โรงเพาะต้นกล้าไม่เกิดผล : เปิดสาเหตุการพัฒนาเยาวชนไทย 'ล้มเหลว' จากมุมมองโค้ช

โรงเพาะต้นกล้าไม่เกิดผล : เปิดสาเหตุการพัฒนาเยาวชนไทย 'ล้มเหลว' จากมุมมองโค้ช
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

เรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อยสำหรับวงการฟุตบอลในประเทศไทย ที่มีอคาเดมี่ฝึกฟุตบอลสำหรับเยวชนที่มีคุณภาพมากมายผุดขึ้นทั่วประเทศ แต่กลับกลายเป็นว่าผลผลิตที่ออกมาไม่เติบโตไปแบบที่ควรจะเป็น มีผู้เล่นดาวรุ่งหลายรายที่เลิกล้มความฝันการเป็นนักฟุตบอลอาชีพไปกลางคัน

จำนวนผู้เล่นระดับเยาวชนที่เพาะบ่มกันมาตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ขวบ ค่อยๆ หายหน้าหายตาไประหว่างทาง จากการที่ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองไปได้แบบสุดทาง แตกต่างกับในประเทศชั้นนำของวงการฟุตบอลอย่าง อังกฤษ ที่เน้นพื้นฐานเริ่มจากให้เด็กมีความสุขกับการเล่นฟุตบอลก่อนเป็นอันดับแรก

PHOTO : FCScout

โดยประเด็นนี้ถูกทาง โค้ชโย่ง-วรวุธ, โค้ชเบ๊-ไพโรจน์ และ เจ-วรปัฐ มาแชร์มุมมองผ่านการไลฟ์สดทางช่อง คิดไซด์โค้ง เอาไว้ว่า

“การพัฒนาเยาวชนในบ้านเรา ต้องมีเวลาฝึกมากกว่าแข่งขันถึงจะถูกต้อง เน้นไปที่การพัฒนาเด็ก แต่ตอนนี้อคาเดมี่ในบ้านเรากลับเน้นไปที่การแข่งขัน เพราะถ้าไม่ส่งเด็กแข่งขัน พ่อ-แม่ ก็จะไม่ส่งลูกมาเรียนด้วยเลย”

“ก่อนจะเปิดการอบรมเด็กควรอบรมพ่อ-แม่เด็กก่อน เนื่องจากทุกวันนี้เด็กอายุแค่ 8-13 ปี ก็เจอความกดดันจากการแข่งแล้ว กลายเป็นว่าเครียดกับการเล่นฟุตบอล แถมหลังจากการมาเรียนก็ไปฝึกเองเพิ่มเติมแบบไม่ถูกทาง ทุกวันนี้โค้ชไม่กล้าพูดอะไรแล้วเพราะพ่อ-แม่บางทีตะโกนสั่งมากกว่าโค้ชที่ฝึกมาอีก”

ฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษจะไม่สนใจเรื่องผลการแข่งขันมากเท่าไหร่นักสำหรับชุดเยาวชน เพราะต้องการให้นักเตะได้ลองเล่นหลายตำแหน่งหมุนเวียนกันไป เพื่อให้ได้รับรู้หน้าที่ของเพื่อนร่วมทีมว่าต้องทำอะไรบ้าง กว่าจะเซ็นสัญญาอาชีพค่อยมีการแจ้งว่าแต่ละคนเหมาะกับการเล่นตรงไหน

ส่วนบ้านเราหนึ่งปีมี 3 ร้อยกว่าวัน อคาเดมี่ส่วนใหญ่ส่งเด็กแข่งไปแล้วสองร้อยกว่าวัน เมื่อไหร่ที่แข่งมากกว่าซ้อม มันก็ไปไม่ถูกทางแล้ว ประเด็นทั้งหมดที่ผู้ดำเนินรายการทั้งสามคนพูดถึง หวังเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ที่เจอมาหลายต่อหลายครั้งกับตัวเองและอยู่ในเหตุการณ์จริง

PHOTO : 123RF

สุดท้ายแล้วตั้งใจจะแชร์มุมมองอีกด้านให้กับผู้ปกครองที่กำลังเพาะบ่ม ‘ลูก’ หรือ ‘ต้นกล้าของวงการฟุตบอลไทย’ ให่สามารถไปถึงฝั่งฝันแบบที่ทุกคนต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการก้าวไปมีสโมสรเล่นหรือติดทีมชาติในอนาคต เพื่อเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนวงการลูกหนังในบ้านเราต่อไป
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=JRbK12aPzp8

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :

‘วู กึน-ยอง’ เผยความลับ ‘เกาหลีใต้’ ทำอย่างไรถึงผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2002

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