Top

Popular

Long Read

พรีเมียร์ลีก

ธีรเทพ วิโนทัย

คริสตัล พาเลซ

ฟุตบอลอังกฤษ

Crystal Palace

Premier League

Teeratep Winothai

Outside In : สื่ออังกฤษเล่าเรื่อง ธีรเทพ วิโนทัย ในช่วงเกือบได้เป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกไว้อย่างไร ?

"ตอนนั้นความรู้สึก เหมือนขาข้างหนึ่งเรา ก้าวข้ามไปอยู่ในลีกอังกฤษแล้ว”

หากเอ่ยถึงนักฟุตบอลไทย ที่ถูกจับจ้องมาตลอดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ ธีรเทพ วิโนทัย อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ที่มีชีวิตการแข้งสุดโลดโผน ทั้งในและต่างประเทศ

เขาเริ่มสร้างชื่อมาตั้งแต่เยาวชน ไม่ว่าจะเป็นการไปเล่นฟุตบอลโลก U-17 ด้วยวัยเพียง 14 ปี เป็นตัวหลักให้ทีมชาติไทยตั้งแต่อายุ 20 อีกทั้งยังเคยซัดประตูใส่ทีมชาติญี่ปุ่น, จีน หรือแม้แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อย่างไรก็ดี แม้จะประสบความสำเร็จพอตัว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ ธีรเทพ คือการที่ครั้งหนึ่งเขา “เกือบ” จะได้เป็นผู้เล่นระดับพรีเมียร์ลีก

และนี่คือเรื่องราวในตอนนั้น ติดตามชีวิตของ “ลีซอ” สมัยที่เล่นฟุตบอลในอังกฤษไปพร้อมกับ Outside In คอลัมน์ใหม่ของ Think Curve - คิดไซด์โค้ง ที่จะพาไปดูช่วงเวลาของแข้งสายเลือดไทย ผ่านสายตาของสื่อต่างชาติ

ติดตามได้ที่นี่

ตัวตึงแห่งพาเลซ

ธีรเทพ วิโนทัย อาจจะเป็นชื่อที่คุ้นหูแฟนบอลไทย มาตั้งแต่สมัยเขายังมีคำหน้าว่าเด็กชาย เมื่อในปี 1999 ลีซอ สร้างความฮือฮาไปทั่วประเทศ หลังมีชื่อติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลเยาวชนโลก U-17 ที่นิวซีแลนด์ ทั้งที่ตอนนั้นเขาเพิ่งจะมีอายุเพียง 14 ปี

แม้ว่าช้างศึก U-17 จะมีผลงานที่ไม่น่าจดจำ จากการปราชัย 3 นัดรวด และเสียไปถึง 17 ประตู แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับ ธีรเทพ เจ้าของหมายเลข 10 ในชุดนั้น เมื่อเขาได้ลงเล่นถึง 2 จาก 3 เกมในฐานะตัวสำรอง

หลังจากนั้นดูเหมือนว่ากราฟชีวิตของ ธีรเทพ จะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อลูกชายของ เทพไชย วิโนทัย ผู้สื่อข่าวกีฬาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ คนนี้ ได้มีโอกาสไปฝึกปรือฝีเท้าถึงประเทศอังกฤษ ด้วยทุนของสยามสปอร์ต ก่อนจะได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนของ คริสตัล พาเลซ ในปี 2002

“ผมอายุ 14 ตอนที่ติดทีมชาติไทย U-17 ไปเล่นเยาวชนโลก หลังจากนั้นผมก็ได้รับเลือก และได้ทุนของสยามสปอร์ต เพื่อไปเรียนและเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนพาเลซ ตลอด 4 ปีที่อยู่อังกฤษ” ลีซอ ย้อนความหลังกับ Jupitor Futbol

“ผมได้เป็นตัวแทนของทีมโรงเรียนในเอสเซ็กซ์ และได้ไปทดสอบฝีเท้ากับทีมเยาวชนของพาเลซ จากคำแนะนำของเพื่อน ผมได้รับสัญญาระยะสั้น 6 สัปดาห์ ซึ่งตอนนั้นผมติดทีมชาติไทยไปเล่นเยาวชนโลกแล้ว”

