สองนัดสองแต้ม : บีจี ขาดอะไรถึงเล่นไม่สมราคาเต็งแชมป์

ศึกไทยลีกเข้าสู่การแข่งขันสัปดาห์ที่สองกันแล้ว ซึ่งตัวเต็งในการลุ้นแชมป์ในซีซั่นนี้่ก่อนเปิดฤดูกาลอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ดูเหมือนว่า อาการจะค่อนข้างน่าเป็นห่วงไม่น้อย หลังลงสนามไปแล้ว 2 นัด เก็บมาได้เพียงแค่ 2 แต้ม

นัดแรกบุกไปเยือนถิ่น โปลิศ เทโร ทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการล้มยักษ์ เสมอกันไปแบบสุดมัน 2-2 ยังพอเข้าใจได้ แต่มาถึงเกมนัดล่าสุดที่กลับมาเล่นในรัง บีจี สเตเดี้ยม แฟนบอลเข้ามาลุ้นมาเชียร์กันมากพอสมควร ทุกคนหมายมั่นปั้นมือว่า เกมนี้แหละที่ทีมรักจะเก็บสามแต้มเป็นเกมแรกในฤดูกาล สุดท้ายต้องผิดหวังคอตกเดินกลับบ้านไปตามๆ กัน หลังพลพรรคกระต่ายแก้วทำได้แค่เสมอกับ พีที ประจวบ เอฟซี 0-0 ด้วยรูปเกมที่จืดสนิท

ความคาดหวังถึงตำแหน่งแชมป์จากแฟนบอลจะไม่สูงขนาดนี้เลย หากคุณ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ไม่ทุ่มคลังเสริมทัพแบบเต็มพิกัด ด้วยงบประมาณรวมๆ ไม่น่าจะต่ำกว่า 100 ล้านบาท แลกกับการได้ตัว ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติไทยดีกรีแข้งเจลีก, เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ กองกลางสถิติสุดโหด และ อิกอร์ เซอเกเยฟ หน้าเป้าทีมชาติอุซเบกิสถาน เรียกว่า ใครเห็นขุมกำลังก็ว่า ‘เต็งแชมป์’ แน่นอน

เหตุผลที่ลูกทีมของ โค้ชธง-ธงชัย สุขโกกี ยังทำผลงานได้ไม่เข้าตาคืออะไร? พวกเขาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจุดไหนให้ทีมดีขึ้น? สิ่งที่พวกเขายังขาดไปคืออะไร? ร่วมวิเคราะห์หาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

แท็คติกที่ยังสับสน

แน่นอนว่าระบบการเล่นที่ โค้ชธง จัดทีมลงสนามในเกมที่ออกไปเยือน โปลิศ เทโร ในสัปดาห์แรก คือ 4-3-3 ซึ่งมิติเกมรุกที่ขาดหายไปชัดเจนเป็นเรื่องของการที่ทีมไม่มีตัวริมเส้น เน้นยัดกองหน้าตัวเป้าลงมาในแดนบนถึงสามคน หวังให้กองกลางอย่าง ชนาธิป-สารัช และ พิธิวัต ออกบอลทะลุทะลวงไปให้ถึงเป้าหมาย ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็จบลงที่การเสมอ 2-2 เก็บหนึ่งแต้มมาแบบรากเลือด

ดังนั้นเกมนี้ โค้ชธง จึงมีการปรับแก้ระบบการเล่น ให้มีความสอดคล้องกับตัวผู้เล่นที่มีในมือ โดยตอนนนี้ตำแหน่งกองกลางและกองหน้ามีให้เลือกใช้หลากหลาย แต่ตัวผู้เล่นที่บาดเจ็บอยู๋นั้น กลายเป็นตำแหน่งสำคัญอย่างปีกและกองหลัง

ระบบที่ออกมาเลยเป็น 3-5-2 มีกองหนัาตัวเป้าเป็น ธีรศิลป์ แดงดา จับคู่กับ อิกอร์ เซอเกเยฟ กองกลางสามคนตรงกลางเป็น ชนาธิป-อัลวาเรซ และ สารัช ส่วนหน้าที่วิงแบ็คฝั่งซ้ายเป็น พิธิวัต และฝั่งขวาเป็น ไรฮัน สจ๊วร์ต ซึ่งแฟนบอลคงรู้สึกแปลกตากับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น้อย

แต่ทาง โค้ชธง ได้ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมถึงประเด็นนี้ไว้ว่า

“เกมที่สองเราปรับระบบวิธีการเล่นให้สอดคล้องกับนักเตะที่มีอยู่นะครับตอนนี้ ด้วยคุณภาพของนักเตะที่เรามีอยู่ค่อนข้างดี แล้วก็มันอาจจะไม่เหมาะกับการเล่น ระบบ 4-3-3 เกมนี้เลยปรับมาเล่นระบบ 3-5-2 นะครับ...เด็กๆ ก็ทำได้ดีนะครับทำได้ดีกว่าเกมแรก

“แต่เรื่องของการตัดสินใจ (Decision) หรือจังหวะทรานซิชั่น (Transition) ยังมีปัญหา รวมไปถึงเรื่องของการจบสกอร์ที่ยังต้องแก้ไข”

