"Save ปาปาส" : โครงการที่เริ่มจากความสนุก..ตอนนี้ชักสยอง
ในช่วงกลาง ๆ เลกแรกวลี "Save ปาปาส" กลายเป็นวลีที่โดนหยิบมาหยอกเหย้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่น และว่ากันว่าตอนนี้ ปาปาส ไม่น่ารอด
อย่างไรก็ตาม บุรีรัมย์ ไม่ปลดเขา และผลงานทีมกลับค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เลกที่ 2 เริ่มไป 3 เกม บุรีรัมย์ ขึ้นจ่าฝูงได้เร็วเกินคาดจากการเป็นทีมเดียวที่ชนะทุกเกมที่ลงสนาม
นี่คือเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงจากทีมที่ที่พร้อมจะเสียแต้ม กลับมาเป็นทีมเขี้ยวลากดินอีกครั้ง ? ติดตามที่นี่
ประการแรกเลยทำไม ปาปาส ดวงแข็ง ?
จริง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องของการดวงแข็งอะไร เพียงเพราะในช่วงเลกแรก ปาปาส แม้ ปาปาส จะพาทีมตกรอบ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ผลงานโดยรวมไม่ได้แย่มาก เพียงแต่อาจจะตกมาตรฐานเดินไปบ้าง เนื่องจาก บุรีรัมย์ เป็นทีมที่แฟน ๆ จะคาดหวังให้ชนะในทุกสัปดาห์ที่ลงเเข่งขันอยู่แล้ว
ต่างกันตรงที่ยุคของ ปาปาส ด้วยความใหม่ที่เข้ามากลางทาง การมีคนเก่าอย่างมาซาทาดะ อิชิอิ ให้คอยเปรียบเทียบ รวมถึงการที่ บุรีรัมย์ เป็นทีมใหญ่ที่พร้อมโดนแฟนอื่นแซวตลอด ดังนั้นวลี Save ปาปาส จึงกลายเป็นวลีติดปากติดหูในเวลานั้น
แต่อันที่จริง บุรีรัมย์ ไม่ได้แย่นักในแง่ของภาพรวม เพราะพวกเขาแพ้ไปแค่เกมเดียวเท่านั้น ปัญหาใหญ่จริง ๆ ของทีมอยู่ที่การเสมอมากเกินไปถึง 6 เกม ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขากำลังมีปัญหาเรื่องการเเข้าทำและจบสกอร์อย่างหนัก ซึ่งสิ่งที่จะเปลี่ยนได้คือการต้องเปลี่ยนตัวรุกต่างชาติที่เป็นหัวใจสำคัญของทีมมาทุกยุค เพราะทั้ง นิโคเลา คาร์โดโซ่ และ รามิล เชย์ดาเยฟ มีปัญหาเยอะจริง ทั้งการเล่นไม่เข้ากับระบบทีม หรือการมีอิทธิพลต่อเกมบุกของทีมน้อยเกินไป
รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้ บุรีรัมย์ ไม่ได้ประตูตัดสินเกม การขาดทีเด็ดในพื้นที่สุดท้าย คือสิ่งที่ ปาปาส ถึงกับให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ยังไม่จบเลกแรกว่า "พวกเขาจะเปลี่ยนตัวรุกต่างชาติแน่นอน"
ซึ่งในระหว่างที่รู้ว่า รามิล และ นิโคเลา ใช้งานไม่ได้ ก็ถือว่าทีมปรับแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีในระดับหนึ่ง นั่นคือการประคองตัวแบบไม่ให้โดนจ่าฝูงทิ้งห่างมากเกินไป และแน่นอนที่สุดคือเกมสำคัญจริง ๆ ในการเยือน ทรู แบงค็อก ในเกมสุดท้ายเลกแรกที่พวกเขาบุกชนะ 1-0 .. ซึ่งในเกมนี้เป็นเกมจุดประกายความหวังการลุ้นเเชมป์ของทีมเลยก็ว่าได้ เพราะ บุรีรัมย์ ตามหลัง บียู แค่ 4 เเต้มเท่านั้น ก่อนที่เลก 2 จะเริม่ขึ้น