“6 สัปดาห์แรกกับคริสตัล พาเลซ ผมต้องอยู่โรงเรียนประจำ และไปสนามหลังเลิกเรียนเพื่อฝึกซ้อมโดยรถไฟ จากนั้นก็กลับมาโรงเรียน เป็นแบบนั้นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง”

“จากนั้นผมก็ได้รับสัญญา 1 ปี ผมได้เซ็นสัญญา 3 ครั้งตลอด 4 ปีกับคริสตัล พาเลซ”

และที่นั่นก็ทำให้ธีรเทพ เฉิดฉายมากที่สุด เพราะเพียงแค่ปีแรก เขากลายเป็นผู้เล่นสำคัญของทีมเยาวชนพาเลซ ในยุคเดียวกับ เบน วัตสัน ที่ต่อมาสร้างชื่อกับ วีแกน แอธเลติก และ เวนย์ เราท์เลดจ์ อดีตปีกสวอนซี

แม้จะมีรูปร่างที่ค่อนข้างเล็ก เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นเดียวกัน แต่กองหน้าชาวไทย ก็มีจุดเด่นอยู่ที่ความเร็ว ที่สามารถเล่นงานกองหลังคู่แข่งอย่างย่อยยับ และทำให้เขายิงไปได้ถึง 9 ประตูจาก 16 นัดแรกกับเยาวชนพาเลซ จนมีข่าวว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ความสนใจ

“ผมตื่นเต้นมากที่ได้ยินข่าวนั้น แต่ผมไม่อยากไปไหน ผมอยากเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของพาเลซ” ลีซอ ที่เป็นแฟนของปีศาจแดง กล่าวกับ holmesdale.net สื่อท้องถิ่นของพาเลซ เมื่อปี 2002

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

ทะเยอทะยานและมั่นใจ

ธีรเทพ ใช้เวลาไม่นานก็สามารถสร้างชื่อในระดับเยาวชน รวมถึงถูกดันขึ้นไปเล่นในทีมสำรองของ ดิ อีเกิ้ล หลายครั้ง จนทำให้ถูกคาดหวังว่าน่าจะเป็นหนึ่งในดาวรุ่งของพาเลซ ที่ก้าวขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ในไม่ช้า

“เดเร็ค บรอดลีย์ (โค้ช U19 พาเลซ) บอกผมว่าพวกเขาจะให้สัญญาเต็มเวลากับผมในปีนี้ (2002)” กองหน้าชาวไทยกล่าวกับ holmesdale.net

“ตอนที่พวกเขาได้ยินข่าวลือของ (แมนเชสเตอร์) ยูไนเต็ด โค้ชของพาเลซบอกผมให้อยู่ต่อ และบอกว่าผมจะได้ขึ้นไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ จากนั้นผมค่อยไป”

นอกจากนี้ “วิโนทัย” นามสกุลของเขา ยังถูกโจษจันไปทั่ววงการฟุตบอลเยาวชนของอังกฤษ และได้รับการพูดถึงในสื่อของแดนผู้ดีหรือแม้แต่สื่อของคู่แข่ง ที่มักบรรยายความยอดเยี่ยมของแข้งสายเลือดไทยด้วยความเจ็บใจ

“ไม่ว่ารองเท้าสีไหน พาเลซ ก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นได้ดีกว่า และไม่นาน วิโนทัย กองหน้าของพวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงจุดแข็ง นั่นคือความเร็วชนิดหาตัวจับยาก แต่การวิ่งครั้งแรกของเขาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” รายงานจาก clarets-mad.co.uk เว็บไซต์แฟนคลับเบิร์นลีย์เมื่อปี 2002 ในเกมที่เยาวชนของพวกเขาเจอกับพาเลซ

“แต่ในชั่วโมงแรก ความเร็วของวิโนทัย ก็ทำให้ผู้มาเยือนออกนำ เขาพลิกหลบ แกรี คาร์เตอร์ ของคาร์เล็ต ที่เส้นกลางสนาม แล้วหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่านมือ ไมเคิล เฮล ที่มุมขวาล่างของประตู”

