ส.บอลเกาหลีใต้เสียหน้าครั้งใหญ่ เรียกนักเตะคุณสมบัติต้องห้ามไปเอเชียนเกมส์
สมาคมฟุตบอลของแต่ละประเทศไม่เพียงกำหนดกฎเกณฑ์ที่เป็นสากล แต่ยังมีข้อบังคับเฉพาะที่ถูกออกแบบให้เข้ากับวัฒนธรรมของชาติตัวเอง หนึ่งในนั้นคือ สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ หรือ KFA
KFA ได้บัญญัติกฎข้อหนึ่งเกี่ยวกับคุณสมบัติของนักเตะไว้ว่า นักเตะที่ถูกจับในข้อหาเมาแล้วขับ และถูกปรับเงินตั้งแต่ 5 ล้านวอนขึ้นไป (135,000 บาท) จะไม่สามารถลงเล่นกับทีมชาติได้เป็นเวลา 3 ปี
ล่าสุดเรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมฟุตบอลแดนโสมขาว เมื่อทีมชาติเกาหลีใต้ชุดทำศึกเอเชียนเกมส์ 2023 ที่ประเทศจีน ดันมีชื่อของ อี ซาง-มิน ที่เคยมีประวัติถูกจับเมาแล้วขับ เป็นหนึ่งในขุนพลของทีมชุดนี้ด้วย
ย้อนกลับไปเดือนพฤษภาคม ปี 2020 อี ซาง-มิน ซึ่งตอนนั้นเล่นอยู่กับ ชองนัม อาซาน ในเคลีก 2 ถูกจับฐานขับรถโดยมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกฎหมายกำหนด และถูกศาลตัดสินให้จ่ายค่าปรับ 5 ล้านวอน ในวันที่ 5 สิงหาคมของปีเดียวกัน
เท่ากับว่า อี ซาง-มิน จะไม่สามารถติดทีมชาติเกาหลีใต้ได้จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม ปี 2023 แต่ปรากฎว่า เขากลับได้ลงเล่นกับทีมชาติ U23 จำนวน 2 เกม ในระหว่างที่โดนแบนอยู่ โดยที่หลุดลอดสายตาจากเจ้าหน้าที่สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้
แต่คราวนี้เมื่อ อี ซาง-มิน ถูกเรียกติดทีมชาติชุดเอเชียนเกมส์ แฟนบอลเกาหลีใต้ก็พากันออกมาประท้วงทันที จนสุดท้าย KFA ต้องถอดชื่อ อี ซาง-มิน ออกจากทีมชุดลุยศึกหางโจวเกมส์ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษทุกฝ่ายต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
“KFA รับรู้ถึงการเรียกนักเตะที่ไม่สอดคล้องกับข้อบังคับของสมาคม เข้ามาติดทีมชาติชุดเอเชียนเกมส์ เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต” แถลงการณ์ของ ชอง มง-กยู ประธาน KFA
ความผิดพลาดครั้งนี้ยังส่งผลกระทบต่อภารกิจป้องกันเหรียญทองของทีมชาติเกาหลีใต้ด้วย เพราะคณะกรรมการโอลิมปิคเอเชียอนุญาตให้ปรับเปลี่ยนรายชื่อนักเตะ กรณีที่มีนักเตะในทีมได้รับบาดเจ็บ หรือด้วยเหตุการณ์ทางการแพทย์เท่านั้น
มันชัดเจนว่ากรณีของ อี ซาง-มิน ไม่รวมอยู่ในข้อกำหนด เท่ากับว่า เกาหลีใต้อาจเสียโควตานักเตะในทีมไปฟรี ๆ หนึ่งราย แต่ KFA ก็จะพยายามยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการโอลิมปิคเอเชีย เพื่อขอเรียกนักเตะคนอื่นเข้ามาแทนเป็นกรณีพิเศษ ก่อนจะถึงเดดไลน์เปลี่ยนรายชื่อนักเตะในวันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งว่ากันตามตรงโอกาสอุทธรณ์สำเร็จมีน้อยจริง ๆ