ระบบดีใครเล่นก็ได้ : วิเคราะห์ฟอร์ม ‘บุรีรัมย์’ คว้าชัยพร้อมแจ้งเกิด ‘ธวัชชัย’ เต็มตัว

หลังจากผ่านช่วงเบรคทีมชาติตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ ที่โปรแกรมฟุตบอล ไทยลีก จำเป็นต้องหยุดพักเพื่อหลีกทางให้ขุนพลฝีเท้าไม่ธรรมดา ได้มีโอกาสเดินทางแยกย้ายกันไปรับใช้ชาติบ้านเกิดของตัวเอง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของตำแหน่ง ทริปเปิ้ล แชมป์ ซีซั่นก่อน ย่อมต้องปล่อยผู้เล่นตัวหลักของเขาออกไปหลายต่อหลายคน

แน่นอนว่าแฟนบอล GU12 อาจมีความรู้สึกเป็นกังวลกันอยู่บ้าง ก่อนเกมที่จะเปิดบ้านรับมือ ตราด เอฟซี ในเรื่องของสภาพความพร้อมของนักเตะ และฟอร์มการเล่นที่อาจสะดุดได้ ทั้งที่กำลังติดเครื่องได้อย่างร้อนแรงในยุคของ อาเธอร์ ปาปาส ที่ยังพาไร้พ่ายมาทุกเกมที่เขารับบทบาทกุนซือ

ยิ่งไปกว่านั้นเกมนี้ ปาปาส ยังเซอร์ไพรส์แฟนบอลด้วยการเสี่ยงส่ง ‘ฟลุ๊ค-ธวัชชัย อินทร์ประโคน’ ดาวรุ่งวัยแค่ 20 ปี ลงสนามเป็น 11 ตัวจริงในตำแหน่งปีกขวา แทนที่ของ นิโคเลา คาร์โดโซ่ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนไปก่อนหน้านี้

กลายเป็นว่าผลงานของ ปราสาทสายฟ้า ได้ทั้งผลการแข่งขันที่ต้องการ ด้วยการถล่มเอาชนะ ช้างขาวจ้าวเกาะ ไปขาดลอย 4-0 แถมยังมีเรื่องที่น่าประทับใจอีกหลายประเด็นให้พูดถึงกันอีกยาวๆ รายละเอียดดังกล่าวเกี่ยวกับเกมที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้าง? ร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

ขาดตัวหลักไม่ขาดใจ

สัปดาห์นี้แฟนบอล GU12 มีเรื่องประทับใจให้ได้ยิ้มกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การที่ เรบิน ซูลาก้า เปิดปากถึงความสัมพันธ์กับอดีตต้นสังกัดหลังย้ายออกไปครั้งแรก แถมทุกเรื่องราวออกมาในทิศทางที่เป็นบวกทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความรักของเขาต่อทีมเช่นเดิมแบบไม่มีเปลี่ยนแปลง

ต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวกับทีมใหม่สักทีของ แบงค์-ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา แนวรุกวัย 21 ปี ตัวท็อปที่เป็น วันเดอร์ คิดส์ ที่ถูกปลุกปั้นมาจากอคาเดมี่ ปราสาทสายฟ้า แท้ๆ ซึ่งชื่อของเขาก็กลายเป็นขุนพลหน้าใหม่ของสโมสร โอเอช ลูเวิน สโมสรในลีกสูงสุดประเทศเบลเยี่ยมอย่างเป็นทางการ แถมไม่ได้อยู่ในชุดยู-23 แต่กลับเป็นชุดใหญ่ของทีมอีกด้วย

คลิปสัมภาษณ์ของ แบงค์ กับ โอเอช ลูเวิน

ก่อนหน้านี้ประเด็นของ ศุภณัฏฐ์ กลายเป็นสิ่งที่แฟนบอล บุรีรัมย์ และ ทีมชาติไทย เป็นห่วงกันพอสมควร เพราะเดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทยเสียนาน เนื่องจากต้องดำเนินการเรื่องเอกสารย้ายทีมให้เรียบร้อย จนหลายคนเป็นห่วงว่าตกลงดีลนี้จะล่มลงหรือไม่? ถ้าล่มไปก็น่าเสียดายที่ บุรีรัมย์ จะไม่ได้ใช้นักเตะตัวท็อปของทีมที่เสียเวลาไปเปล่าๆ ซึ่งตอนนี้ทีมก็กำลังมีปัญหาเรื่องตัวเจ็บในตำแหน่งนี้พอดิบพอดี