ขณะเดียวกัน อีกจุดเด่นที่สื่อท้องถิ่นมักพูดถึง ลีซอ คือสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และความมั่นใจ อีกทั้งยังได้รับความนิยมจากสาวๆ ยามอยู่นอกสนาม

“ธีรเทพดูเหมือนวัยรุ่นขี้อายทั่วไป แต่พอเราเข้าเรื่องความสามารถของเขา รองนักกีฬาดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของไทย ดูเหมือนจะมั่นใจขึ้นมาทันที ที่เกือบจะวางท่าด้วยซ้ำ” ร็อบ นิวโบลด์ กล่าวในบทความ Winothai aiming for the big time ในปี 2002

“เขาดูเหมือนจะปรารถนาชื่อเสียงและได้รับคำชื่นชม เขาบอกว่าเขาได้รับจดหมายจากแฟน ๆ มากมาย และ ‘ทั้งหมดเป็นผู้หญิง’ อีกนักเรียนในโรงเรียนของเขาที่เอสเซ็กซ์ ก็คิดว่า ‘ผมน่าทึ่ง’”

เขายังให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษในตอนนั้นว่า เขาไม่เคยกดดันที่สื่อยกย่องว่าเขาอาจจะเป็นนักเตะชาวไทยที่เก่งที่สุดเท่าที่มา และโฟกัสเพียงแค่การพยายามขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ของพาเลซ เท่านั้น

“ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้น ผมแค่อยากจะเล่นฟุตบอล และทำความฝันให้เป็นจริง” ธีรเทพกล่าวกับ holmesdale.net

“ผมไม่เคยตื่นเต้น ผมอยากให้ทุกคนรู้จักผม ทุกคนมองมาที่ผม”

อย่างไรก็ดี มันกลับไม่เคยเกิดขึ้น

เกือบเป็นแข้งพรีเมียร์ลีก

หลังใช้ชีวิตอยู่ 4 ปีกับ คริสตัล พาเลซ โอกาสในการได้เป็นนักเตะระดับพรีเมียร์ลีกของ ธีรเทพ ก็มาถึง เพราะในปี 2004 ซึ่งเป็นปีที่เขามีลุ้นจะได้เซ็นสัญญากับทีมชุดใหญ่ เป็นปีเดียวกับที่ ดิ อีเกิ้ล คว้าแชมป์เพลย์ออฟ ของดิวิชั่น 1 พร้อมได้สิทธิ์ขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุด

แต่สุดท้ายมันกลับเป็นแค่ความฝัน เมื่อธีรเทพ ไม่ได้เซ็นสัญญาอาชีพกับ พาเลซ โดยเจ้าตัวออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าเป็นเพราะปัญหาเรื่องใบอนุญาตทำงาน หรือ เวิร์ค เพอร์มิตต์ ที่ทำให้เขาต้องกลับไทยหลังจากนั้น

“มันมีปัญหาเรื่องใบอนุญาตทำงาน” อดีตกองหน้าเมืองทองกล่าวกับ Jupitor Futbol

“สัญญาฉบับสุดท้ายที่ผมสามารถเซ็นได้ในอังกฤษในฐานะผู้เล่นเยาวชนคือตอนอายุ 19 ปี ขั้นต่อไปคือสัญญาอาชีพที่ผมเซ็นไม่ได้ เนื่องจากผมไม่ได้ติดทีมชาติถึง 45 เปอร์เซ็นต์ ตลอด 2 ปีหลังสุด จึงไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเล่นในสหราชอาณาจักรต่อ”

“ผมแค่ 19 ปี ในตอนนั้น และทีมชาติไทยก็มีนักเตะเก่งๆ อยู่เยอะเลยในยุคนั้น”

ลีซอ ยอมรับว่าเขาเสียดายมากในตอนนั้น เพราะอีกเพียงแค่ก้าวเดียว เขาก็จะได้เป็นนักเตะพรีเมียร์ลีก และทำสถิติเป็นคนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เซ็นสัญญาอาชีพในลีกอังกฤษ

"ตอนนั้นความรู้สึก เหมือนขาข้างหนึ่งเรา ก้าวข้ามไปอยู่ในลีกอังกฤษแล้ว แต่สุดท้ายดันมีปัญหาเรื่องเวิร์คเพอร์มิต ตามกฎที่ระบุไว้ มันเลยทำให้ผมพลาดไป และ ต้องกลับมา" ธีรเทพกล่าวกับ โกล ประเทศไทย

