ปัจจุบันและอนาคตในเจลีกของ 'เช็ค&บุ๊ค' หลังดวลส่งท้ายเจลีก 2023
การเจอกันระหว่าง คอนซาโดเล ซัปโปโร กับ อูราวะ เร้ดส์ นั้นถือเป็นการเจอกันครั้งแรกที่นักเตะไทยจะได้ลงสนามในเจลีกในฐานะคู่แข่งหลังจากการเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อครั้งที่ ธีราทร บุญมาทัน ยังอยู่กับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส เจอกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่อยู่กับทาง ซัปโปโร เมื่อปี 2021
โดยในเกมวันนี้จบลงด้วยชัยชนะของ อูราวะ ส่วนนักเตะไทยทั้ง 2 คนก็ไม่ได้เล่นเต็มเกมทั้งคู่ โดย เอกนิษฐ์ โดนเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง ขณะที่ สุภโชค นั้นจะแตกต่างกันหน่อยตรงที่หากว่ากันตามหลักปฎิบัติแล้วเขาเป็นตัวสำรอง ลงมาเล่นในนาทีที่ 22 แต่ในทางทฤษฎีก็แทบไม่ต่างอะไรจากตัวจริง เพราะเกมนี้ ซัปโปโร ให้ ชินจิ โอโนะ ตำนานวัย 44 ปีของทีม ที่จะลงเล่นเกมนี้เป็นเกมสุดท้ายก่อนแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ ดังนั้นทีมต้องให้เกียรติด้วยการส่งเขาลงมาอำลาแฟน ๆ ในเกมนี้ ...
ว่ากันด้วยวิธีการเล่นและทิศทางในอนาคตของทั้งคู่กันหน่อย ...
ตรงนี้ขอเริ่มจาก สุภโชค คนที่ได้เวลาเล่นมากกว่ากันก่อน
สุภโชค ลงมาแทน โอโนะ ก็กลับมายืนในตำแหน่งที่ถนัดที่สุดนั่นคือตำแหน่งหมายเลข 10 ที่ยืนหลังกองหน้า โดยจะยืนเยื้องไปฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ สุภโชค ได้เล่นตรงบ่อยที่สุดและทำผลงานได้ดีที่สุด
วิธีการเล่นของ สุภโชค ยังคงชัดเจนเหมือนเดิมนั่นคือเป็นคนจะคอยรับบอลจากนักเตะตำแหน่งกองกลางและคนอื่น ๆ ที่เทิร์นบอลขึ้นหน้ามา ดังนั้นในจังหวะที่ สุภโชค ได้บอล จะเป็นการได้บอลในระยะที่เกินครึ่งสนามเข้ามาพอสมควร เกมนี้เขามีโอกาสที่จะแอสซิสต์ได้ในช่วงท้ายครึ่งแรก ด้วยจังหวะรับบอลในเขตโทษก่อนจะพลิกและตบเข้ากลางอย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่เพื่อนร่วมทีมเข้าชาร์จจังหวะดังกล่าวคลาดกันไปเพียงเสี้ยววินาที
ส่วนรูปเกมของโดยรวมของทีมต้องบอกว่ายังคงแย่ต่อเนื่อง เนื่องจาก ซัปโปโร นั้นดูเหมือนจะเป็นทีมที่คุณภาพนักเตะไม่ค่อยดีนัก การจะใส่ระบบเเละเล่นให้เนียนเหมือนกับทีมหัวแถวในเจลีกอื่น ๆ จึงยังถือว่าห่างไกล สังเกตจากเกมรุกของทีม ที่ยังดูเหมือนต่างคนต่างไป ขณะที่แนวรับก็เป็นจุดอ่อนแก้ไม่หายเสียประตูง่าย ๆ มาตลอด
เรื่องความตกต่ำนี้จริงจังถึงขั้นที่แฟนบอล ซัปโปโร ขึ้นป้ายผ้าในเกมที่บุกชนะ เอฟซี โตเกียว 3-1 โดยในเกมนั้นข้อความเชิงกดดันการพัฒนาของสโมสร รวมถึงการทำทีมที่ไม่ก้าวหน้าของโค้ช มิชา ด้วย
"แชมป์เจลีก / โควตาเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก / จบครึ่งบนของตาราง / รอดตกชั้น ? เป้าหมายที่แท้จริงของสโมสรในปีนี้คืออะไรกันแน่ ?"
"ได้โปรดแสดงให้พวกเราเห็นว่า สโมสรพร้อมตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และเอาจริงเอาจังกับการพยายามบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วย"
กลับมาที่อนาคตของ สุภโชค ดูจากสถิติการลงเล่นและการทำประตูในปีนี้ 29 นัด 9 ประตู และ 2 แอสซิสต์จากทุกรายการ ก็ค่อนข้างชัดว่าเขายังคงเป็นคนสำคัญของทีมแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยความหลากหลายของตำแหน่งที่เล่นได้ รวมถึงคุณภาพการเล่นที่หวังผลได้ เป็นตัวรุกในอุดมคติ บางเกมอาจจะเด่นกว่านักเตะท้องถิ่นด้วยซ้ำ หากไม่มองว่าอวยกันเองจนเกินไป เพราะแฟนบอลชาวญี่ปุ่นหลายคนก็ชมเขาในทวิตเตอร์ว่า
"สุภโชค พัฒนาเรื่องการจับบอลและการเล่นบอลจังหวะแรกได้นุ่มนวลขึ้นมาก"
"สุภโชค ได้รับความมั่นใจจากเพื่อน ๆ มากขึ้น ในเกมนี้มีสิ่งที่แปลกเกิดขึ้น เขาเป็นคนได้เตะเซ็ตพีซครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่กับทีมด้วย(ลูกเตะมุม)
นี่คือส่วนหนึ่งของข้อความทั้งหมด
ซีซั่นนี้คือซีซั่นที่ดีที่สุดของ สุภโชค นับตั้งแต่ย้ายมา ญี่ปุ่น นี่คือฤดูกาลที่เปลี่ยนเขาหลายอย่าง ความเเข็งแรง ความเข้าใจเกม และความเด็ดขาดเกิดขึ้นแล้ว ฤดูกาลต่อไปคือการรักษามาตรฐานนี้แหละต่อยอดพัฒนาขึ้นอีก หากทำได้จริง ก็ไม่แน่ว่า ซัปโปโร อาจจะเล็กเกินไปสำหรับเขาก็ได้
บุ๊ค ล่ะเป็นไง ?
เอกนิษฐ์ ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงในตำแหน่งกองกลางกลางตัวรุก ยืนอยู่หลัง กานเต้ กองหน้าประจำทีม อย่างไรก็ตามหน้าที่ของ เอกนิษฐ์ นั้นค่อนข้างแตกต่างกับ สุภโชค เพราะเขาจะไม่ได้เล่นสลับตำแหน่งกับตัวรุกคนอื่น ๆ มากนัก เเต่บทบาทของ บุ๊ค คือการถอยต่ำลงมารับบอล พลิกบอล และสร้างโอกาส ออกบอลให้กับตัวริมเส้น และกองหน้าของทีม
โดยในเกมนี้ เอกนิษฐ์ เด่นได้สักพักในช่วงร่าว ๆ 10-30 นาทีแรกเท่านั้น จากนั้นบทบาทของเขาค่อย ๆ จากลง ได้บอลน้อย และเชื่อมกับเพื่อนร่วมทีมไม่ติด
แต่สิ่งที่พัฒนาในเกมนี้คือ เอกนิษฐ์ น่าจะเป็นคนเล่นเซ็ตพีซประจำทีมไปแล้วหากว่าเขาอยู่ในสนาม ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือความกล้าเล่น กล้าโวยเพื่อน โดยมีจังหวะหนึ่งที่บุ๊คอยู่โล่ง ๆ ในกรอบเขตโทษ แต่ กานเต้ กลับยิงเอง ซึ่งก็ไมได้ลุ้น หลังจังหวะนั้น เอกนิษฐ์ พยายามตะโกนเรียน กานเต้ และทำท่าผายมือให้ กานเต้ เห็นว่าเขาอยู่โล่งกว่า มีโอกาสทำประตูได้มากกว่า ... ซึ่งปกติแล้วนักเตะไทยจะไม่มีอาการแบบนี้บ่อยนัก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะทำให้เพื่อนรู้ตัวบ้าง ในจังหวะที่ผิดพลาด
