Outside In : ‘วันแห่งความอัปยศ’ เมื่อไทย 9 คน ช็อคเกาหลีใต้ คว้าชัยในเอเชียนเกมส์ 1998
“วันนี้จะถูกจดจำในฐานะวันอัปยศของฟุตบอลเกาหลี” เบ ซอน ยัง ผู้สื่อข่าวของ MBC รายงาน
เหลืออีกเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ทีมชาติไทย ก็เตรียมลงเล่นนัดต่อไปในเกมรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลเอเชียนเกมส์ 2023 ที่หางโจว ประเทศจีน ด้วยการพบกับเกาหลีใต้
เกมนัดนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการชี้ชะตาเข้ารอบเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกครั้งที่ไทยได้โคจรมาพบกับขุนพลโสมขาวในการแข่งขันระดับเอเชีย
แน่นอนว่าการพบกันของทั้งคู่ คงจะไม่มีนัดไหนที่อยู่ในความทรงจำของชาวไทยไปกว่า เอเชียนเกมส์ 1998 ที่กรุงเทพ ที่ช้างศึกช็อคเอเชีย ด้วยการเอาชนะไปได้ 2-1 ทั้งที่เหลือผู้เล่นเพียง 9 คน
เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น? และนี่คือเรื่องราวจากมุมมองจากสื่อต่างชาติ ติดตามไปพร้อมกับบทความ Outside In ของ Think Curve - คิดไซด์โค้ง ได้ที่นี่
ศึกชิงแชมป์ทวีปของไทยในรอบ 20 ปี
ปี 1998 ถือเป็นปีสำคัญของคอกีฬาไทย เพราะนอกจากจะได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 1998 อันสุดมันแล้ว ช่วงปลายปียังมีโอกาสสัมผัสกับการแข่งขันระดับทวีปอย่าง เอเชียนเกมส์ ที่กรุงเทพฯ รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ
เช่นกันกับฟุตบอลทีมชาติไทย ที่หวังจะแก้มือ หลังทำได้เพียงแค่อันดับ 3 ในฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเอเอฟเอฟ คัพ อีกทั้งครั้งนี้ยังเป็น ครั้งสุดท้ายที่แต่ละทีมสามารถใช้นักเตะจากทีมชุดใหญ่ลงเล่นอย่างเต็มสูบในรายการดังกล่าว
เอเชียนเกมส์ 1998 จึงเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ “ช้างศึก” หมายมั่นปั้นมือเป็นพิเศษ หลังเคยไปไกลสุดคือรอบรองชนะเลิศ ในการแข่งขันที่ปักกิ่ง เมื่อปี 1990 ที่พ่ายต่อเกาหลีเหนือในรอบตัดเชือกยังไม่พอ ยังมาโดนเกาหลีใต้เฉือนในนัดชิงเหรียญทองอย่างน่าเสียดาย
นอกจากนี้ การได้เล่นต่อหน้ากองเชียร์ของตัวเอง ยังทำให้ทีมชาติไทย คาดหวังอย่างมากกับทัวร์นาเมนต์นี้ และทำให้ 20 ขุนพลในรายการนี้เป็นชุดที่ “จัดเต็ม” ทั้ง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ดาวยิงจอมตีลังกาที่เพิ่งกลับมาจากทดสอบฝีเท้าที่อังกฤษ, วรวุฒิ ศรีมะฆะ หัวหอกร่างโย่ง, ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล กองกลางจอมยิงไกล, ตะวัน ศรีปาน จอมทัพหมายเลข 10 และ ดุสิต เฉลิมแสน แบ็คซ้ายดาราเอเชีย
ทั้งนี้ ทีมชาติไทย ภายใต้การนำของ ปีเตอร์ วิธ โค้ชชาวอังกฤษ ก็เริ่มต้นได้อย่างร้อนแรงตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มรอบแรก ด้วยการไล่ต้อนฮ่องกงไปอย่างขาดลอยในนัดเปิดสนาม ต่อด้วยคว้าชัยเหนือ เลบานอน 2-0 ในนัดต่อมา ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มรอบที่ 2 ได้อย่างไม่ยากเย็น