แต่ในเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นมีการยืนยันจากทางสโมสรปลายทาง ทุกฝ่ายก็ได้ฉีกยิ้มกันแก้มปริทั้งตัวนักเตะ, แฟนบอล และต้นสังกัด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับดาวรุ่งที่มีชื่อว่า ‘ฟลุ๊ค-ธวัชชัย อินทร์ประโคน’ ได้โอกาสลงเป็นตัวจริงในช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังเคยได้ลงเล่นมาแล้วเมื่อฤดูกาลก่อน และมีการทำแอสซิสต์ได้ด้วย

เกมที่เจอกับ ตราด เอฟซี ทางตัวกุนซือย่าง ปาปาส ยังคงยึดระบบการเล่นแบบเดิม คือ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นชัดๆ ตรงตำแหน่งตัวริมเส้นด้านขวา ที่เลือกให้โอกาส ธวัชชัย ลงเป็นตัวจริง และตำแหน่งกองกลางตัวรุกก็มีการพัก โกรัน เคาซิช แล้วใช้งาน นิว-พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่หลุดเป็นตัวสำรองในช่วงหลังกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง

กลายเป็นว่า ธวัชชัย กลายเป็นฮีโร่ยิงประตูคลายความกดดันให้ทีมออกนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 15 และ พีรดนย์ ที่คัมแบ็คกลับมายิงประตูให้ทีมทิ้งห่าง 3-0 ในนาทีที่ 44 ก่อนจบครึ่งแรก เรียกว่า ‘เรียบร้อยช้อยเก็บฉาก’ ไม่เหลือมุมให้ทีมเยือนได้ลุ้นแบ่งแต้มกลับไปเลย เพราะรูปเกมก็เป็นรองชัดเจน และจำนวนประตูก็ตามหลังถึงสามลูก

ก่อนหน้านี้ ปาปาส เคยพูดถึงภาพรวมที่เขาต้องการเอาไว้ว่า

"ผมย้ำกับลูกทีมว่าเราต้องเล่นให้ได้ตลอด 90 นาที ไม่ใช่เล่นแค่ 45 นาทีแรก ก็ต้องชื่นชมนักเตะที่ถูกส่งลงไปแล้วทำหน้าที่ได้ดี"

พอเกมเข้าสู่ในครึ่งหลัง บุรีรัมย์ อาจตั้งใจผ่อนเกมลงมาเล็กน้อย เนื่องจากต้องคำนึงถึงสภาพสนามที่มีฝนตกลงมาแล้วลื่นมาก นักเตะเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บได้สูงมากกว่าปกติ แต่เพิ่มเรื่องของความรัดกุมเข้ามาแทน แต่ก็ยังยิงเพิ่มได้อีกหนึ่งลูก และรักษาคลีนชีทได้อีกหนึ่งเกม นับจนถึงตอนนี้ยังไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียวในเกมลีกซีซั่นนี้

ไม่ว่าจะขาดขุมกำลังหลักไปมากแค่ไหน ทั้งคนที่ย้ายทีมออกไปเพื่อแสวงหาความก้าวหน้าในอาชีพ หรือหายหน้าหายตาไปเพราะอาการบาดเจ็บ แต่ภาพรวมในการเล่นของ บุรีรัมย์ ยังคงน่ากลัวเช่นเดิม เพราะว่า ปาปาส ได้วางโครงสร้างเรื่องนี้ไว้ว่า…

ระบบทีมดีใครเล่นก็ได้

การต่อยอดของ ปาปาส นั้นเป็นการพัฒนาสิ่งที่ มาซาทาดะ อิชิอิ เคยพัฒนาขุมกำลังของ บุรีรัมย์ ให้เข้าใจพื้นฐานเรื่องการเล่นเกมเพรสซิ่งสูงในแดนบน แล้วหาจังหวะเล่นงานคู่แข่ง ด้วยการฉวยโอกาสทำประตูให้รวดเร็วขึ้นมาอีกขั้นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวผู้เล่นหน้าเดิมๆ อย่าง ลอนซาน่า ดุมบูย่า, พีรดนย์, รัตนากร ใหม่คามิ และ ศศลักษณ์ ไหประโคน วิ่งไล่บี้ไล่บดคู่แข่งแบบเป็นบ้าเป็นหลังตลอด 90 นาที รวมไปถึงแนวรับและผู้รักษาประตูอย่าง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ที่เล่นได้อย่างแน่นอนเหนียวหนึบ แล้วเป็นที่มาของการโต้กลับเร็วจนได้ประตูออกนำ 4-0 กลายเป็นเกมที่พวกเขายิงคู่แข่งได้มากสุดในซีซั่นนี้