“ตอนนี้การเปลี่ยนตัวหรือว่าการจัดทัพ ส่วนหนึ่งก็เป็นการแก้ไขด้วย มันเป็นเรื่องของ นักเตะบาดเจ็บค่อนข้างเยอะ นะครับ อย่างวันนี้ ดานิโล่ เราใส่ชื่อมาหลายคนสงสัย เขายังเจ็บ ครับ แต่ใส่ส่ชื่อมาเพราะว่าตัวผู้เล่นไม่พอ เรนาโต้ เครดิต ก็มีการบาดเจ็บจ้องพักประมาณสามสัปดาห์”

อย่างไรก็ตาม โค้ชธง มองว่าทรัพยากรที่เขามีอยู่ในมือนั้นยังเพียงพอ แต่ตัวเขาต้องทำงานให้หนักขึ้น เพื่อบริหารจัดการนักเตะที่มีอยู่ ให้เจอกับส่วนผสมที่ลงตัวต่อไป ต้องกลับไปแก้ไขจุดบกพร่องของทีมที่มองเห็น แล้วต้องทำให้มันเกิดขึ้นโดยเร็วด้วยเช่นกัน

ทีมเวิร์คที่ขาดหายไป

การเล่นของ บีจี ปทุม ที่เห็นในสนามตอนนี้ ทุกคนที่ได้ชมเกมต้องยอมรับกันตามตรงว่า ทีมเวิร์คและการประสานงานของนักเตะนั้นค่อนข้างมีปัญหา เหมือนเอาทีมรวมดาราคนเก่งมาเล่นด้วยกัน แต่เหมือนไม่เคยซ้อมทีมกันมาก่อน

จังหวะการต่อบอลสั้น การวิ่งช่อง และ การสร้างจังหวะเกมรุกต่างๆ ดูเหมือนว่าจะสับสนและขาดความเข้าใจ แต่ละคนคิดกันไปคนละทาง เสียบอลกลางทางแบบไม่น่าเสียหลายจังหวะ โอกาสในการทำประตูในแดนหน้า แทบจะมาจากความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะล้วนๆ

เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่ทาง โค้ชธง จำเป็นต้องปรับจูนให้ผู้เล่นชั้นยอดที่เขามีอยู่ในมือ มีความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นแฟนบอลและบอร์ดบริหารจะเกิดความกังขาและสงสัยในฝีมือได้ แล้วหลังเกมก็ไม่พ้นถูกสื่อยิงคำถามถึงสถานการณ์ที่อาจเจอกับโมเมนต์เก้าอี้ร้อน โดยเขาได้ตอบกลับไปว่า

"แฟนบอลมีสิทธิ์ตั้งคำถาม สงสัยในการทำงานเป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะว่าผมก็ต้องยอมรับว่า ผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นสองเกมกับทีมใหญ่อย่าง บีจี ที่เก็บได้เพียงสองแต้ม มันไม่ตรงตามที่ต้องการที่ตั้งเป้าไว้อยู่แล้ว”

“อย่างที่บอกครับผมพร้อมช่วยทีมเสมอ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมมองว่าผมไม่เหมาะสม อันนั้นผมก็น้อมรับครับ"

ด้วยการลงทุนที่มหาศาลของบอร์ดบริหาร ขุมกำลังที่ดีระดับท็อปของประเทศ เมื่อผลงานไม่เป็นไปตามเป้า โค้ชธง ย่อมกลายเป็นเป้าเรื่องของฝีมือว่า “ถึงขั้น” หรือไม่? เป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องมาลุ้นกันว่าความอดทนของเขากับบอสใหญ่ของทีมใครจะหมดก่อนกัน เพราะเชื่อว่าตอนนี้นาฬิกาเริ่มเข้าสู่การนับถอยหลังหาโค้ชใหม่แล้วแน่ๆ ขึ้นอยู่กับว่า เส้นตายนั้นถูกตั้งไว้ที่ให้โอกาสแก้ตัวอีกกี่เกมเท่านั้น

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การชมเกมถ่ายทอดสด

https://www.youtube.com/watch?v=0_upWKd8M98

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ประทุม ชูทอง : นักสู้มืออาชีพแห่งโลกบอลเดินสาย
เปิดใจ ‘เบ็ค-สมเกียรติ คุณมี’ : ทำไมตัวท็อป ‘ฟ็อกซ์ฮันท์’ ถึงเลือกเส้นทางบอลเดินสาย ?
‘ผักบุ้ง PBDS’ : หญิงแกร่งแห่งวงการฟุตบอลเดินสาย
‘ใหญ่ นิลวงษ์ ’: โค้ชจอมเลื่อนชั้นแห่ง T3 ที่คุมทีมเดินสายที่ชนะ 100%
สโมสร ‘แตงโม’ : ตำนานแชมป์เงินล้านบอลเดินสายสองปีติดทีมเดียวในประเทศไทย
ศราวุฒิ มาสุข : กับชีวิตใหม่ในเส้นทางฟุตบอลเดินสาย

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด