‘ราชบุรี-บีจี’ เกมลีก ’ธรรมดา’ ที่มีเรื่องราวสายสัมพันธ์โยงใยมากกว่าที่คิด

By ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

27 ก.ค. 2024 , 01:02น.

ศึก ไทย ลีก สุดสัปดาห์นี้ ยังคงมีเกมที่น่าสนใจรอลงทำการแข่งขันอยู่มากมาย นอกจากโปรแกรมของทีมลุ้นแชมป์และกลุ่มลุ้นหนีตกชั้นแล้ว สโมสรที่ลุ้นทำอันดับจบในตำแหน่งหัวตาราง ยังคงขับเคี่ยวกันแบบเต็มร้อยไม่มีหยุดหย่อน ซึ่งเกมระหว่าง ราชบุรี เอฟซี อันดับที่ 6 เปิดบ้านรอรับการมาเยือนของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อันดับที่ 4 อาจมีความหมายถึงการลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์ของลีกเลยทีเดียว

แน่นอนว่าแนวทางการบริหารทีมของทั้งสองสโมสร อาจมีความแตกต่างกันพอสมควรตามนโยบายที่วางไว้ แต่หากสืบย้อนไปถึงความเกี่ยวข้องด้านการใช้โค้ช หรือการเจอกันมาก่อนหน้านี้ มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนจซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกันโดยตรงกับทั้งสองทีม

เจ้าถิ่น ราชบุรี อาจมีงบประมาณในการทำทีมแบบเบี้ยน้อยหอยน้อย แต่ยังคงทำผลงานได้ดีเสมอ กับการรั้งตำแหน่งอยู่ในครึ่งบนของตาราง แถมบอลถ้วยบางรายการก็ผ่านเข้าไปถึงรอบลึกๆ ส่วนทางผู้มาเยือน บีจี นั้นก็ยังมีลุ้นแชมป์บอลถ้วย ลีก คัพ ที่ผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ หลังเพิ่งบุกไปถล่ม ราชันย์มังกร ถึงถิ่นแบบสดๆ ร้อนๆ 3-0 มาเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ผลงานในลีกก็ต้องประคองตัวให้พยายามจบในตำแหน่งท็อปโฟร์ให้ได้ เมื่อทีมที่ตามหลังมาอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ทำแต้มจี้เข้ามาแบบหายใจรดต้นคอ

ก่อนหน้านี้ทั้ง ราชบุรี และ บีจี เคยมีการใช้เฮดโค้ชหน้าเดิมที่ผลัดเปลี่ยนสโมสรต้นสังกัดหลังทำผลงานได้น่าประทับใจมาก่อนหลายราย แต่จะเป็นใครกันบ้างที่เคยผ่านงานกับทั้งสองสโมสร? แนวทางการทำทีมของแต่ละสโมสรมีความต่างกันอย่างไร? เกมสุดมันของทั้งสองทีมนั้นมีเกมไหนเป็นไฮไลท์เด่น? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เจ้าถิ่นจอมเฟ้นหาลูกครึ่ง

ราชันย์มังกร ภายใต้การบริหารของ ‘ฟลุ๊ค-ธนวัชร นิติกาญจนา’ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผู้บริหารทีมในศึก ไทย ลีก ที่มีแนวทางที่น่าสนใจ ถึงจะมีงบประมาณในการทำทีมจำกัด ไม่ถึงขนาดเป็นเจ้าบุญทุ่มของลีกเหมือนกับทีมหัวตารางสโมสรอื่นๆ แต่การเสริมทัพของเขาแต่ละฤดูกาล หลายต่อหลายดีลนั้น ‘ปัง’ เกินคาด โดยเฉพาะการเฟ้นหานักเตะ ‘ลูกครึ่ง’

หากย้อนกลับไปดีลปังๆ ดีลแรกๆ อย่าง เควิน ดีรมรัมย์ แบ็คซ้ายลูกครึ่ง ไทย-สวีเดน ก็เป็นดาวเตะที่ ราชบุรี ไปเฟ้นหามาจนเจอในยุโรปในช่วงแรกที่การตามหานักเตะเชื้อสายไทย กำลังเริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมาเพราะไม่เสียโควต้าการลงทะเบียนเป็นต่างชาติ แถมมีดีกรีฝีเท้าผ่านกา่รเล่นในลีกยุโรปมาแล้วด้วย

เควิน เป็นเด็กฝึกจากสโมสร เยอร์การ์เด้น สโมสรดังแดนไวกิ้ง เคยผ่านการเรียกตัวไปติดทีมชาติสวีเดนระดับ เยาวชน ยู-17 และ ยู-18 มีการถูกปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับ แวร์เดอร์ เบรเมน ยู-19 ในประเทศเยอรมัน แถมยังเคยลงสนามให้กับ แอดวิดาเบิร์ก ทีมในลีก ซูเปอร์เร็ตเท่น ซึ่งเป็นลีกรองประเทศวีเดน ด้วยการเป็นตัวหลักลงเล่นไปถึง 25 เกม ทำไป 6 แอสซิสต์ ในปี 2016

การย้ายมาเล่นในศึก ไทย ลีก กับ ราชบุรี เพียงแค่ฤดูกาลเดียว (2016/17) เขาใช้เวลาปรับตัวเพียงไม่นาน ก็สอดแทรกขึ้นเป็นตัวหลักให้กับทีมได้ และทำผลงานได้อย่างโดดเด่นลงสนามรวมทุกรายการไปถึง 31 เกม ทำไป 1 ประตู กับอีก 8 แอสซิสต์ จนไปเตะตาทีมเงินถึงเงินถังอย่าง การท่าเรือ คว้าตัวไปร่วมทีมในปีต่อมา

ดีลของ เควิน ทำให้ทาง ราชบุรี ฟันกำไรไปเหนาะๆ ราว 40 ล้านยาทจากค่าตัวของแบ็คซ้ายรายนี้ เพราะได้ตัวมาแบบฟรีๆ เรียกได้ว่าดีลเดียวทำให้สโมสรมีงบประมาณในการทำทีมแบบเต็มสูบทันที แถมช่วยกระตุ้นให้ตลาดซื้อ-ขายนักเตะในศึก ไทย ลีก คึกคักขึ้นมาแบบเห็นได้ชัด

นอกจาก เควิน แล้ว ราชบุรี ยังคงเสาะหานักเตะลูกครึ่งเชื้อสายไทย ที่เข้ามาสั่นสะเทือนวงการฟุตบอลไทยได้อย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือ ฟิลิป โรลเลอร์ แบ็คขวาที่เกิดและเติบโตในประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นผลผลิตจากสโมสร เอสเอสวี อูล์ม ผ่านการเล่นในลีกยุโรปมาอย่างโชกโชนกับหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น อูล์ม (เยอรมัน), กราสฮอปเปอร์ ซูริค ยู-18-21 (สวิตเซอร์แลนด์) และ ออสเตรีย ลุสเตเนา (ออสเตรีย) เป็นต้น ใช้เวลาห่างจากดีลของ เควิน ในการเสาะหาเพียงแค่ราวครึ่งปี

ผลงานของ โรลเลอร์ ในตำแหน่งแบ็คขวานั้นน่าประทับใจอย่างมาก ก้าวไปเป็นขวัญใจแฟนบอล ราชันย์มังกร จนได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีม โดดเด่นทั้งเกมรุกและเกมรับ มีความมุ่งมั่นในสนามแบบเกินร้อย ฟอร์มคงเส้นคงวาไว้ใจได้ จนสุดท้ายก็ไปเตะตา การท่าเรือ เอฟซี อีกครั้ง

สุดท้ายแล้ว โรลเลอร์ ถูกซื้อตัวไปด้วยเม็ดเงินราว 30 ล้านบาท เพื่อไปเล่นในถิ่น แพท สเตเดี้ยม ในปี 2021 เป็นอีกดีลที่สร้างกำไรให้กับต้นสังกัด ราชบุรี ได้แบบมหาศาลอีกครั้ง เพราะได้ตัวมาแบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียค่าตัวในการย้ายสังกัดมาตอนแรก นับรวมสองดีลฟันกำไรไปเหนาะๆ ราว 70 ล้านบาทเลยทีเดียว

ดีลล่าสุดที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ โจนาธาร เข็มดี เซ็นเตอร์แบ็คลูกครึ่ง ไทย-เดนมาร์ก ที่เป็นผลผลิตของสโมสร โอเดนเซ่ ซึ่งทาง ราชบุรี คว้าตัวเขามาได้แบบฟรีๆ อีกครั้งในเดือนมกราคม 2023 หลังจากมีแถลงการณ์จากต้นสังกัดที่ยืมตัวเขาไปในตอนนั้นยกเลิกสัญญา และต่อมาโอเดนเซ่ก็ยกเลิกสัญญาแยกทางกันอีกที

ปัจจุบัน โจนาธาร กลายเป็นกำลังหลักในแนวรับให้กับ ราชันย์มังกร เล่นได้อย่างแข็งแกร่งดุดัน แพสชั่นแต่ละเกมมาแบบเกินร้อย ซึ่งดาวเตะรายนี้ก็ถูกคาดหวังว่าจะก้าวไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ในอนาคตอันใกล้ หากสามารถรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ได้

สิ่งที่น่าชื่นชมบอร์ดบริหารของ ราชบุรี นั้นไม่ได้เป็นมุมเกี่ยวกับการเสาะหานักเตะลูกครึ่งเพียงอย่างเดียว แต่นับรวมถึงการดูแลฟูมฟัก พยายามช่วยให้ลูกทีมของพวกเขาปรับตัวเข้ากับฟุตบอลในประเทศไทยได้ทีละเล็กทีละน้อย เห็นได้ชัดจากเคสของ โจนาธาร ที่ตอนแรกดูเหมือนจะมีทัศนคติที่แตกต่างจากการเติบโตมาในยุโรปอยู่บ้าง แต่พอมาถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นวัฒนธรรมไทย ที่แตกต่างกันได้ดีขึ้นมาก

ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่ได้มองถึงดีลแค่นักเตะเพียงอย่างเดียว แต่มองถึงการดึงโค้ชต่างชาติมาคุมทัพ ราชบุรี ก็แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ตาคมไม่แพ้กัน เพราะการดึงตัวเฮดโค้ชของบอร์ดบริการมาทำทีมหลายต่อหลายราย บางคนนั้นก็ไปลงเอยกับทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง บีจี ในภายหลัง

อาคันตุกะจอมใช้โค้ชต่างชาติ

ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2014 ราชบุรี ดึงตัว ริคาร์โด โรดริเกซ (Ricardo Rodriguez) กุนซือชาวสเปน ที่มีโปรไฟลฺ์ผ่านการคุมทีมอย่าง กิโรน่า และ ซาอุดิอาระเบีย ยู-17 เข้ามาทำทีม แล้วปรากฎว่า ผลงานกลับไปได้ดีเกินคาด จบฤดูกาลในอันดับที่ 4 จนหลายทีมยักษ์ใหญ่จ้องจะคว้าตัวไปคุมทีมตาเป็นมัน

แล้วก็เป็นทาง บางกอก กลาส ที่คว้าตัว โรดริเกซ ไปรับตำแหน่งต่อจาก โค้ชจุ่น-อนุรักษ์ ศรีเกิด ในเดือนพฤศจิกายนปี 2015 แต่ก็อยู่กับทีมได้เพียงฤดูกาลเดียว เนื่องจากพาทีมทำผลงานได้ไม่เป็นไปตามเป้า ด้วยการจบในอันดับที่ 6 ของตาราง ซึ่งเป็นกุนซือที่ทาง บีจี ดึงตัวไปจาก ราชบุรี ปัจจุบัน โรดริเกซ ย้ายไปคุมทัพ อู๋ฮั่น ทรีทาวน์ ในศึก ไชนีส ซูเปอร์ลีก

ทางฝั่ง ราชบุรี ที่เสียกุนซือคนสำคัญไปก็ยังคงเชื่อมั่นในแนวทางการใช้โค้ชสเปนต่อเนื่อง ไปคว้าตัวเอา อเล็กซ์ โกเมซ (Alex Gomez) มาทำทีมแทน โรดริเกซ แต่ผลงานไม่ปัง ก่อนจะมาได้ตัว โจเซป แฟร์เร (Josep Ferre) อดีตโค้ชของ บุรีรัมย์ บี มาทำทีมช่วงต้นปี 2015 ซึ่งผลงานก็อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ พาทีมจบฤดูกาลในอันดับที่ 7 ของตาราง ก่อนจะแยกทางกันไปในฤดูกาลต่อมา

อย่างไรก็ตามจากดีกรีของ แฟร์เร และประสบการณ์ที่เคยได้ทำงานใน ไทย ลีก ก็ได้ย้ายไปอยู่กับ บีจี ปทุม ในตำแหน่งผู้ช่วยของ ออเรลิโอ วิดมาร์ ในปี 2016 ก่อนจะถูกดันขึ้นไปเป็นเฮดโค้ชแบบเต็มตัวในปี 2017 แต่ผลงานกลับน่าผิดหวังจนต้องแยกทางกันไป หลังจากอยู่ในตำแหน่งได้เพียง 4 เดือนเศษ นับเป็นโค้ชรายที่สองที่ทาง บีจี ใช้งานต่อจาก ราชบุรี

แต่ใช่ว่าเป็นทางฝั่ง บีจี จะรอสอยโค้ชเก่าของ ราชบุรี มาคุมทัพเพียงฝ่ายเดียว แต่ทาง ราชันมังกร ก็เคยคว้าตัว ชาบี โมโร่ (Xavi Moro) อดีตผู้ช่วยของ กระต่ายแก้ว ช่วงปี 2017-2018 มาคุมทัพเช่นกันในปี 2022 ผต่ผลงานก็ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก จนต้องแยกทางกันไปในเวลาต่อมา แล้วทาง โมโร่ นี่เองที่เป็นคนพา ราชบุรี พ่ายในรอบรองชนะเลิศศึก รีโว่ ลีก คัพ ฤดูกาลก่อนให้กับ บีจี ของ โค้ชบอย-ศุภชัย คมศิลป์ 1-2 ส่งทาง กระต่ายแก้ว ไปเข้าชิงกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

การปะทะกันที่ไม่มีใครยอมใคร

หากจะย้อนกลับไปถึงเกมสุดมันระหว่าง ราชบุรี ปะทะกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แฟนบอลของทั้งสองทีม น่าจะนึกถึงเกมลีกในเดือน เมษายน ปี 2016 ที่เป็นทาง ราชันย์มังกร ที่ยังใช้รังเหย้าเป็นสนามกีฬากลาง พลิกนรกตามหลัง 3 ครั้ง ก่อนพลิกมาแซงชนะได้ 4-3

เกมดังกล่าว บีจี ที่ยังใช้ชื่อว่า บางกอกกลาส ได้ประตูออกนำไปก่อน 2-0 จาก บดินทร์ ผาลา และ แอเรียล โรดริเกซ ก่อนที่ทาง ทาคุยะ มุรายามะ และ แฮร์เบอร์ตี้ แฟร์นานเดซ จะมายิงสองประตูไล่ตามตีเสมอก่อนจบครึ่งแรกเป็น 2-2

เริ่มต้นครึ่งหลังมา แอเรียล กองหน้าทีมชาติคอสตาริกา ก็มาแผลงฤทธิ์ยิงให้ บางกอกกลาส ได้ประตูขึ้นนำเป็น 3-2 แต่เกมยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะทาง แฮร์เบอร์ตี้ ไม่ยอมง่ายๆ เหมายิงคนเดียวอีกสองประตู ทำแฮตทริกในเกมนั้นได้สำเร็จ พาทาง ราชบุรี พลิกชนะไปแบบสุดมัน 4-3 หลังจากนั้นการเจอกันของทั้งสองทีมก็ยิงกระจายมาตลอด ไม่เคยมีเกมไหนเลยที่จะจบลงด้วยการเสมอกันไปแบบไร้สกอร์

สำหรับการเจอกัน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม ปรากฎว่า เป็นทางฝั้่งทีมเยือน บีจี ที่ทำได้ดีกว่าชัดเจนในช่วงหลัง ด้วยการเก็บชัยชนะไปได้ถึง 4 เกม และแพ้ไปเพียงแค่เกมเดียว ซึ่งแมตช์ล่าสุดในศึก รีโว่ ลีก คัพ ก็เพิ่งจะบุกไปถล่มมาหมาดๆ เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนด้วยสกอร์ 3-0

สภาพความพร้อมของเจ้าถิ่น ราชบุรี ในเกมนี้ ไม่มีตัวผู้เล่นติดโทษแบนแม้แต่รายเดียว แต่จะขาดผู้เล่นที่บาดเจ็บยาวหลายราย ประกอบไปด้วย โชติภัทร พุ่มแก้ว, เอ็นจิว่า ราโคโตฮาริมาลาล่า, ฟาอิก โบลเกียห์ และ จักรพันธ์ แก้วพรม ส่วนในรายของ ศิวกร จักขุปราสาท ต้องรอเช็คความฟิตจนถึงนาทีสุดท้าย แต่แนวรุกตัวอันตรายอย่าง กรวิชญ์ ทะสา และ ไทรอนน์ ยังอยู่กันพร้อมหน้า เช่นเดียวกับ โจนาธาร เข็มดี แนวรับคนสำคัญ

ทางฝั่งทีมเยือน บีจี ไม่มีผู้เล่นติดโทษแบนเช่นกัน แต่ยังคงอดใช้งาน อีกอร์ เซอร์เกเยฟ และ เซย์ดีน เอ็นดิอาเย่ ที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บยาว แล้วกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นอยู่ทั้งคู่ นอกเหนือจากรายชื่อที่กล่าวมาพร้อมลงสนามให้กับทีมได้ทั้งหมด นำทัพมาโดยเพลย์เมคเกอร์ตัวเก่ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่เพิ่งเหมายิงคนเดียวสองประตูในการเจอกันครั้งล่าสุด

สุดท้ายแล้วต้อมารอลุ้นกันว่าเจ้าถิ่น ราชบุรี จะถอนแค้น บีจี ผู้มาเยือนได้หรือไม่? ในเกมลีกช่วงค่ำวันเสาร์นี้ที่จะลงเตะกันในเวลา 19.00 นาฬิกา หรือจะเป็นทางฝั่ง กระต่ายแก้ว ที่บุกมาย้ำแค้นเก็บชัยชนะไปได้อีกครั้ง พร้อมทำสถิติไม่พ่ายให้กับ ราชันย์มังกร ติดต่อกันเป็นเกมที่ 5

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

https://thinkcurve.co/chuue-cchringcchaaycchring-10-andabnaketaaithykhaatawaephngthiisudainprawatisaastr/

https://www.transfermarkt.com/

https://www.facebook.com/watch/?v=224255828637668