พัชรพล เหล็กกุล : กลางรับจอมอึดแห่งยู17 ที่ถูกพูดถึงว่า "จะเก่งกว่าวรชิต"

ทีมชาติไทย ยู17 ปิดฉากไปฟุตบอลโลกเรียบร้อยด้วยการพ่ายให้กับเกาหลีใต้ 1-4 เรียบร้อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือความห่างชั้นระหว่างทีมชั้นนำ เกาหลีใต้ ณ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ระดับเอเชียแล้ว พวกเขาเป็นทีมระดับโลก วัดได้จากฟุตบอลโลกยู 20 ที่ผ่านมาที่ เกาหลีใต้ ไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย (แพ้ อิตาลี)

อย่างไรก็ตามหากจะมองข้ามความผิดหวัง เรายังได้เห็นแสงสว่าง โดยเฉพาะเรื่องของนักเตะหลาย ๆ คนที่มีแววจะโดดเด่นในอนาคต และหนึ่งในนักเตะที่ได้รับคำชมมากที่สุดคนหนึ่งคือ พัชรพล เหล็กกุล หรือ "สไปรท์" กัปตันทีมหมายเลข 6 จาก ชลบุรี เอฟซี

เรื่องราวของเขานั้นน่าสนใจไม่น้อย เพราะครั้งหนึ่งโค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล เคยบอกว่า "เด็กคนนี้จะเก่งกว่า วรชิต" และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของเขาที่เราจะเล่าผ่านรายการ Talentspotter

อคาเดมี่เปลี่ยนชีวิต

การจะสร้างนักเตะท้องถิ่น นักเตะเยาวชนให้แข็งแกร่งขึ้นได้ สิ่งสำคัญคือการต้องสอนเด็ก ๆ เหล่านั้นให้เรียนรู้ฟุตบอลในแบบที่ถูกต้อง และตรงกับเทรนด์ของโลกฟุตบอลสมัยใหม่

โดยในประเทศไทยนั้นแม้ในยุคหลัง ๆ จะมีอคาเดมี่เปิดสอนฟุตบอลในช่วงสุดสัปดาห์อยู่หลาย แต่แน่นอนว่าองค์ความรู้ต่าง ๆ ในอคาเดมี่เหล่านั้น ยังคงห่างชั้นจากอคาเดมี่ระดับประเทศที่เกิดขึ้นจากสโมสรอาชีพหลาย ๆ สโมสร และตัวอย่างที่เห็นชัด ๆ คือการที่นักเตะอย่าง พัชรพล เหล็กกุล ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่หลังจากได้เข้าไปเป็นนักเตะเยาวชนของ ชลบุรี เอฟซี

วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคของ ชลบุรี อธิบายความต่างนี้ว่า ชลบุรี เอฟซี มีโครงสร้างอคาเดมี่ทีเป็นที่ยอมรับจากทั้ง FIFA และ AFC เพราะที่นี่มีโครงสร้างละเอียดมาก และจะมีการประเมิณทุก ๆ 3 เดือน หลังจบทุกทัวร์นาเม้นต์ และประจำปี ทุกอย่างที่ผ่านการฝึกซ้อมจะถูกบันทึกเอาไว้ทำเหมือนกับสมุดพกของนักเตะในทีม เพื่อทำให้เขาเห็นว่ามีจุดเด่นอะไร มีข้อบกพร่องตรงไหน

ในแต่ละปี ชลบุรี จะเน้นย้ำมากเพราะเรื่องการเอาจุดอ่อน ข้อบกพร่องของนักเตะในทีมมาแก้ไข ซึ่งในรุ่นเยาวชนที่ต้องทำตลอดคือการส่งแต่ละคนไปฝึกพิเศษ ในสิ่งที่ตัวเองยังต้องแก้ไข

ตัวของ พัชรพล เคยให้สัมภาษณ์ว่าตัวของเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอคาเดมี่ ชลบุรี เอฟซี ตอนอายุ 10 ขวบเท่านั้น ณ ตอนนั้นพ่อของเขาเป็นคนพามาคัดตัวที่สโมสร โดยที่ตัวของเขายังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับ อคาเดมี่ของ ชลบุนี เอฟซี เลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามการมาที่นี่ ถือเป็นจุดเปลี่ยนในด้านอาชีพนักฟุตบอลของเขาเลย เพราะที่นี่สอนเขาทั้งในและนอกสนาม จากที่ตนเองเคยเป็นนักเตะทีเก่งกว่าเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน แต่เมื่อมาอยู่ที่ ชลบุรี เขาพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น จากสมุดพกในแบบที่โค้ชเฮง วิทยา บอก

เขาเปลี่ยนไปอย่างไร ?

เขาเคยเล่าว่า ช่วงที่มาอยู่กับอคาเดมี่ของชลบุรี ตอน 10 ขวบ เขาต้องคัดตัวแข่งกับเด็กรุ่นเดียวกันกว่า 100 คน จนกระทั้งได้เข้ามาและเริ่มเรียนรู้ฟุตบอลแบบจริงจังเป็นครั้งแรก

ในช่วง 2 ปีแรก ถือเป็นช่วงที่ พัชรพล ใช้เวลาไปกับการฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องการพัฒนาเทคนิค และวิธีการคิดเมื่อได้ลงสนาม จนกระทั่งอายุ 12 ปี สโมสรจะเริ่มประเมินผลงานเขาและส่ง พัชรพล เริ่มลงแข่งขันในรายการฟุตบอลเด็กทัวร์นาเม้นต์ต่าง ๆ

ความแตกต่างที่สำคัญคือคือ พัชรพล ได้เจอการซ้อมและฝึกทักษะที่เข้มข้นยิ่งกว่าที่เขาเคยเจอ และที่ขาดไม่ได้แบบที่เขาต้องบอกตัวเองเสมอคือห้ามหยุดเดินเด็ดขาด ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา วันนี้เก่งแล้ว วันหน้ายังต้องเก่งขึ้นอีก

ส่วนเรื่องนอกสนามนั้น เรื่องการตรงต่อเวลา อยู่ในระเบียบของสโมสร และมองอนาคตตัวเองให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนตัวของ พัชรพล นั้นเขาเคยกล่าวว่าความฝันของเขาที่ได้ตั้งเป้าไว้ คือการไปค้าแข้งในต่างประเทศ เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน และ ธีรศิลป์ แดงดา นักเตะเหล่านี้คือเหตุผลที่ พัชรพล พร้อมจะทำงานหนักในทุก ๆ วัน เพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้

ตอนที่ พัชรพล เข้ามาที่นี่และเริ่มพัฒนาตัวเอง สิ่งที่หนึ่งที่เขาและทีมงานโค้ชเยาวชนเห็นจุดอ่อนของเขาชัดๆ เลย คือเรื่องของ ความกล้าในการผ่านบอล สปีดบอลที่ช้าเกินไป และการคอนโทรลหรือควบคุมบอลที่ไม่ดี ซึ่งในระดับที่สูงขึ้นทักษะการควบคุมบอลคือสิ่งสำคัญสุด ๆ การจับบอลที่ถูกต้อง ถูกเวลา สามารถทำให้คุณเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกได้ทันที ในฐานะกองกลางจอมทัพคนหนึง

บทความนี้ในรูปแบบวีดีโอด้านล่าง

"ผมยังจำได้ว่าทีมงานวิเคราะห์ว่าตอนแรก ๆ ผมเป็นนักเตะที่จ่ายบอลคืนหลังบ่อยเกินไป เป็นการจ่ายบอลที่ไม่มีประโยชน์ มีการจี้เรื่องทักษะและผ่านบอลไปข้างหน้าให้ได้ พยายามหาเพื่อนร่วมทีมให้เจอเสมอ" พัชรพล กล่าว

พัชรพล ค่อย ๆ ซึมซับเรื่องในและนอกสนาม ไม่นานนักเขาก็ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมเยาวชนของ ชลบุรี เอฟซี รวมถึงในทีมชาติไทยด้วย เหตุผลสำคัญคือเขาเป็นคนที่พยายามอ่านเกมแบบรอบทิศทาง คอยชี้เป้า สั่งการณ์เพื่อน พยายามตะโกนกระตุ้น เพื่อนร่วมทีมตลอด ซึ่งเขาถูกสอนมาตลอดว่าการบริหารจัดการคน คือสิ่งที่สำคัญมากหากอยากจะเป็นผู้บัญชาการเเดนกลางในระดับแถวหน้า

พัชรพล กับเส้นทางที่ไปต่อ

ในวัย 16 ปี พัชรพล ผ่านการเรียนรู้มากมาย และเขาเองก็มั่นใจว่าตนเองจะเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง นอกจากนี้ โค้ชเฮง ก็เห็นตรงกันว่า แม้ว่าเขาจะได้รับคำชม และเป็นคนที่มีพรสวรรค์เกินอายุ สามารถเล่นกับผู้ใหญ่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือการต่อยอดให้มีความต่อเนื่อง

“นักเตะชลบุรีจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือนักเตะที่เก่งอยู่แล้วและกลุ่มที่เป็นพวกพรสวรรค์สูง ซึ่ง พัชรพล เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มหลัง ตอนนี้เขาถูกดันไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่และลงสนามในไทยลีกไปแล้ว” โค้ชเฮง กล่าว

โค้ชเฮง อธิบายสไตล์ของ พัชรพล เพิ่มเติมคือ นักเตะที่ไปกับบอลได้ดี มีพลังงานสูง วิ่งได้ทั้งเกมไม่มีหมด และมีทัศนคติในการเเข่งขันที่น่าประทับใจ ส่วนสิ่งที่ยังต้องเพิ่มคือเรื่องการลงเล่นเพื่อสั่งสมประสบการณ์ สิ่งสำคัญคือต้องรักษาผลงานให้เสมอต้นเสมอปลาย

ส่วนผู้ใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ ตัวก็ต้องคอยให้โอกาสเขาตามสมควร ไม่เร่งใช้งานเกินไปเพื่อให้เซฟร่างกายให้ใช้ได้ในระยะยาวที่สุด ซึ่งหนึ่งในประโยคที่โค้ชเฮง เคยกล่าวผ่านสื่อที่ตัวของ พัชรพล ยังจดจำและจะไม่ทำให้ผิดหวังในทุกวันนี้คือ พชรพล จะกลายเป็นนักเตะที่เก่งกว่า วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ นักเตะที่เคยถูกบอกว่าดีที่สุดจากอคาเดมี่ของ ชลบุรี

เส้นทางของ พัชรพล ยังคงยาวไกล ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดของ ชลบุรี เอฟซี ทีได้ลงเล่นเกมไทยลีก 16 ปี 239 วัน ในเกมไทยลีกฤดูกาลที่ผ่านมา นัดที่ ชลบุรี เอฟซี เจอกับทีมแชมป์อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด