โมเดลศึกษาชาติขนาดกลาง : เบื้องหลังการเป็นขาประจำบอลโลกของ คอสตาริกา

โมเดลศึกษาชาติขนาดกลาง : เบื้องหลังการเป็นขาประจำบอลโลกของ คอสตาริกา
ธัญเทพ สังขะพงศ์

คอสตาริกา เป็นหนึ่งในทีมแกร่งของอเมริกาเหนือ ที่เป็นขาประจำในฟุตบอลโลก เมื่อพวกเขาสามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายได้ถึง 6 ครั้ง จาก 9 ครั้งหลังสุด

และเมื่อไล่เรียงจากชุดฟุตบอลโลก 2022 พบว่าส่วนใหญ่ผู้เล่นกว่าค่อนทีมล้วนเล่นอยู่ในลีกของประเทศ แต่กลับทำผลงานได้ไม่เลว และนัดล่าสุดก็เพิ่งเฉือนชนะญี่ปุ่นไป 1-0

#สารานุกรมฟุตบอลไทย ร่วมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง จะพาทุกท่านไปเจาะลึกวงการลูกหนังของประเทศคอสตาริกาด้วยกัน พวกเขาทำอย่างไร จึงสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง

ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนอเมริกาเหนือเราคงคุ้นหน้ากันดีกับตัวแทนของทวีปนี้อย่าง เม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา สองทีมนี้เรียกได้ว่าเป็นขาประจำในการเป็นตัวแทนของทวีปไปลุยศึกฟุตบอลโลกเลยก็ว่าได้  แต่สำหรับทีมที่เหลือเกือบๆ 40 ประเทศ ต้องบอกว่าเป็นงานหินเลยสำหรับพวกเขาที่ต้องห้ำหั่นกันเพื่อช่วงชิงโควตาที่เหลือเพียง 1 หรือ 2 โควตาเท่านั้น

โดยปกติแล้วโซนคอนคาแคฟจะมีโควตาสำหรับอันดับ 1-3 ที่ผ่านรอบคัดเลือกมาถึงรอบสุดท้ายของทวีป และอีก 1 ทีมต้องไปเตะรอบเพลย์ออฟกับทวีปอื่นๆ แต่ในเมื่อเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกาเป็นขาประจำ ทำให้ทีมที่เหลือต้องต่อสู้เพื่อ 1 โควตาจากรอบคัดเลือกในทวีป และอีก 1 โควตาจากรอบเพลย์ออฟ ทำให้เราได้เห็นประเทศต่างๆที่มีฟอร์มร้อนแรงในแต่ละยุคเปลี่ยนมือกันขึ้นมาสู่เวทีระดับโลก

จาไมกา ปี 1998 ที่นำทัพโดย แฟรงค์ ซินแคลร์ อดีตปราการหลังจอมแกร่งของเชลซี

ตรินิแดดแอนด์โตเบโก ปี 2006 ที่เป็นทีมม้ามืดจากประเทศแทบทะเลแคริเบียนซึ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ก้าวขึ้นสู่เทวีฟุตบอลโลก

ฮอนดูรัส ปี 2010 และ 2014 ทีมน้องใหม่หน้าเก่าที่เรามักจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ

ปานามา ปี 2018 นำทัพโดย โรมัน ตอเรส ปราการหลังที่ทำได้ถึง 10 ประตูในนามทีมชาติ

เรียกได้ว่าแต่ละทีมในแต่ละยุคไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1990 ประเทศที่มีพื้นที่เพียงประมาณ 50,000 ตารางกิโลเมตร เมื่อเทียบกับประเทศไทยแล้วเล็กกว่ากันถึง 10 เท่า และมีจำนวนประชากรเพียง 5 ล้านคน

คอสตาริกาสามารถผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก พวกเขาถูกมองว่าเป็นทีมนอกสายตา เป็นเพียงไม้ดอกไม้ประดับ แต่พวกเขาตอกกลับสายตาเหล่านั้น ด้วยการเอาชนะสวีเดนและสก็อตแลนด์ และผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะอันดับสองของกลุ่มเป็นรองเพียงทัพแซมบ้าอย่างบราซิลเท่านั้น

และฟุตบอลโลก 2014 พวกเขาทำผลงานให้ช็อคสายตาคนทั้งโลก ในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาสามารถเอาชนะเจ้าของแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง อิตาลี, อุรุกวัย, แถมยังเสมอกับอังกฤษ ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายและเอาชนะกรีซได้ในขณะที่ผู้เล่นเหลือเพียง 10 คน แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับเนเธอร์แลนด์ในการดวลจุดโทษในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

พวกเขาทำให้แฟนๆบอลหลายคนจดจำพวกเขาได้ในฐานะ “ทีมชาติคอสตาริกา” มากกว่าทีมไม้ประดับในทันที

คอสตาริกากับการพัฒนาฟุตบอลในช่วงเวลาสั้น ๆ

อย่างที่ทราบกันดีว่ากีฬาฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมอันดับ 1 ของโลก จากผลงานการเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของพวกเขาในฟุตบอลโลก 2014 ทำให้ความนิยมของกีฬาฟุตบอลพุ่งทะยานกลายเป็นกีฬายอดฮิตอันดับ 1 ในประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย

เริ่มจากศูนย์ฝึกพัฒนาฟุตบอลแห่งชาติ Complejo Deportivo Fedefutbol – PLYCEM ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฟีฟ่า และก่อสร้างขึ้นในปี 1999 ที่ศูนย์ฝึกแห่งนี้เป็นแหล่งพัฒนาแข้งเยาวชนที่คัดมาจากทั่วประเทศ รวมทั้งเป็นสถานที่พัฒนาบุคลากรในตำแหน่งต่างๆเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล เช่น โค้ช, ผู้ตัดสิน, สตาฟท์โค้ชสาขาต่างๆ, บุคลากรที่ทำงานฟุตบอลในด้านต่างๆ เช่น สนาม, การตลาด ที่แห่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วงการฟุตบอลของคอสตาริกาประสบความสำเร็จได้

ต่อมาสมาคมฟุตบอลคอสตาริการ่วมมือกับรัฐบาลในการพัฒนาบุคลากรในประเทศผ่านทางกีฬาฟุตบอล มีส่งเสริมการจัดกิจกรรมฟุตบอลตั้งแต่ในระดับเยาวชน โดยให้สโมสรในท้องถิ่นจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาเยาวชน เช่น คลินิกฟุตบอล เพื่อให้เด็กๆทั้งชายและหญิงสามารถเข้าถึงกีฬาฟุตบอลผ่านกิจกรรมการฝึกสอนทักษะ เรียนรู้เทคนิคและความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับฟุตบอล อีกทั้งยังมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนในท้องถิ่นในรูปแบบการแข่งขันที่มีมาตรฐาน เพื่อเป็นเวทีให้เด็กๆแสดงความสามารถและเข้าถึงฟุตบอลได้มากขึ้นในทุกเพศทุกวัย ไม่น่าแปลกเลยที่จะเห็นเด็กผู้ชายวิ่งไล่เตะบอลกับเด็กผู้หญิงในประเทศคอสตาริกา แม้กระทั่งการซ้อมบอลในโรงเรียนจะไม่มีการแบ่งซ้อมออกเป็นทีมชายและทีมหญิงทุกๆคนคือทีมเดียวกัน

ในปี 2006 โครงการพัฒนาฟุตบอลเยาวชนของคอสตาริกาได้สร้างเซอร์ไพรซ์ให้กับการสำรวจนักฟุตบอลทั่วโลกของฟีฟ่า พบว่ามีนักเตะที่อยู่ในระบบการแข่งขันอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 31,000 คน จาก 248 สโมสร และ 1,400 ทีม (โรงเรียน, ทีมสมัครเล่น, อะคาเดมี่)

ในบทสัมภาษณ์ของ เปาโล วานโชเป้ ตำนานดาวยิงของคอสตาริกาที่เคยไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกอังกฤษกว่า 7 ปีกับดาร์บี้, เวสต์แฮม และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บอกว่า

“เด็กๆที่คอสตาริกาเติบโตมากับการเล่นฟุตบอลในทุกๆที่ ไม่ว่าจะเป็นตามท้องถนนหรือมุมตึก หากว่ามีพื้นที่เพียงพอ พวกเขาก็จะวิ่งไล่เตะบอลกันได้โดยไม่สนว่าเป็นเวลาไหน อย่างตัวเขาเองก็เริ่มเล่นบอลตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบ”

เซลโซ่ บอร์เกส กองกลางมากประสบการณ์ที่เคยค้าแข้งในลาลีกากับเดปอร์ติโบ ลา คอรุญญ่าในสเปน เคยให้สัมภาษณ์ว่า

“การเริ่มเล่นฟุตบอลตามท้องถนน ไม่มีรูปแบบ ไม่มีการฝึกซ้อม ทำให้เด็กๆ มีจินตนาการในการเล่นและได้เรียนรู้วิธีการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆด้วยตัวเองตั้งแต่วัยเด็ก เพราะพวกเขาแทบจะเล่นกับพื้นที่หรือสนามที่ไม่ซ้ำกัน รวมทั้งชนิดลูกฟุตบอลที่แตกต่างกัน ช่วง 8-11 ขวบ เด็กๆ มีอิสระในการเลือกเล่นกีฬา ในแต่ละวันเขาอาจจะเลือกเล่นฟุตบอล, บาสเกตบอล, กรีฑา, ก็ได้ สำหรับฟุตบอลแล้วจะมีเพียงการแข่งขันของสโมสรในท้องถิ่นในช่วงสุดสัปดาห์ แต่การฝึกซ้อมอย่างเป็นรูปแบบยังมีค่อนข้างน้อย พ่อแม่ไม่บังคับว่าลูกต้องเล่นหรือต้องซ้อมอะไร แต่ให้เด็กๆ ได้สนุกและตัดสินใจเลือกว่าจะเล่นหรือทำอะไร”

กระทั่งความสำเร็จของคอสตาริกาเป็นที่สนใจของสโมสรยุโรป สมาคมฟุตบอลจึงให้ความร่วมมือกับหลายๆทีม เพื่อมาเปิดอะคาเดมี่อย่างจริงๆจังๆ ไม่ใช่แค่สอนฟุตบอลเพื่อหารายได้ แต่เป็นการเฟ้นหานักเตะดาวรุ่งเพื่อเป็นอนาคตของทีมชาติ และมีหลายทีมที่มาเปิดโรงเรียนกีฬาในคอสตาริกาเพื่อหวังค้นหาแข้งดาวรุ่งไปค้าแข้งในยุโรป เช่น สปอร์ตติ้ง ลิสบอน ของโปรตุเกส และยังเกิดความร่วมมือกับหลายๆทีมในยุโรป เช่น บาเลนเซีย ของสเปน รวมถึงการเป็น Hub ของอเมริกากลางในด้านฟุตบอล ดาวจรัสแสงของคอสตาริกาหลายคนจึงมีโอกาสไปเติบโตที่ยุโรปได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

Photo : semanariouniversidad

ฟุตบอลลีกในคอสตาริกา

ฟุตบอลลีกของคอสตาริกามีทั้งหมด 3 ดิวิชั่น ลีกสูงสุด Liga FDP มี 12 ทีม ซึ่งก่อตั้งแต่ปี 1921 และมี 3 สโมสรยักษ์ใหญ่ที่ผลัดกันคว้าแชมป์ลีก คือ เดปอร์ติโบ ซาปริสซ่า 37 สมัย, อาลาฮูเลนเซ่ 30 สมัย และ เอเรเดียโน 29 สมัย ในขณะที่ความจุของสนามใน 3 ทีมยักษ์ใหญ่นี้ มีขนาดความจุมากสุดเพียง 23,000 คน ของ เอเรเดียโน เท่านั้น

ผลงานระดับทวีปในศึก คอนคาเคฟ แชมป์เปี้ยนส์ ลีก การแข่งขันชิงแชมป์สโมสรของทวีปอเมริกาเหนือ เป็นเรื่องยากสำหรับสโมสรคอสตาริกาที่จะต่อกรสโมสรจากเม็กซิโก แต่ทีมสโมสรจากแดนกล้วยหอมก็สามารถคว้าแชมป์ระดับทวีปมาได้ 2 สมัย และในปี 2005 เดปอร์ติโบ ซาปริสซ่า สามารถคว้าอันดับ 3 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกได้ ถือเป็นสโมสรของคอสตาริกาที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในระดับโลก

และนักเตะในทีมชาติตะลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 นี้ ยังมีนักเตะมากมายที่ส่งออกจากสโมสรในลีกของคอสตาริกา

เจวิสัน เบนเนตต์ ดาวรุ่งวัย 18 ปี แจ้งเกิดกับทีมเฮเรเดียโน่ยักษ์ใหญ่ของลีกคอสตาริกา ท่ามกลางตัวเก๋ามากมายในทีม แต่ดาวจรัสแสงจากซันเดอร์แลนด์ถูกจัดให้เป็นวอนเดอร์คิดที่น่าจับตามองคนหนึ่ง เขาติดทีมชาติครั้งแรกด้วยวัยเพียง 17 ปี 2 เดือน ก่อนจะย้ายมาซันเดอร์แลนด์ในฤดูกาลนี้ เป็นปีกซ้ายที่มีทั้งความเร็วและเทคนิคที่จัดเป็นอาวุธเด็ดในแนวรุกของทีมชาติชุดนี้

ไบรอัน โอเบียโด้ แบ็คซ้ายวัย 32 ปี อดีตแบ็คซ้ายจากซันเดอร์แลนด์และเอฟเวอร์ตัน ส่งออกจาก เดปอร์ติโบ ซาปริสซ่า ของลีกคอสตาริกา ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังหลักในแนวรับสุดแกร่งของคอสตาริกาในศึกฟุตบอลโลกปีนี้

โจเอล แคมป์เบลล์ ศูนย์หน้าพเนจร ส่งออกจากทีม เดปอร์ติโบ ซาปริสซ่า อดีตนักเตะของอาร์เซน่อล วัย 30 ปี จัดว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังของคอสตาริกาในแดนหน้า

ทีมแข้งกล้วยหอมผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ในฐานะอันดับ 4 ของทวีปอเมริกาเหนือ โดยการเฉือนชนะนิวซีแลนด์แชมป์จากโอเชียเนีย 1-0 จากประตูชัยของโจเอล แคมป์เบลล์ ในเกมรอบเพลย์ออฟ

ปัจจุบันคอสตาริกาอยู่อันดับ 31 ของ FIFA Ranking หลังจากที่ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2014 ทำให้พวกเขาเคยทะยานขึ้นไปสูงสุดในอันดับ 13 เมื่อปี 2015

ศึกฟุตบอลโลก 2022 เป็นงานที่ยากสำหรับคอสตาริกาโดยพวกเขาอยู่ในกลุ่ม E ที่มีทีมแกร่งอย่างเยอรมัน สเปน และ ญี่ปุ่น

ในเกมแรกพวกเขาโดนสเปนถล่มไปถึง 7-0 แต่ในเกมที่สองพวกเขาสามารถชนะญี่ปุ่นได้ 1-0 ถึงแม้จะเป็นงานที่ยากแต่ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งของพวกเขาทำให้เส้นทางการเข้ารอบต่อไปของพวกเขายังไม่จบเพียงแค่นี้

แหล่งอ้างอิง

https://www.socceramerica.com/publications/article/76083/paulo-wanchope-on-secret-to-costa-rican-success.html?fbclid=IwAR0tZpXgsNTjZGABL7f7S1Plv3cKvNeQ6p_RX_11-bmXoXbgxhThRA1ajrk

https://www.costaricasoccer.com/why-costa-rica/soccer/?fbclid=IwAR35583p171RDNPDElspk53g0TBh07wT2Fz8dzQbeh2ZPMnO1Vl559nH7H8

https://playerdevelopmentproject.com/celso-borges-developing-brilliance/?fbclid=IwAR04p99_vLBBEHO9HyyZEEeDgTxDasONK4nZYlbx142x-QepCvpGTB8q4MQ

แชร์บทความนี้
Content Creator - คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