื่อง เหล้า บุหรี่ และ ผู้หญิง แต่ ยิม ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว”
“เราลงไปเล่นเรามีอิทธิพลต่อทีมมั้ย ยิม มีอิทธิพลอยู่แล้ว เพราะ ยิม เป็นกองกลาง”
“ยิม ต้องก้าวเหนือคนอื่นล่วงหน้าก้าวสองก้าว เพื่อไม่ให้รุ่นน้องตามทัน ตัวเองเก่งแล้วต้องทำให้ทีมแข็งแกร่งไปด้วย”
ผลงานของ ยิม ในสีเสื้อฉลามชล มีซีซั่นที่น่าประทับใจในฤดูกาล 2017/18 กดประตูรวมทุกรายการไปถึง 17 ลูก ก่อนจะมีดร็อปลงไปบ้างแล้วมาเฉิดฉายเต็มตัวในฤดูกาล 2021/22 ทำไป 8 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ในลีก จนมีข่าวเชื่อมโยงกับสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ถึงแม้ว่า โค้ชเฮง ที่ปลุกปั้นเขามาแต่อ้อนแต่ออกจะแสดงทีท่าบอกปัดข่าวลือต่างๆ ในช่วงแรก มองว่า ลูกศิษย์รายนี้ ค่าตัวระดับ 30 ล้านบาทในไทยยังถูกไปเลย
แต่สุดท้ายด้วยสถานการณ์ของสโมสร ที่เจอพิษ โควิด-19 เล่นงาน สภาพคล่องเรื่องการเงินไม่เหมือนเดิม ก็จำเป็นต้องปล่อย วรชิต ออกไปให้กับ บีจี ด้วยค่าตัวที่สื่อคาดการณ์กันไว้ที่ราว 40 ล้านบาท หากอ้างอิงจากเว็บไซต์ต่างประเทศที่เชื่อถือได้อย่าง Transfermkt คือ 816,000 ยูโร (ราว 30 ล้านบาท)
ถ้านักเตะรายนี้ไม่มีคุณภาพฝีเท้าที่อยู่ในระดับสูงจริง บอร์ดบริหารของ กระต่ายแก้ว คงไม่บ้าเลือดทุ่มเงินมหาศาล แลกกับนักเตะคนเดียว แถมยังเป็นนักเตะไทยเป็นแน่
เลือกวางตำแหน่งที่เหมาะสมในการเล่น
การโยกย้ายที่เป็นบิ๊กดีลในวงการบอลไทยของ วรชิต ต้องยอมรับว่าสร้างความกดดันให้เจ้าตัวไม่น้อย ต้องออกจากเซฟโซนของตัวเองมา เจอกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ ทำงานร่วมกับกุนซือใหม่ ซึ่งโปรไฟล์ของ มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือชาวญี่ปุ่นของ กระต่ายแก้ว นั้นไม่ธรรมดาเป็นทุนเดิม
แต่อย่างน้อยจุดเริ่มต้น โค้ชเทกุ ก็กล่าวชมนักเตะใหม่ซึ่งรวมถึง ยิม เอาไว้ว่า
"การเล่นร่วมกันระหว่างนักเตะใหม่และเก่าโดยรวมแล้วนักเตะใหม่ทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะกลมกลืนและทำงานกันเป็นทีม ซึ่งนักเตะเดิมก็พยายามตอบสนองในจุดนี้ได้อย่างดีเยี่ยม"
อย่างไรก็ตามด้วยระบบการเล่นของ บีจี ที่ทาง โค้ชเทกุ จัดวางแท็คติคต่างๆ ตามความคิดที่เขาวางไว้ แล้วมองว่าดีที่สุด กลับออกมาเป็นแผนการเล่น 4-4-2 ส่งผลให้ ยิม ที่ปกติเล่นเป็นกองกลางตัวรุก ต้องถูกถ่างออกไปยืนริมเส้นบ่อยครั้ง
จากฟอร์มการเล่นที่เคยร้อนแรงในเลกแรกของฤดูกาล 2021/22 พอย้ายสังกัดมาอยู่กับ บีจี แล้วได้เล่นในตำแหน่งที่ไม่ใช้พื้นที่ถนัดของตัวเอง อยู่ไกลปากประตูกว่าเดิม
ส่งผลให้เขาทำไปได้เพียงแค่ 2 ประตู และ 2 แอสซิสต์เท่านั้น จากการลงเล่นเกมลีก 14 นัด ต่อให้จะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องในฐานะตัวจริง แต่กลับไม่สามารถเค้นศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาได้
ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้กล่าวโทษโค้ชแต่อย่างใด แล้วยังชมเสียอีกกลับการช่วยเรื่องการปรับตัวของเขาว่า
“ตั้งแต่โค้ชเข้ามา เราได้มีการสื่อสารกับโค้ชว่าต้องมีการเล่นอย่างไรบ้าง ซึ่งการสื่อสารนี้ก็ช่วยให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น ทำให้ผลงานส่วนตัวของผมและของทีมนั้นดีขึ้นเรื่อยๆ”