ด้านคอมเมนท์หลังเกมจากแฟน ๆ ไม่มีอะไรมากนัก พวกเขาพูดถึง เอกนิษฐ์ ในแง่ของการได้รับบอลน้อย และเจอกับเกมที่ยากลำบาก แต่ก็ไม่ได้ใครต่อว่าหรือบอกว่าเขาไม่สมควรได้ลงเล่นตัวจริง
ส่วนเรื่องอนาคตนั้น เอกนิษฐ์ จะได้อยู่กับ อูราวะ ในซีซั่นหน้าต่อค่อนข้างแน่ แต่เรื่องของ 11 ตัวจริงก็คงต้องลุ้นกันหนักหน่อยเพราะในซีซั่นหน้า โค้ชสกอร์ซ่า ก็จะลาออกจากตำแหน่งแล้ว ซึ่ง สกอร์ซ่า ถือเป็นคนที่ให้โอกาสหลาย ๆ อย่างและเลือกใช้ เอกนิษฐ์ ภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังจากย้ายมาจากประเทศ
ส่วนวิเคราะห์กันเรื่องของคู่แข่งในทีท ณ ตอนนี้ คู่แข่งโดยตรงคือ โชยะ นาคาจิมะ คนที่เปลี่ยนลงมาแทน บุ๊ค ในนาทีที่ 46 และเป็นคนยิงประตูแรกให้ อูราวะ ในเกมนี้ วัดกันตรง ๆ แล้วต้องบอกว่ายากพอสมควรเพราะ นาคาจิมะ นั้นดีกรีแรงเป็นนักเตะยอดเยี่ยมชิงแชมป์เอเชียรุ่นยู-23, เป็นนักเตะญี่ปุ่นค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ (35 ล้านยูโร) ย้ายจาก ปอร์ติโมเนนเซ่ ใน โปรตุเกส ไปอยู่กับ อัล ดูฮาลิล ในลีก กาตาร์
เรื่องการเชื่อมเกมต่อเกมหลังจาก นาคาจิมะ ลงมาเกมของ อูราวะ ดูดีขึ้นได้ครองบอลมากขึ้น และพาบอลไปเขตโทษมากขึ้นกว่าตอนที่ เอกนิษฐ์ อยู่ในสนาม ซึ่งในส่วนนีก็ต้องว่ากันไป เพราะ นาคาจิมะ นั้นอายุเยอะ ชั่วโมงบินมากกว่า ส่วนเอกนิษฐ์ ก็ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมให้มีส่วนร่วมกับเกมมากกว่านี้
แต่ที่ว่ามาทั้งหมดก็ไม่ได้หมายความว่าแย่ เพราะ เอกนิษฐ์ เพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมในเลก 2 ถือว่าเขาใช้เวลาเร็วมากหากเทียบกับนักเตะไทยคนอื่น ๆ ในเจลีกสำหรับการใช้เวลาสอดแทรกเข้ามาอยู่ในทีมชุดใหญ่ สถิติเล่น 10 นัด ยิง 1 แอสซิสต์ 1 จากทุกรายการ ถือว่าไม่เลวเลยสำหรับนักเตะชาวไทยคนนี้
ที่สุดแล้ว ทั้ง เช็ค และ บุ๊ค กำลังเดินหน้าบนเส้นทางของตัวเอง ต่างคนต่างก็พัฒนาขึ้นอีกขั้น ชัดเจนว่า ณ ตอนนี้พวกเขาคือ อนาคต และ ปัจจุบัน ของวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การชมเกมถ่ายทอดสด