“ช้างศึก” ยังทำได้เยี่ยมในรอบนี้ ทั้งการยันเสมอกับ คาซัคสถาน ทีมแกร่งจากเอเชียกลาง 1-1 ตามมาด้วยการเฉือนเลบานอน 1-0 และถึงแม้ว่าในนัดสุดท้าย พวกเราจะพ่ายต่อ กาตาร์ 1-2 แต่การที่เลบานอน ถล่มคาซัคสถาน 3-0 ก็ทำให้ไทยดีพอ ที่จะผ่านเข้ารอบ หลังมี 4 คะแนนเท่า คาซัคฯ แต่ประตูได้เสียดีกว่า ทะลุสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ในความโชคดี ก็มีความโชคร้ายซ่อนอยู่
ชนเบอร์ 1 เอเชีย
แม้ว่าไทย จะผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศมาได้ แต่การเข้าเป็นที่ 2 ของกลุ่ม ทำให้เราต้องโคจรมาเจอกับงานหนักอย่าง เกาหลีใต้ ที่มีสถิติชนะรวด 100 เปอร์เซ็น ในรอบแบ่งกลุ่มรอบที่ 2
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเกมที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ผู้คนต่างมารอกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อต่อคิวซื้อตั๋วเข้าชม และทำให้บัตรกว่า 60,000 ใบของราชมังคลากีฬาสถาน หมดเกลี้ยงในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
“เอเชียนเกมส์ 1998 รอบก่อนรองชนะเลิศ พบกับ ไทย เจ้าภาพ ตั้งแต่เช้า พื้นที่รอบสนามคลาคล่ำไปด้วยผู้คน” รายงานจาก KBS สื่อชื่อดังของเกาหลีใต้
“ความพยายามที่จะได้ตั๋วเข้าชมการแข่งขัน มันเหนือจินตนาการ ผู้คนมากมายเป็นลมด้วยความหมดแรง”
ทีมชาติไทย จัดทัพที่ดีที่สุดลงสนาม นำโดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และวรวุฒิ ศรีมะฆะ ที่เป็นความหวังในแดนหน้า โดยมี ตะวัน ศรีปาน เป็นตัวทำเกม ขณะที่แนวรับมี นที ทองสุขแก้ว คอยบัญชาการ และชัยยง ขำเปี่ยม ยืนเฝ้าเสา
ด้านเกาหลีใต้ ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน เพราะเป้าหมายครั้งนี้คือเหรียญทองเท่านั้น และทำให้พวกเขาส่งผู้เล่นจากชุดลุยฟุตบอลโลก 1998 รอบสุดท้าย อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น คิม บยุง จี โกลจอมหนึบจากอุลซาน ฮุนได, ชอย ยง ซู หัวหอกที่ซัดไปแล้ว 7 ประตูในรายการนี้ รวมถึง อี ดอง กุ๊ก กองหน้าดาวรุ่ง ของโปฮาง สตีลเลอร์
“หลังจากคว้าเหรียญทองใน เอเชียนเกมส์ 1998 ที่กรุงโซล เกาหลีก็ถึงคราวตกต่ำ หลังได้แค่เหรียญทองแดงที่ปักกิ่งในปี 1990 และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในฮิโรชิมา ในปี 1994” The Joong Ang สื่อแดนโสมระบุ
“พวกเขาฝันที่จะคืนฟอร์ม จึงเข้าร่วมการแข่งขันในเอเชียนเกมส์ ที่กรุงเทพด้วยความทะเยอทะยาน”
มันคือเกมที่เกาหลีใต้คิดว่าไม่มีอะไรยาก เนื่องจากตอนนั้นพวกเขาเพิ่งจะผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน แถมอันดับโลก ยังรั้งอยู่ในอันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 17 ของโลก
“ในฟีฟ่าแรงกิ้งปี 1998 บราซิล รั้งอันดับ 1 ของโลก ส่วนเกาหลี อันดับ 1 ของเอเชีย รั้งอยู่ในอันดับที่ 17 และไทยอยู่ในอันดับที่ 45” The Joong Ang รายงาน
อย่างไรก็ดี มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อไทยสู้กับเกาหลีได้อย่างไม่เป็นรอง ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่ม ทั้งสองทีมต่างมีโอกาสเข้าทำหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่คมพอ ทำให้เกมยังเสมอ 0-0 ใน 45 นาทีแรก
ครึ่งหลัง ไทยก็ยังทำได้ดี แต่ก็ต้องมาเสียเปรียบตัวผู้เล่น หลัง วรวุฒิ สับศอกใส่ พัค จิน ซุบ ในจังหวะที่ล้มไปพร้อมกัน ทำให้ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามทันที
แต่กลับกลายเป็นไทย ที่มีผู้เล่นน้อยกว่า มาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะฟรีคิก ที่เปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ให้ เกียรติศักดิ์ โฉบมาดีดด้วยซ้าย ผ่านมือ คิม บยุงจี เข้าไป ท่ามกลางเสียงเฮจากทั้งสนาม ในนาทีที่ 81
ทว่า ในอีก 4 นาที ไทยก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ หลัง สุรชัย จิระสิริโชติ ไปเสียบหนักใส่ผู้เล่นเกาหลีใต้หน้ากรอบเขตโทษ จนโดนใบแดงไปอีกคน แถม เกาหลีใต้ ยังตีเสมอได้ในจังหวะนั้น จากลูกฟรีคิกของ ยู ซัง ชุล
ทำให้จบ 90 นาทีเกมยังเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป โดยไทยเหลือผู้เล่นแค่ 9 คน
ปาฏิหาริย์แห่งราชมังฯ
“ในช่วงเวลานั้น ไทยเข้าปะทะรุนแรง จนผู้เล่นถูกไล่ออกไป 2 คน ดังนั้นเราจึงอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่า” รายงานของ MBC สื่อเกาหลีใต้
ด้วยความที่ตัวผู้เล่นที่มากกว่า ทำให้ เกาหลีใต้ เป็นฝ่ายโหมเกมบุกตั้งแต่นาทีแรกของช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่สุดท้ายก็ยังเจาะแนวรับของไทยไม่เข้า และทำให้เกมยังเสมอ 1-1
จนกระทั่งในนาทีที่ 95 ไทยมามีโอกาสบ้างจากฟรีคิกระยะไกลกว่า 30 หลา เยื้องไปทางซ้ายของกรอบเขตโทษ หลัง เสนาะ โล่งสว่าง โชว์พริ้วหนี พัค จิน ซุบ จนทำให้แนวรับโสมแดงต้องดึงเสื้อเพื่อตัดฟาล์ว
มันอาจจะเป็นระยะไกล บวกกับมุมที่แคบ ที่ยากจะเป็นประตู ทำให้ เกาหลีใต้ วางกำแพงไว้เพียงแค่ 2 คน เพราะคิดว่าไทยน่าจะเปิดเข้าไปลุ้นโหม่งมากกว่า
ทว่า มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อ ไทย ไม่ยอมให้โอกาสนี้สูญเปล่า เพราะทันทีที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดให้สัญญาณ ดุสิต เฉลิมแสน ก็เขี่ยบอลให้ ธวัชชัย ซัดด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งทะยานผ่านแข้งเกาหลีใต้ที่พยายามเข้ามาบล็อค เสียบคานเข้าไปอย่างสวยงาม
ประตูดังกล่าว ไม่เพียงแต่ช่วยให้ไทยขึ้นนำเท่านั้น แต่มันยังเป็นประตูชัยภายใต้กฎโกลเด้นโกล หรือใครยิงก่อนชนะ พร้อมช่วยให้ไทยเอาชนะเกาหลีใต้ไปแบบสุดช็อค เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายได้อย่างปาฏิหาริย์
“ทั้งที่ทุกอย่างเหนือกว่า แต่เกาหลีก็ต้องช็อค และตกรอบก่อนรองชนะเลิศ หลังปล่อยให้ประตูโกลเด้นโกลของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูลเข้าไปตั้งแต่ 5 นาทีแรก” KBS รายงานเกมในวันนั้น
หลังเกมชาวไทยต่างฉลองกันด้วยความชื่นมื่น เพราะไม่มีอะไรจะสุดยอดไปกว่าการล้ม เกาหลีใต้ มหาอำนาจฟุตบอลของเอเชีย ได้แบบหักปากกาเซียน และทำให้ประตูนี้ ได้ขึ้นหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับในวันถัดมา
“กรุงเทพเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง จากการที่ไทยเป็นผู้ชนะ” KBS สื่อแห่งชาติของเกาหลีใต้ระบุ
“เกมการแข่งขันในวันนั้นถูกฉายซ้ำ ๆ นับครั้งไม่ถ้วนบนทีวีของไทย หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นพาดหัวว่ามันคือชัยชนะเยี่ยงปาฏิหาริย์”
แต่สำหรับเกาหลีใต้ มันคือฝันร้าย ที่ต้องปราชัยให้ทีมรองบ่อนอย่างไทย แถมตัวเองยังมีผู้เล่นมากกว่า จนทำให้พวกเขาถูกสับเละจากสื่อในบ้านเกิด หลังสร้างบาดแผลให้คนเกาหลีใต้ทั้งประเทศ