ผลงานของ รามิล เชย์ดาเยฟ โควต้าต่างชาติที่พกดีกรีดาวซัลโวลีก อาเซอร์ไบจาน มาจากสโมสร คาราบัค เริ่มแสดงพิษสงให้เห็นถึงความอันตรายในการเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเกมนี้ก็จัดแอสซิสต์งามๆ ไปถึงสองครั้ง ยังไม่นับรวมถึงจังหวะป่วนกองหลัง ตราด เอฟซี จนหัวปั่นตลอดทั้งเกม

พอสถานการณ์ของทีมนำห่างไปไกล ปาปาส ก็มีการเปลี่ยนเอาตัวหลักอย่าง ธีราทร, ดุมบูย่า, สุพร ปีนะกาตาโพธิ์, ธวัชชัย และ เชย์ดาเยฟ ออกไปพัก แล้วส่งตัวสำรองอย่าง คาร์โดโซ่, เสกสรรค์ ราตรี, พรรษา เหมวิบูลย์, ธนกฤติ โชติเมืองปัก และ ปิยวัฒน์ เปตรา ลงมาทำหน้าที่แทน พร้อมเปลี่ยนแทคติกส์ขยับเอา ดิออน คูลส์ ไปยืนเป็นแบ็คขวาอีกครั้ง รวมไปถึงการสลับตำแหน่งในแนวรุกกันแบบอิสระ

การตัดสินใจทดลองเล่นแบบนี้ในเกมจริงของ ปาปาส คงเป็นการเตรียมขุมกำลัง และเพิ่มความยืดหยุ่นเรื่อง Squad Depth ให้ทาง บุรีรัมย์ มีตัวผู้เล่นที่สามารถใข้งานในเกมจริงได้ทุกคนในทีมชุดใหญ่ หากมีตัวหลักคนไหนบาดเจ็บหรือย้ายทีมไป พร้อมมีตัวแทนขึ้นมาอุดช่องโหว่ได้แบบไร้รอยต่อ

เพราะเขากำลังมองถึงการเล่นสู้ศึกในระดับเอเชียอย่างถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เป็นเป้าหมายหลัก ที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่าต้องไปได้ไกลกว่าเดิมเพื่อให้แฟนบอลได้ชื่นใจและเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเคยเปรยเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า

“แฟนบอลมาดูเรามันก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ผมรู้มาก่อนหน้านี้ว่าแฟนบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นแฟนบอลที่น่ารัก และอบอุ่น เป็นที่พูดถึงในระดับเอเชียเลย แน่นอนว่าผมจะทำผลงานให้ดีเพื่อให้แฟนบอลได้มีความสุข”

มองจากภาพรวมตอนนี้ภาพจำของ อิชิอิ ยังคงเป็นมาตรฐานที่ทาง ปาปาส เทียบเคียงได้ยากก็จริง แต่พัฒนาการในการทำทีมที่เขาแสดงให้กับแฟนบอลและบอร์ดบริหาได้เห็นหลายเกมที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่า ‘มีของ’ สมกับที่เคยเป็นผู้ช่วยของ ‘อังเก้ ปอสเตโคกลู’ ที่พาทีม โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส คว้าแชมป์ เจลีก มาครองได้สำเร็จจริงๆ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การชมเกมถ่ายทอดสด

https://www.buriramunited.com/main_news/detail/1337

บทความที่เกี่ยวข้อง :

สัมภาษณ์ ‘ซูลาก้า’ ครั้งแรกหลังย้ายทีม : ทุกเรื่องลับเกี่ยวกับ ‘บุรีรัมย์, อิชิอิ และ ทีมชาติไทย’

เก่งเทคนิค ไม่เก่งแท็คติก : ซูลาก้า วิเคราะห์ไทยชุดคิงส์ คัพ ละเอียดยิบ

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด