ยิงไม่คมแก้ได้ : โค้ชกองหน้าเขาทำหน้าที่อะไร บอลไทยต้องเอาด้วยไหม ?
ฟุตบอลคือกีฬาที่ต้องตัดสินด้วยการยิงประตู การเล่นเกมรุกจึงเป็นตัวชี้วัดผลการแข่งขัน ต่อให้คุณมีเกมรับที่แข็งแกร่งแค่ไหน แต่จังหวะจบสกอร์ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ โอกาสประสบความสำเร็จก็แทบจะเป็นศูนย์
ปัจจุบันหลายทีมเลือกใช้บริการโค้ชกองหน้า เพื่อฝึกฝนและเสริมเขี้ยวเล็บให้กับบรรดาเพชฌฆาตของทีมโดยเฉพาะ ซึ่งจะกลายเป็นอาวุธเด็ดที่ใช้เผด็จศึกคู่ต่อสู้บนสังเวียนหญ้า
โค้ชกองหน้าเกิดขึ้นได้อย่างไร ? มีหน้าที่อะไรบ้าง ? และวงการฟุตบอลไทยควรใช้โค้ชกองหน้าหรือไม่ ? หาคำตอบได้ที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
วิวัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ที่ต้องพัฒนาไปตามกาลเวลา อะไรที่เคยใช้ได้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อาจจะกลายเป็นเรื่องล้าสมัยและใช้ไม่ได้ในยุคนี้ ฟุตบอลเองก็เช่นกัน แต่ละทีมไม่สามารถใช้มุกเดิมได้ตลอด พวกเขาต้องคิดค้นแท็คติคและวิธีการใหม่ ๆ เพื่อเอาไว้โค่นคู่แข่งอยู่เสมอ
ทีมฟุตบอลยุคนี้จึงไม่ได้มีแค่โค้ชใหญ่, ผู้ช่วยโค้ช, โค้ชฟิตเนส หรือ ทีมแพทย์ แต่ยังมีการแต่งตั้งโค้ชเฉพาะทางไว้ติวเข้มนักเตะ ไม่ว่าจะเป็นโค้ชกองหน้า, โค้ชเซ็ตพีซ หรือ โค้ชลูกทุ่ม เพื่อรองรับรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไปและซับซ้อนขึ้น
ด้วยพัฒนาการทางด้านแท็คติค นักเตะจึงต้องปรับตัวตามไปด้วย พวกเขาไม่สามารถเล่นแบบเดิมและรับผิดชอบแค่ในตำแหน่งของตัวเองได้อีกต่อไป อย่างผู้เล่นวิงแบ็คในระบบของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่ไม่ใช่แค่เล่มเกมรับเท่านั้น แต่ต้องปรับตำแหน่งมายืนเป็นกองกลาง ตอนที่ทีมเป็นฝ่ายครองบอลบุกด้วย หรือที่เรียกกันว่า “Inverted Wing Back”
เช่นเดียวกับกองหน้าที่ต้องปรับวิธีการเล่นเยอะมาก พวกเขาจะมายืนกางมุ้งรอยิงประตูอย่างเดียวไม่ได้แล้ว กองหน้ายุคใหม่ต้องเพรสซิ่งได้ เก็บบอลได้ เป็นตัวหลอกได้ โยกออกไปเล่นริมเส้นได้ ยิ่งเล่นได้หลากหลายเท่าไร ผู้จัดการทีมก็จะมีทางเลือกในการเอาชนะมากขึ้น
ขณะที่บทบาทของกองหน้าก็จะขึ้นอยู่กับแท็คติคในเกมนั้น ๆ หากเล่นด้วยแผนกองหน้าคู่อย่าง 4-4-2 พวกเขาก็มักจะยืนประจำการตรงพื้นที่ว่างระหว่างฟูลแบ็คกับเซ็นเตอร์ฮาล์ฟของฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าเล่นระบบหน้าสามคนอย่าง 4-3-3 กองหน้าตัวจบสกอร์ก็จะยืนอยู่ตรงกลางเป็นหลัก เพื่อรอเข้าชาร์จในเขตโทษหรือรับบอลจากแนวลึก
กองหน้ายุคนี้จึงต้องพยายามปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นทุกรูปแบบ เพราะทีมไม่สามารถยึดติดกับแท็คติคใดแท็คติคหนึ่ง ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับคู่ต่อสู้ในแต่ละเกม กองหน้าจึงจำเป็นต้องมีเข้าใจเกมอย่างแตกฉาน ในฐานะความหวังสูงสุดในการจบสกอร์
ภาระจึงไปตกอยู่กับโค้ชที่ต้องพยายามสื่อสารให้กองหน้าเข้าใจคอนเซ็ปต์ หากโค้ชคนนั้นเคยเล่นเป็นกองหน้ามาก่อน มันจะไม่ใช่เรื่องน่าห่วง แต่สำหรับโค้ชที่ไม่เคยเล่นเป็นกองหน้า เขาอาจจะถ่ายทอดได้ไม่ดีเท่ากับคนที่เคยมีประสบการณ์
ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