“เอเชียนเกมส์ที่กรุงเทพร้องระงมไปกับความผิดหวัง ทั้งที่มีดาวเด่นอย่าง ชอย ยงซู, ยุน จองฮวาน, อี ดองกุ๊ก อยู่ในทีม” รายงานของ KBS
“มันยังเป็นความทรงจำสุดขมขื่นที่สร้างบาดแผลในความภาคภูมิใจของเราในฐานะผู้นำของเอเชีย”
ขณะที่ MBC อีกสำนักข่าวชื่อดังของที่นั่นถึงขั้นพาดหัวว่า “วันแห่งความอัปยศ” กับการที่ทัพโสมขาว นอกจากจะหมดลุ้นเหรียญทองแล้ว ยังไม่สามารถเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้เป็นอย่างน้อย
“ในวันที่ 9 ของเอเชียนเกมส์ เกาหลีใต้ต้องพบกับความอัปยศอดสู หลังตกรอบก่อนรองชนะเลิศ” เบ ซอน ยัง ผู้สื่อข่าวของ MBC รายงาน
“ในการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งเป็นอย่างเดียวที่น่าผิดหวัง บางอย่างที่เป็นไปไม่ได้ ได้เกิดขึ้น เมื่อผู้เล่น 11 คน แพ้ทีมที่มีผู้เล่น 9 คน พวกเขาแพ้ให้ทีมรองบ่อนอย่างไทย”
“ปรากฏการณ์ที่น่าแปลกเกิดขึ้นกับประเทศที่ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 4 ครั้งติดต่อกัน แต่กลับไม่สามารถผ่านรอบก่อนรองชนะเลิศไปได้”
“วันนี้จะถูกจดจำในฐานะวันอัปยศของฟุตบอลเกาหลี”
และมันก็กลายเป็นเกมที่เกาหลีใต้ไม่มีวันลืมอีกเลย
เกมแห่งความทรงจำ
แม้ว่า ไทย จะผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง แต่เหมือนว่าพวกเขาได้ใช้พลังไปหมดในรอบที่แล้ว และพ่ายต่อ คูเวต 0-3 ในรอบรองชนะเลิศ รวมถึงปราชัยต่อจีน ในนัดชิงเหรียญทองแดง ด้วยสกอร์เดียวกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ไม่มีใครที่ตำหนิพวกเขา เพราะการเอาชนะเกาหลีใต้นั่นคือที่สุดแล้ว และทำให้เกมระหว่าง ไทย และ เกาหลีใต้ ในเอเชียนเกมส์ 1998 กลายเป็นแมตช์แห่งความทรงจำ ที่อยู่ในใจหลายคน
เช่นกันกับฝั่งเกาหลีใต้ แต่เป็นในฐานะบทเรียน และถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง อย่างตอนที่ไทย มาพบกับ ทัพโสมขาวอีกครั้งในรอบรองชนะเลิศ เอเชียนเกมส์ 2014 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนักวิเคราะห์ในเชิงว่าการเจอไทยไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่ออิงจากเหตุการณ์ในอดีต
“16 ปีหลังจากนั้น เกาหลี กลับมาพบกับ ไทย ที่ทำให้พวกเราต้องอาย ในรอบรองชนะเลิศ เอเชียนเกมส์” รายงานของ The Joong Ang เมื่อปี 2014
“ความสนใจมุ่งมาที่เกาหลี ซึ่งได้เปรียบจากการเล่นในบ้านว่าจะล้างแค้นได้หรือไม่ หลังเจ็บปวดมาใน เอเชียนเกมส์ 1998 ที่กรุงเทพฯ”
และวันที่ 21 กันยายนที่จะถึงนี้ ทั้งสองทีมจะได้กลับมาดวลกันอีกครั้งในรอบเกือบ 10 ปี ในเอเชียนเกมส์ 2023 ที่หางโจว ประเทศจีน ซึ่งอาจจะเป็นเกมชี้ชะตาว่าทีมใด จะได้เข้าสู่รอบน็อคเอาท์ต่อไป
ร่วมเป็นกำลังใจให้กับ ช้างศึก U23 ในฟุตบอลชาย เอเชียนเกมส์ รอบแรก นัดที่ 2 ไปพร้อมกัน ที่ช่อง 5, PPTV, AIS Play ตั้งแต่เวลา 18:00 น.เป็นต้นไป
แหล่งอ้างอิง
https://www.joongang.co.kr/article/15973268#home
https://imnews.imbc.com/replay/1998/nwdesk/article/1774968_30723.html
https://news.kbs.co.kr/news/pc/view/view.do?ncd=3394961
https://www.chosun.com/site/data/html_dir/2014/09/30/2014093000168.html