โนโบรุ ชิมูระ ก่อนถึง 'ท่าเรือ' : แข้งสมัครเล่นผู้ก้าวสู่นักเตะระดับยูโรปาลีก
เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ โนโบรุ ชิมูระ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ โควต้าเอเชียคนใหม่ของ การท่าเรือไทย เอฟซี ที่ย้ายมา สปาร์ตัก ซูโบติกา สโมสรในลีกสูงสุดของเซอร์เบีย
แม้ว่าชื่อเสียงเรียงนามของเขาอาจจะไม่คุ้นหู แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ ชิมูระ คือนักเตะที่ออกไปล่าฝันในยุโรปตั้งแต่วัยรุ่น โดยที่ไม่เคยลงเล่นในลีกอาชีพแม้แต่นัดเดียว
อย่างไรก็ดี แข้งชาวญี่ปุ่นคนนี้ กลับทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในลีกยุโรปและลงเล่นไปกว่า 100 นัด จนถึงได้รับการแต่งตั้งเป็นรองกัปตันทีม แถมยังเคยผ่านประสบการณ์ในยูโรปาลีกมาแล้ว
ติดตามเรื่องราวของเขาไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้งได้ที่นี่
ไร้ประสบการณ์ในเจลีก
“ยุโรป” ถือเป็นความฝันของนักฟุตบอลเอเชียหลายคน รวมถึง โนโบรุ ชิมูระ นักเตะจากเมืองคาวาโงเอะ จังหวัดไซตามะ ทางตะวันตกของโตเกียง ที่ตั้งเป้าที่จะไปค้าแข้งใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปให้ได้สักครั้งในชีวิต
ด้วยความที่มันเป็นความฝันของเขาตั้งแต่เด็ก ทำให้หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ชิมูระ ตัดสินใจไม่หาประสบการณ์ในลีกบ้านเกิดก่อน และไปเริ่มเส้นทางนักเตะอาชีพกับ เอฟซี เบรเรนสโมสรในดิวิชั่น 1 ของมอนเตเนโกรในปี 2015
“ผมเคยเป็นผู้เล่นที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น แต่ความต้องการที่จะลงเล่นใน 5 ลีกใหญ่อยู่ ทำให้ผมตัดสินใจไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพในต่างประเทศ” ชิมูระ ย้อนความหลังกับ MALO PO MALO Project
ทว่า ชีวิตช่วงแรกในยุโรปของเขาค่อนข้างลำบาก เมื่อแข้งชาวญี่ปุ่น ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมากนัก จนทำให้เขาต้องกลายเป็นผู้เล่นพเนจร ย้ายไปเล่นให้กับ 3 ทีมในลีกสูงสุดมอนเตเนโกร ตลอด 3 ปีแรกในยุโรป
ชีวิตเขาเริ่มมาลงตัวกับ ซูเตจ์สกา นิคซิซ หลังกลายเป็นกำลังสำคัญของสโมสร ลงเล่นให้ทีมไปถึง 38 นัดในทุกรายการ ช่วยให้ทีมจบในอันดับ 4 ของลีก ขณะที่ฟุตบอลถ้วยยังไปไกลกว่านั้น เมื่อสามารถคว้าแชมป์มอนเตเนโกรคัพ มาครองได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี มันกลับเป็นฤดูกาลของ ชิมูระ ในลีกมอนเตเนโกร เมื่อเขายังมีความมุ่งมั่นที่จะย้ายไปเล่นในลีกที่ใหญ่กว่าอยู่เสมอ ก่อนจะมาอยู่กับ สปาตัก ซูโบติกา ในเซอร์เบียน ซูเปอร์ลีกา ของเซอร์เบีย ในฤดูกาล 2017-2018
“ผมอยากจะลงเล่นใน 5 ลีกใหญ่อยู่เสมอ มันอาจจะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่เกินไปเมื่อมองจากคนภายนอก” ชิมูระอธิบาย
“แชมป์ที่อยากได้ก็เพื่อได้ย้ายไปอยู่ในทีมชั้นนำของยุโรป”
และที่นี่ก็ทำให้ ชิมูระ เฉิดฉายมากที่สุด เมื่อกองกลางตัวรับชาวญี่ปุ่น ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงได้ทันที พร้อมพา สปาตักที่จบในอันดับ 10 เมื่อฤดูกาลก่อน จบในอันดับ 4 คว้าตั๋วไปเล่นยูโรปาลีกรอบคัดเลือกได้สำเร็จ