นี่คือเหตุผลที่หลายทีมนิยมดึงอดีตดาวยิงระดับอาชีพเข้ามาเป็นโค้ชกองหน้า นอกจากความรู้ความสามารถแล้ว พวกเขาเหล่านี้ยังเคยผ่านการพิสูจน์ตัวเองจากสนามจริง ซึ่งจะอธิบายให้นักเตะเห็นภาพและเข้าใจได้ดีกว่า
พวกเขารู้ว่าต้องเล่นได้แบบไหนถึงได้เปรียบ ต้องยืนตำแหน่งใดเพื่อเพิ่มโอกาสทำประตู และเมื่อกองหน้าในทีมได้รับความรู้ตรงนี้ไป การเล่นของพวกเขาก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มโอกาสคว้าชัยชนะให้กับทีมด้วย
จากประสบการณ์ที่สั่งสมมา พวกเขาสามารถมองจุดแข็งจุดอ่อนของกองหน้าในทีมแบบทะลุปรุโปร่ง รู้ว่าใครต้องเพิ่มหรือเสริมตรงจุดไหนบ้าง เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับระบบการเล่นทีม ซึ่งการมีโค้ชกองหน้าสามารถสร้างความแตกต่างได้จริง ๆ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ อดีตกองหน้าของ เอฟซี ปอร์โต้ ชุดแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และผ่านประสบการณ์ค้าแข้งมาอย่างโชกโชน ซึ่งเข้ามารับงานเป็นโค้ชกองหน้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้
ก่อนหน้านี้ ปีศาจแดงประสบปัญหาผู้เล่นแนวรุกนัดกันเท้าบอด มาตั้งแต่ยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จนถึง ราล์ฟ รังนิค หากไม่นับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ทำไป 18 ประตู ไม่มีกองหน้าคนไหนในทีมที่ยิงได้เกิน 5 ประตูในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับดีกรีของนักเตะแต่ละคนและจำนวนเกมที่ลงเล่น
เอริค เทน ฮาก กุนซือคนใหม่ของ แมนฯ ยูฯ รับรู้ถึงปัญหานี้ และรู้ตัวว่าความสามารถของเขาคงเทียบกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงดึง เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ เข้ามาติวเข้มกองหน้าในทีม โดยเฉพาะเรื่องการเล่นเกมรุกและการเคลื่อนที่
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ปรากฎว่า การตัดสินใจของ เทน ฮาก ได้ผลจริง ๆ เพราะ แม็คคาร์ธี่ เข้ามาแก้ปัญหาและใส่วิญญาณเพชฌฆาตให้กับผู้เล่นในแนวรุกของปีศาจแดงอีกครั้ง จนมีส่วนทำให้ทีมขยับขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกแล้ว
โดยเฉพาะในรายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เหมือนจะเข้าสู่ช่วงขาลงของอาชีพ ทำได้เพียง 4 ประตู จาก 32 เกมตลอดทั้งฤดูกาล จนหลุดไปเป็นตัวสำรอง แม็คคาร์ธี กลับคืนชีพกองหน้าทีมชาติอังกฤขึ้นมาได้อย่างอัศจรรย์
แรชฟอร์ด ในยุคของ เทน ฮาก กลายเป็นคนละคนกับเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขากลับมาเล่นได้อย่างท็อปฟอร์ม ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม กล้าหลบ กล้าเลี้ยง กล้ากระชาก กล้ายิง จนกลายเป็นหนึ่งในดาวยิงที่ร้อนแรงที่สุดในยุโรปไปแล้ว การันตีความยอดเยี่ยมของเขาได้เป็นอย่างดี ว่ากันว่าเขากำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในอาชีพ ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับโค้ชกองหน้าของทีมอย่าง เบนนี่ แม็คคาร์ธี่
“เขาคิดถึงแต่เกมรุก เพราะเขาเป็นกองหน้าเก่าและมีหน้าที่เฉพาะทางในทีมนี้ ผมไม่เคยเล่นเป็นกองหน้า ดังนั้นผมโชคดีที่มีสตาฟฟ์ที่เคยเล่นตรงนั้นอยู่ในทีม” เทน ฮาก ชื่นชม แม็คคาร์ธี่
“ฟุตบอลคือการยิงประตู คุณจำเป็นต้องการโค้ชติวเข้มการจบสกอร์โดยเฉพาะ เขาเข้ามาเพิ่มสิ่งนั้น และเขาก็ทำงานได้ดีมากจริง ๆ”