การใช้งาน ยิม ให้ดึงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาได้ มีโค้ชหลายคนที่เคยร่วมงานกันมา แล้วรู้ซึ้งถึงวิธีการวางตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับเขา ยกตัวอย่างเช่น โค้ชโย่ง ที่ออกมาเปิดเผยผ่านทางการ ไลฟ์สด กับทีมงาน คิดไซด์โค้ง เอาไว้ว่า
“การใช้งาน ยิม ต้องจับไปเล่นตำแหน่งที่เขาถนัดอย่าง เพลย์เมคเกอร์ แต่ความจริงแล้วเล่นได้หมดในแผงกลางไม่ว่าจะเป็นระบบกลางคู่ หรือจะจับไปยืน บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ก็ได้”
“เด็กอะคาเดมี่ชลบุรีทุกคน เวลาพี่เฮงเขาสอน เขาสอนแพทเทิร์นในการซ้อมเป็นส่วนใหญ่ แล้วเขาบอกหน้าที่ในการเล่นแต่ละตำแหน่งด้วย ดังนั้นนักเตะชลบุรีเมื่อเรียนรู้หมด เวลาลงไปเล่นมันก็ไม่ยากหรอก”
“พอพื้นฐานมีแล้วก็ไปปรับเอา พอตัวเองเก่งขึ้น เรียนรู้ไป ทุกอย่างมันก็ดีขึ้น พื้นฐานฟุตบอลมันไม่ใช่แค่เรื่องของเบสิคการเล่น แต่มันต้องรู้หน้าที่ว่าเล่นตำแหน่งไหนแล้วต้องทำอะไร”
“เวลาเล่นเกมรุก ยิม ต้องการความอิสระ ดังนั้นถ้าให้ดีต้องหาตัวรับดีๆ มาประคองด้วย คนที่เล่นเกมรุกอยู่ๆ จะลงมารับเลยมันก็ยาก”
แล้วก็มาถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้ในประเด็นของ โค้ชเทกุ ที่พาทีม บีจี ปทุม ทำผลงานไม่ได้ตามเป้าหมายที่บอร์ดบริหารวางไว้ในฤดูกาลนี้ อันดับและแต้มในตารางไม่เคยโกหกใคร สุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยการแยกทางกันไป
การเปลี่ยนแปลงภายในทีมที่นำเอา แม็ตต์ สมิธ เข้ามาทำหน้าที่กุนซือคนใหม่ ย่อมต้องมีการปรับเรื่องของขุมกำลังที่เขาต้องการใช้งาน แล้วนั่นก็เป็นประตูเปิดทางให้ วรชิต ต้องโยกย้ายอีกครั้งไปอยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัว
ใช้สภาพแวดล้อมช่วยกระตุ้น
แฟนบอลต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า สิงห์เจ้าท่า เป็นสโมสรที่อุดมไปด้วยขุมกำลังชั้นเยี่ยมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักเตะไทยดีกรีทีมชาติ หรือ แม้แต่ตัวต่างชาติที่ฝีเท้าฉกาจหลายราย ดังนั้นการจะเบียดเป็นตัวจริงของ วรชิต ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน
การสู้เพื่อให้ได้ลงสนามของเขา ต้องกลับมามองถึงการแข่งขันกับเพื่อนร่วมทีมเป็นอันดับแรก ผลักดันตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อให้โค้ชหันมาให้โอกาสเขาลงเล่นมากขึ้น ซึ่งดูทรงแล้วทิศทางก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ จากจำนวนนาทีแรกๆ ที่ได้เล่นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เริ่มขยับมาเป็น 45 นาที แล้วก็ 90 นาที
พอทำประตูได้เจ้าตัวเอง คงจะรู้สึกมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ได้กลับมาเล่นในตำแหน่งที่ตัวเองถนัด รู้บทบาทหน้าที่ว่าควรจะทำอะไรต่อไป ในการช่วยให้ทีมใช้งานเขาได้อย่างเป็นประโยชน์มากที่สุด แล้วรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ให้ได้ ไม่ให้โค้ชหลายคนที่เคยการันตีฝีเท้าต้องผิดหวัง
ยกตัวอย่างเช่น โค้ชโย่ง ที่เคยร่วมงานกับเขา มองว่าความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวของ ยิม ไม่ได้น้อยหน้านักเตะญี่ปุ่นเลย เพียงแต่ต้องสร้างแรงกระตุ้นให้เจ้าตัวมีความกระหายในการเล่นแค่นั้น ตามที่พูดเอาไว้ว่า