ทว่า นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
สัมผัสยูโรปาลีก
อันที่จริง ชิมูระ เกือบจะมีโอกาสได้เล่น ยูโรปาลีก ตั้งแต่สมัยค้าแข้งในลีกมอนเตเนโกร หลังช่วยให้ ซูเตจ์สกา จบในอันดับ 4 ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายที่ได้ไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปถ้วยเล็กในรอบคัดเลือก แต่เขาก็ลาทีมมาก่อน
แต่อะไรที่คู่กันแล้ว ก็คงไม่แคล้วกัน เมื่ออีก 2 ฤดูกาลต่อมา ชิมูระ ก็ได้ลงเล่นในถ้วยนี้เสียทีในสีเสื้อ สปาตัก ซูโบติกา แม้จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่รอบคัดเลือกรอบแรกก็ตาม
ซึ่ง สปาตัก ที่ชิมูระ ลงเล่นครบทั้ง 6 นัด ทำผลงานได้อย่างเกินคาด พวกเขาปราบโคเรเรน จากไอร์แลนด์เหนือด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-1 ก่อนจะอัดสปาตา ปราก ทีมแกร่งจากเช็ก ด้วยสกอร์รวม 3-2 ผ่านเข้ารอบคัดเลือกรอบ 3 ได้อย่างเซอร์ไพรส์
“มันอาจจะเกิดความคาดหมายที่ทีมอันดับ 4 ในเซอร์เบียลีกเข้าไปถึงรอบ 3 แต่ผมคิดว่าสปาตัก แข็งแกร่ง และเป็นทีมที่ดีในตอนนั้น” ชิมูระ ย้อนความหลังกับ MALO PO MALO Project
“ผมได้ลงเล่นในฐานะหนึ่งในผู้เล่นตัวหลัก และได้รับคำชมจากสื่อ ส่วนตัวแล้วเกมในรอบที่ 2 ที่พบกับ สปาตา ปราก เป็นความประทับใจมากที่สุดสำหรับผม”
“บรรยากาศของฟุตบอลยุโรป ที่ทุกคนทั้งผู้เล่นและแฟนบอลต่อสู้กันจริงจังอย่างมากในสนาม สิ่งนั้นยังเป็นมาตรฐานของผมจนถึงทุกวันนี้”
ทว่า น่าเสียดายที่สปาตัก ทำได้ดีที่สุดแค่นั้น เมื่อต้องพ่ายให้ บรอนด์บี จากเดนมาร์ก ด้วยสกอร์รวม 4-1 ในรอบคัดเลือกรอบ 3 แต่นั่นก็เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงของผู้เล่นในทีม รวมไปถึง ชิมูระ
ทั้งนี้ แม้ว่า ชิมูระ จะเริ่มต้นฤดูกาล 2018-2019 ได้อย่างยอดเยี่ยม หลังได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัดในฟุตบอลสโมสรยุโรป แต่ความผิดหวัง ที่ยังไม่มีสโมสรจากลีกที่ใหญ่กว่าสนใจ ทำให้เขาขอย้ายกลับไปบ้านเกิด ด้วยการไปเล่นกับ มาจิดะ เซลเวียร์ ในเจ 2 ด้วยสัญญายืมตัว
“ผมคิดว่าผมทำผลงานในยูโรปาลีกในระดับที่ผมพอใจ แต่ผมก็ไม่สามารถย้ายไปอยู่กับทีมในระดับต่อไปได้ แม้ว่าผมจะทำได้ดี แต่ก็ไม่สามารถหาสโมสรปลายทางในระดับที่โอเคในต่างประเทศได้” ชิมูระบอกเหตุผล
“ตอนนั้นผมไม่สามารถคิดถึงอนาคต ไม่สามารถรักษาแรงจูงใจสำหรับลีกที่อยู่ตรงหน้าได้ ผมคิดว่าอายุ 25 ปีมันแก่เกินไปสำหรับตลาดนักเตะยุโรป สำหรับอาชีพต่อจากนี้ มันถึงเวลาที่ต้องมองในหลายๆตัวเลือก มากกว่าตั้งเป้าจะย้ายไปทีมชั้นนำในยุโรป”
แต่กลายเป็นเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อไม่ทันจะลงช่วยทีม เขาก็มาได้รับบาดเจ็บหนักถึง 2 ครั้ง และต้องมองเพื่อนเล่นอยู่เกือบทั้งฤดูกาล โดยได้ลงเล่นไปเพียง 2 นัดในลีก และอีก 1 นัดในถ้วยจักรพรรดิเท่านั้น
“ผมได้รับบาดเจ็บหลายครั้งตลอด 1 ปีกับ มาจิดะ ผมรู้สึกเสียใจที่สามารถช่วยทีมได้ แต่ทั้งหมดก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ผมคิดว่าผมสามารถสะสางหนึ่งในสิ่งที่ผมอยากทำในฐานะนักเตะอาชีพ กับการให้คนที่ญี่ปุ่นได้เห็นผมลงเล่นที่นั่น”
ยิ่งไปกว่านั้น หลังกลับมาเซอร์เบีย ชิมูระ ยังมาข้อเท้าหักในระหว่างการซ้อมก่อนเปิดฤดูกาลที่ตุรกี จนถึงขั้นต้องผ่าตัดด่วน และต้องพักฟื้นอีกหลายเดือน
ทว่า การระบาดของโควิด ก็เหมือนเป็นระฆังช่วยชีวิต
เอเชียคนแรกในประวัติศาสตร์
“ตอนที่ผมขาหนักและเข้ารับการผ่าตัดที่ตุรกี ผมคิดบวกอย่างเกินคาด ก่อนกระดูกผมหัก ผมได้ลงเล่นครบ 90 นาที ในแบบที่ไม่เคยได้ทำมานาน ผมทำได้ดีพอสมควรและได้รับการประเมินในแง่บวกจากคนรอบข้าง” ชิมูระย้อนความหลัง
การระบาดของโควิด ในช่วงต้นปี 2020 ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก เช่นกันสำหรับลีกสูงสุดเซอร์เบีย ที่ทำให้การแข่งขันฤดูกาล 2019-2020 ต้องพักเบรกชั่วคราว ทว่า มันก็เป็นผลดีสำหรับ ชิมูระ ที่ทำให้เขามีเวลาพักฟื้นอย่างเต็มที่
และเมื่อฤดูกาล 2021-2022 เริ่มขึ้น ชิมูระ ก็กลับมาฟิตสมบูรณ์ เขาพลาดการลงเล่นไปเพียงแค่ 4 เกม จาก 38 นัดในลีก และยิงให้ทีมได้ถึง 5 ประตู ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของแข้งชาวญี่ปุ่นในหนึ่งฤดูกาล
“หลังจากกลับมาจากการพักฟื้นอาการบาดเจ็บกระดูกหัก ตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2020/21 ผมก็ได้ลงเล่นเต็มเกมในเกือบทุกเกม” ชิมูระกล่าว
“หัวเข่าและข้อเท้าของผมที่เคยผ่าตัดยังคงเจ็บอยู่ แต่ผมก็จัดการความเจ็บปวดนั้น ดังนั้นมันจึงดีอยู่ ตอนนี้ผมลงเล่นในตำแหน่งตัวรับ ผมจึงพยายามทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น ด้วยการเป็นผู้สั่งการผู้เล่นที่อยู่ข้างหน้า และข้างๆ เพื่อไม่ให้พวกเขาขี้เกียจ”
แม้ว่าฤดูกาลดังกล่าว ซูโบติกา จะทำได้เพียงอันดับ 10 ของตาราง แต่สิ่งที่น่ายินดีคือ ชิมูระ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เคยเจ็บหนักแม้แต่ครั้งเดียว ที่ทำให้เขาได้รับการต่อสัญญาออกไปอีกหนึ่งปี พร้อมกับตำแหน่งรองกัปตันสโมสร
“ตอนที่ต่อสัญญา ประธานสโมสรประเมินว่าผมคือนักเตะคนสำคัญที่สุดในทีม ผู้จัดการทีมให้ผมเป็นกัปตัน แต่ผมไม่ได้มีบุคลิกแบบนั้น แต่สุดท้ายผมก็เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นรองกัปตัน”
ฤดูกาลต่อมา ชิมูระ ก็ยังคงเป็นตัวหลักของทีม เขายังคงลงเล่นเกือบทุกนัดในลีก ทั้งที่ซีซั่นนั้นทีมเปลี่ยนผู้จัดการทีมถึง 4 คน ก่อนจะทำสถิติกลายเป็นนักเตะต่างชาติคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ลงเล่นให้ สปาตัก เกิน 100 นัด และแข้งเอเชียคนแรกในลีกสูงสุดเซอร์เบียในปีดังกล่าว
“นอกจากที่ต้องพักไปช่วงเวลาสั้นๆ จากอาการบาดเจ็บ ฤดูกาลนี้ผมลงเล่นครบ 90 นาทีในเกือบทุกเกม แต่ผมยังยิงไม่ได้สักประตู” ชิมูระกล่าวกับ MALO PO MALO Project เมื่อเดือนพฤษภาคม 2022
และกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ คือความสารพัดประโยชน์ ชิมูระ นอกจากกองกลางตัวรับ ตำแหน่งถนัด เขายังสามารถเล่นตำแหน่งกองหลังตัวกลาง รวมถึงฟูลแบ็คฝั่งขวาและซ้าย
“นี่เป็นผู้จัดการทีมคนที่ 4 ในฤดูกาลนี้ และผมต้องเปลี่ยนอะไรหลายอย่าง ผมคิดว่าผมสามารถทำในสิ่งที่ผู้จัดการทีมแต่ละคนต้องการได้” ชิมูระให้ความเห็น
“ตำแหน่งของผมเป็นทั้งกองกลางตัวรับและฟูลแบ็ค ฟูลแบ็คบางทีก็ไปเล่นฝั่งซ้าย บางทีก็ไปขวา แต่จุดแข็งของผมคือสามารถปรับตัวได้ในทุกระบบ”
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความขยันและเต็มที่ทุกครั้งในเกม เขามีสถิติการวิ่ง จำนวนการสปรินท์ ความเร็วต่อเกมอยู่ในระดับท็อปของสโมสร ที่ส่วนใหญ่มักจะมาจากตอนเล่นเกมรุก แต่สำหรับ ชิมูระ มันคือสถิติที่เกิดขึ้นขณะที่เขาตั้งรับ
ทว่า เขาก็ยืนยันว่า สิ่งที่เขาทำไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่น เขาทำไปตามกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะ การยืดและประคบน้ำแข็ง ทั้งก่อนและหลังการฝึกซ้อมประจำวัน หรือฟื้นฟูร่างกายแม้จะไม่ใช่วันแข่ง หรือไม่ได้ลงเล่นก็ตาม
“ผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการถามสโมสรว่าทำไมผมจึงได้อยู่มาอย่างยาวนาน ผมไม่รู้จริงๆ ผมแค่ทำในสิ่งที่ทำมาจนถึงตอนนี้” ชิมูระอธิบาย
“เป็นเรื่องปกติที่จะมีอาการปวดหลังแข่ง ดังนั้นก่อนและหลังฝึกซ้อม และหลังเกม ผมจึงต้องยืดและประคบน้ำแข็ง นั่นคือส่วนหนึ่งของงานของผม เป็นเรื่องปกติของผม”
ดีกรียุโรป
แม้จะลงเล่นในลีกยุโรปมากว่า 8 ปี สุดท้าย ชิมูระ ก็ตัดสินใจอำลา ซูโบติกา หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา และเตรียมเซ็นสัญญากับ การท่าเรือ เอฟซี โดยจะเข้ามาเป็นโควต้า เอเชีย คนที่ 2 ของทีม
มันเป็นดีลที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง กับการได้นักเตะที่มีดีกรีผ่านลีกสูงสุดในยุโรปมากว่า 100 เกม กับการช่วยให้ การท่าเรือ เป็นทีมลุ้นแชมป์ หลังจากต้องรอคอยมานานหลายปี
ทว่า สิ่งที่น่ากังวล ก็คงจะเป็นอาการบาดเจ็บ ที่เขาเคยเข้ารับการผ่าตัดใหญ่มาแล้วหลายครั้ง ที่แม้แต่เจ้าตัวยังยอมรับว่าสะบักสะบอมมาไม่น้อย
“ผมได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง จนถึงตอนนี้ผมผ่าตัดไปแล้ว 3 ครั้ง และร่างกายของผมก็ค่อนข้างสะบักสะบอม” ชิมูระกล่าวกับ MALO PO MALO Project
ทำให้เป้าหมายสูงสุดของเขาในตอนนี้คือการลงเล่นโดยไม่เจ็บ และถ้าหากเขาทำได้เชื่อว่า ดาวเตะชาวญี่ปุ่นคนนี้น่าจะเป็นอาวุธที่น่ากลัวของ การท่าเรือ สำหรับไทยลีกในฤดูกาลที่จะมาถึงอย่างแน่นอน
“ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ตอนนี้ผมแค่อยากเล่นฟุตบอลต่อไป โดยไม่บาดเจ็บ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด” ชิมูระทิ้งท้าย
แหล่งอ้างอิง
https://note.com/go5imikko/n/nbcbf14be37de
https://note.com/go5imikko/n/n8804c7ffc7a2
https://qoly.jp/2021/12/23/shimura-noboru-interview-kgn-1
https://www.soccer-king.jp/news/release/20181029/855323.html
https://www.goal.com/jp/ニュース/町田df志村謄のセルビア1部復帰を発表チームに貢献できなかったことが心残り/17eefigcc6egh1sq466pnw37sp
https://www.europlus.jp/article/セルビア1部spartak所属している志村謄選手の最新情報