เลก 2 สยองขวัญ
การเสริมทัพถือเป็นของคู่กันของ บุรีรัมย์ อยู่แล้ว .. ถ้าไม่ดีคือเปลี่ยนเลย และเลก 2 พวกเขาแสดงออกอีกครั้งด้วยการจัดหนัก โดยมีนักเตะต่างชาติเข้ามาถึง 4 รายทั้ง เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส, เคนนี่ ดูกัล, ลูคัส คริสปิม และ กิลเยร์เม่ บิสโซลี่ ซึ่งทุกคนที่เอ่ยชื่อมาใช้งานได้จริงทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทาง บิสโซลี่ ที่เข้ามาแล้วเห็นความแตกต่างชัดมาก ในแง่ของคุณภาพเกม รวมถึงจำนวนประตูและ แอสซิสต์
การมี บิสโซลี่ ทำให้ เกมรุกของ บุรีรัมย์ หลากหลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บอลสุดท้ายไม่ตาย ไม่ตัน แตกต่างจากช่วงเลกแรก ที่เจ้าพื้นที่สุดท้ายไม่ได้ ต้องออกข้างและใช้การครอสเข้าโจมตีเป็นหลัก ซึ่งหลายๆ ครั้งก็โดนจับทางได้
ส่วนตัวรุกอย่าง ธนกฤต โชติเมืองปัก ที่เป็นเด็กปั้นของ อคาเดมี่สโมสร ที่ค่อย ๆ ถูกใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต้องบอกว่าปล่อยลงสนามถูกที่ถูกเวลา สร้างความแตกต่างได้เสมอ เป็นตัวริมเส้นที่จี๊ดจ๊าด ทักษะดี และที่สำคัญคือเป็นปีกในสไตล์ที่มองหาเพื่อนในกรอบเขตโทษก่อน ดังนั้นทีมจึงสร้างสรรค์โอกาสยิงประตูได้มากขึ้นจากเขาด้วย
ไม่ใช่แค่สองคนนี้เท่านั้น ทั้ง ทาบินาส ที่ลงมาแล้วเป็นของดีสารพัดประโยชน์ในเกมรับ หรือ ดูกัลล์ ที่โชว์ให้เห็นเลยว่าคลาสระดับทีมชาติออสเตรเลียเป็นอย่างไร เสียบอลยาก แข็งแกร่ง จ่ายบอลแม่น การเล่นเบสิค ๆ แบบนี้ เติมเต็มแดนกลางของ บุรีรัมย์ ได้เป็นอย่างดี
ฟุตบอลปาปาส ที่ตีบตัน อึดอัด เล่นไม่สนุก เจอจุดเปลี่ยนสำคัญมากจริง ๆ ในเลกที่ 2 ... จากนี้จะเป็นเรื่องของความสม่ำเสมอแล้วว่า บุรีรัมย์ จะทำได้ดีขนาดไหน
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือความฟิต ความเร็ว และขนาดทีมที่ใหญ่ขึ้น คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้โครงการ "เซฟปาปาส" ของแฟนบอลทีมอื่น ๆ น่าจะ
"สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือนักเตะของเรามีสภาพร่างกายที่ดีกว่าในเลกแรก ทุกคนรู้วิธีที่จะทำให้เรากลับมาชนะได้ ต้องยกความดีความชอบในชัยชนะนัดนี้ให้กับนักเตะทุกคน เกมในเลกที่ 2 เราต้องมีทีมที่แข็งแกร่งขึ้น เพราะเราต้องการที่จะเป็นแชมป์” ปาปาส กล่าวหลังเกมพลิกชนะ ลำพูน 2-1
พวกเขาทวงจ่าฝูงได้เร็วเกินคาด และสิ่งที่น่ากลัวกว่าคือประสบการณ์การเป็นแชมป์ที่สำคัญมาก และจะทำให้พวกเขาโฟกัส มีสมาธิไม่สั่นเดิมพัน เพราะแฟนบอลไทยลีกทุกคนต่างรู้ดีว่า อย่าให้ บุรีรัมย์ ขึ้นจ่าฝูง ไม่งั้น...โอกาสม้วนเดียวจบมีสูง