“จริงๆ พี่กล้าบอกเลยว่า ยิม เป็นนักบอลที่มีพรสวรรค์มาก แต่ต้องมีความกระหายมากกว่านี้ ทุกอย่างเขามีพร้อมหมดแล้ว เล่นตรงไหนในแนวรุกก็ได้เพราะไม่ค่อยเสียบอล แถมยังจ่ายบอลฉลาดอีกด้วย”
“อยากพามันไปเที่ยวผับมากเลย แล้วทิ้งให้มันมีเรื่อง เจอเรื่องอะไรที่มันตื่นเต้นๆ เวลาเล่นบอลมันจะได้ตื่นตัว”
“ดูตอน ซีเกมส์ ที่พี่เรียกมันไปติดแล้วโดนด่าสิ ถ้าให้มันไล่พร้อมกันกับคนที่เล่นเกมรับมันก็ไล่ เพราะเพื่อนข้างๆ อย่าง ชัยวัฒน์, เจนรบ กับ พิชา พอเห็นเพื่อนไล่แล้ว ยิม ก็ไล่เหมือนกัน”
“ยิม ไล่บอลเป็นด้วย ไม่ได้ไปวิ่งเพรสซิ่งแบบหมาบ้านะ ไล่เป็น ดักทางเป็น แต่เพื่อนต้องขยับไปพร้อมๆ กัน”
“พี่เฮง เขาสอนมาหมดอยู่แล้ว วิธีไล่ ไล่ยังไง ไล่ตรงไหน เมื่อไหร่ควรจะไล่ ไล่ตรงโซนไหน แต่ด้วยบุคลิกภายนอกของ ยิม ที่ไม่ได้เป็นผู้นำ มีความฮึดที่ซ่อนอยู่ข้างใน ต้องมีคนมาจุดประกายก่อน”
“แต่คนจุดประกายต้องเป็นเพื่อนในสนามไม่ใช่โค้ช เพราะบางทีในสนามมันมีหลายคน จะไปตะโกนสั่งคนเดียวได้ยังไง”
“สิ่งที่พี่อยากบอก ยิม ก็คือ อยากให้มีความกระหาย ด้วยลักษณะนิสัยยิมที่เป็นคนเรื่อยๆ บางทีในสนามมันก็ต้องเปลี่ยนนิสัย ให้มีความดุดันบ้าง อะไรบ้าง”
“ถ้าคาแรกเตอร์ ยิม เหมือน เช็ค นะ ป่านนี้อยู่ญี่ปุ่นไปแล้ว”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เชื่อเหลือเกินว่าตัวของ ยิม คงรับรู้และได้ยินความหวังดีของใครหลายๆ คน ที่ส่งต่อกันมาจนถึงหูของเขาแน่นอน แล้วพร้อมจะปรับเปลี่ยนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุดที่ตัวเองวางไว้ในอาชีพนักฟุตบอล ซึ่งแฟนบอลก็ต้องให้เวลาเขาหน่อย อย่างที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า
"คนเรามีความฝันไม่ใช่เรื่องเสียหายนะ แต่บางความฝัน อาจจะต้องใช้เวลา ใช้ความพยายาม บางอย่างมันไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันสองวัน อาจจะช้าหน่อย แต่เชื่อว่ามันก็ยังเป็นไปได้ ถ้าเรายังพยายามอยู่ ยังสู้ และตั้งใจทำจริงๆ"
หากตัวของ วรชิต คอยบอกตัวเองอยู่เสมอว่า ให้สู้เพื่อไปถึงสิ่งที่ต้องการ ด้วยวัยเพียงแค่ 25 ปี ยังเหลือเวลาอีกมากให้เขาไล่ล่าความสำเร็จ
แล้วถ้าประตูล่าสุดที่เหมาสองกับต้นสังกัดชั่วคราว ช่วยจุดประกายความกระหายของเขาให้ติดได้ ทุกองค์ประกอบส่งไปในทิศทางที่ดีแบบเดียวกัน ผลงานระดับยิงแตะสองหลักในลีก อาจมีให้แฟนบอลได้เห็นและชื่นใจกันอีกครั้งในไม่ช้า
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Inside Forward : ตำแหน่งตัวรุกโมเดิร์นฟุตบอลที่ทำให้ ศุภณัฏฐ์ ฮ็อตปรอทแตก
ศุภณัฎฐ์ พุ่งพรวด : อัพเดท 10 อันดับนักเตะไทยลีกมูลค่าสูงที่สุดในเวลานี้
ลูปท่าเรือฯ : วังวนเดิมกับการหวังผลลัพท์ใหม่... เป็นได้จริงหรือ ?
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.facebook.com/chonburi.football.club/photos/a.196710677022036/1292471774112582/?type=3
https://www.youtube.com/watch?v=lvXJSULD-ss
https://pantip.com/topic/35280242
https://www.smmsport.com/reader/article/1715
https://www.thsport.com/column-1281.html
https://www.transfermarkt.com/bg-pathum-united/spielplandatum/verein/25444
https://www.transfermarkt.com/worachit-kanitsribumphen/leistungsdaten/spieler/420275