“ดังนั้นผมก็บอกว่า ผมทำอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งที่ในแง่ความสามารถ ผมทำเต็มที่ทุกอย่างแล้ว และ ทุกคนที่นั่นแฮปปี้หมด แต่ก็เหลือปัญหาเดียว ที่ทำให้เป็นไปไม่ได้"

อย่างไรก็ดี เหตุผลของการไม่เซ็นสัญญากับพาเลซ ที่ธีรเทพบอก แตกต่างจากที่รายงานในสื่ออังกฤษ เมื่อสต้าฟของ พาเลซ ระบุว่าแข้งชาวไทย มีอาการคิดถึงบ้าน หลังกลับไปเล่นทีมชาติในเอเชียนเกมส์ และอยากกลับไปเล่นฟุตบอลในบ้านเกิดมากกว่า

“ตอนกลับไปเล่นในทัวร์นาเมนต์เอเชียนเกมส์ เมื่อเร็วๆ นี้ เขา (ธีรเทพ) มาหาผมและร้องขอว่าอยากกลับบ้านเกิด เนื่องจากเขาคิดถึงบ้าน และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน” พอล โฮลเดน ผู้อำนวยการอคาเดมีของพาเลซ ในตอนนั้นกล่าวกับ holmesdale.net เมื่อปี 2014

“ธีรเทพมีความสุขเสมอที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ ผมและสต้าฟโค้ชของผมหวังให้เขาประสบความสำเร็จในอนาคต ทั้งในการงานและชีวิต”

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด สุดท้ายความหวังที่จะมีนักเตะคนไทยคนแรกในพรีเมียร์ลีก ก็ต้องหลุดลอยไป และยังไม่มีใครทำได้ จวบถึงปัจจุบัน

ความฝันที่ (ยัง) ไม่เป็นจริง

หลังจากกลับไปบ้านเกิด ธีรเทพ ก็ได้หวนคืนสู่วงการฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง แต่ก็เป็นแค่ฝึกซ้อมกับทีมเยาวชนของ เอฟเวอร์ตัน ที่ตอนนั้นมี ช้าง บริษัทเบียร์ชื่อดัง คาดอก ในระยะสั้นๆ

จนกระทั่งในปี 2008 เขาจะได้เซ็นสัญญากับทีมในยุโรป อย่างแท้จริง หลังย้ายไปร่วมทัพ ลีเซร์ ในลีกรองของเบลเยียม ทว่าก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยน่าจดจำนัก หลังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในทีมสำรอง และได้ลงเล่นไปแค่ 8 นัด ในทุกรายการ ก่อนจะกลับมาเล่นในบ้านเกิดในไม่ถึงปีหลังจากนั้น

ทำให้ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในยุโรปของ ธีรเทพ คือช่วงเวลากับ พาเลซ ที่เขาทำผลงานได้โดดเด่นทั้งในและนอกสนาม ที่ตัวเขาเองยังติดค้าง และรู้สึกเสียดาย จนในวันท้าย ๆ ก่อนแขวนสตั๊ด

"ถือเป็นเรื่องเดียวในชีวิตครับ ที่ผมรู้สึกว่าถ้าย้อนกลับไปได้ อยากให้มันเกิดขึ้น หรือ อยากกลับไปแก้ไขครับ" ธีรเทพ กล่าวกับ โกล ประเทศไทย

อย่างไรก็ดี อดีตมันเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ จึงมีเพียงตั้งความหวังกับแข้งสายเลือดไทยรุ่นต่อไป ในการไปค้าแข้งในยุโรป

และที่ใกล้เคียงที่สุดในตอนนี้ก็คงจะเป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กำลังตกเป็นข่าวกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และถ้าหากดีลเกิดขึ้นจริง เชื่อว่ามันน่าจะสร้างความสุข และความตื่นเต้นให้แก่แฟนบอลไทย เหมือนสมัย ลีซอ สวมเสื้อเยาวชนพาเลซ อยู่ไม่น้อย