โค้ชกองหน้ากับฟุตบอลไทย
จะเห็นว่าการมีโค้ชกองหน้าสามารถยกระดับการเล่นของกองหน้าในทีมได้ ยิ่งโค้ชคนนั้นเป็นกองหน้าเก่าด้วยแล้ว โอกาสพัฒนากองหน้าก็ยิ่งเป็นจริงได้มากขึ้น มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะมีเสียงเรียกร้องให้ทีมชาติชาติไทยใช้บริการโค้ชกองหน้าบ้าง
ประเด็นโค้ชกองหน้ากลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในศึกชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน หลังทีมชาติไทยแพ้จุดโทษมาเลเซียในรอบรองชนะเลิศ ทั้งที่ในระหว่างเกมมีโอกาสเข้าทำหลายครั้ง แต่กลับเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้
หลายคนมองว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ของฟุตบอลไทย และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเป็นการด่วน หนึ่งในนั้นคือ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ตำนานดาวยิงตลอดกาลของทีมชาติไทย ที่ออกมาสับแบบไม่ไว้หน้าว่า ทีมชาติไทยจะไม่ก้าวไปไหน ถ้ายังไม่มีโค้ชกองหน้าในทีม
“ตราบใดถ้าฟุตบอลไทยไม่มีโค้ชกองหน้า มันจะเป็นแบบนี้ตลอดชีวิตในทุกรุ่นอายุ คุณไม่เคยเอากองหน้าประสบการณ์เยอะ ๆ ไปเป็นสต๊าฟฟ์โค้ชทีมชาติ” เดอะ ตุ๊ก พูดผ่านรายการ “แตงโมลง ปิยะพงษ์ยิง”
“ การพัฒนากองหน้าทุกรุ่นกองหน้าไม่มีเลย ผมเห็นข้างสนามมีแต่คนที่ไม่ได้เป็นกองหน้า คนที่ไม่ได้เป็นอดีตนักเตะทีมชาติ คนที่ไม่ได้รู้ทางด้านศาสตร์ฟุตบอลแบบนี้”
สิ่งที่ ปิยะพงษ์ พูดเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และปัญหานี้จะปรากฎให้เห็นเมื่อต้องลงเล่นกับทีมที่เหนือกว่า เพราะไทยจะถูกบีบให้เล่นเกมรัดกุมตามหน้าเสื่อ และหวังผลจากเกมสวนกลับเร็ว นั่นหมายความว่าโอกาสยิงประตูจะมีไม่มากนัก ดังนั้นไทยต้องมีความเด็ดขาดในจังหวะสุดท้าย และใช้โอกาสให้เปลืองน้อยที่สุด ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะก้าวข้ามไปสู่ระดับเอเชีย
แน่นอนว่าหลายฝ่ายมองเห็นปัญหานี้และพยายามแก้ไขกันอยู่ อย่าง อิสระ ศรีทะโร กุนซือทีมชาติไทยชุด U-23 ก็หนีบ บำรุง บุญพรม อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย เข้ามาลับความคมให้กับไอ้หนูช้างศึกรุ่นเล็ก หรือแม้แต่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็ดึงตำนานดาวยิงอย่าง “อัลเฟรด” เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ เข้ามารับหน้าที่นี้ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทีมชาติในอนาคต
น่าเสียดายที่ทีมชาติไทยยุค มาโน่ โพลกิ้ง ไม่มีโค้ชกองหน้าอยู่ในทีมสตาฟฟ์ แต่มันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะลองพิจารณาตำแหน่งนี้ เพราะหากเจอคนที่มีฝีมือและใช่ขึ้นมา ทีมช้างศึกก็มีโอกาสยกระดับขึ้นมาเทียบเคียงยอดทีมของทวีปได้เช่นกัน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
มาปุ๊ปร้อนปั๊ป : 7 แข้งไทยลีกที่ย้ายทีมเลก 2 แล้วปังทันที
วิลเลี่ยน พ๊อพพ์ : การกลับมา “เมืองทอง” เพื่อยืนยันว่าแข้งนอกที่เข้าขาหาใหม่ไม่ง่าย
เปิดกฎเวิร์คเพอร์มิตพรีเมียร์ลีก : ศุภณัฎฐ์ ไป เลสเตอร์ ได้จริงหรือ ?
แหล่งอ้างอิง : https://totalfootballanalysis.com/article/coaching-improving-the-movement-of-your-strikers-tactics