สเปน vs เยอรมนี : เพราะ “หน้าเป้า” แบบเปรี้ยงเดียวหายตำแหน่งที่ทุกทีมต้องมีเป็น “ไพ่ตาย”
คุณจำลูกยิงประตูเหล่านี้กันได้ไหม
ลูกกระโดดตีลังกายิงใส่ เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เวย์น รูนี่ย์
ลูกกระโดดโหม่ง ฟลายอิ้ง ดัตช์เเมน ข้ามหัว อิเคร์ กาซิยาส ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์
ลูกยิง สกอร์เปี้ยน คิก ใส่ คริสตัล พาเลซ ของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์
ลูกยิงนาทีสุดท้ายที่พาเเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เเชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ กุน อเกวโร่
ลูกยิงเหล่านี้คือตัวอย่างของประตูที่เกิดจากสัญชาตญาณกองหน้า พวกเขารู้ว่าควรจะไปอยู่ตรงไหนเเละจัดระเบียบร่างกายยังไงในการที่จะส่งบอลลูกนี้ให้ข้ามเส้นประตูไปให้ได้
เเละเกมระหว่าง สเปน กับ เยอรมัน เกมคุณภาพระดับ 5 ดาว เป็นเกมหนึ่งที่น่าเอามายกตัวอย่างให้เราเห็นภาพของการ มี เเละ ไม่มีกองหน้า ได้อย่างชัดเจน
หมากกระดานแรกตัดสินที่แดนกลาง
ในเกมนัดที่สองในฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี ระหว่างอดีตเเชมป์โลก 1 สมัย กับ อดีตเเชมป์โลก 4 สมัย จบเกมเสมอกันไป 1-1 ทำให้ยังไม่การันตีการเข้ารอบเเละตกรอบ ต้องไปลุ้นกันต่อในนัดสุดท้าย
ทั้งสองจัดทีมกันมาเพื่อพยายามชิงความได้เปรียบในเเดนกลาง สังเกตได้จากที่ทั้งสองทีมจัดไลน์ อัพ มาเเบบไม่มีกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติเลยทั้งคู่ เน้นเเพ็คเเดนกลางมาให้เเน่นไว้ก่อน
สเปน ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ มาใน ระบบ 4-3-3 นำมาด้วย 3 ตัวรุกอย่าง ดานี่ โอลโม่ เฟอร์ราน ตอร์เรส เเละมาร์โก อเซนซิโอ้ โดยให้อเซนซิโอ้ ยืนตรงกลางตำเเหน่งของกองหน้า ดูเผินๆ เหมือนสเปนจะเล่นระบบฟอลส์ ไนน์ เเต่ไม่ใช่
เพราะความหมายของฟอลส์ ไนน์ คือกองหน้าตัวหลอก ต้องเคลื่อนที่ดึงตัวประกบลงมาต่ำกว่านี้เพื่อเปิดพื้นที่ให้เพื่อนสามารถหาช่องเจาะ Half space (ช่องว่างระหว่างเซ็นเตอร์กับฟูลเเบ็ค) ได้
เเต่สเปนไม่ได้พยายามเจาะตรงนั้นเลย ตรงนั้นไม่ใช่พื้นที่ที่พวกเขาเล็งไว้ อเซนซิโอ้ เล่นเหมือนกองหน้าตัวเป้าที่คอยพักบอล วิธีการเล่นเหมือนตัวกองหน้าตัวพักบอลทั่วไป ที่หันหลังให้ประตูลงมาเก็บบอล ชิงจังหวะเล่นที่หน้าไลน์กองหลัง
อย่างไรก็ตามหากจะพักบอลใช้ อัลบาโร โมราต้า ไม่ดีกว่าหรือ ? กองหน้าธรรมชาติ ตัวใหญ่กว่า ทำไมต้องเลือกอเซนซิโอ้ก่อน? เพราะว่าฟุตบอลของเอ็นริเก้ คือ ฟุตบอลติกิ-ตาก้า ที่เน้นการต่อบอลเท้าสู่เท้า “กับพื้น” เข้าไปในพื้นที่สำคัญเป็นหลัก เอ็นริเก้เลยต้องการกองหน้าที่มีเทคนิคที่ดี มีการคอนโทรลบอลด้วยเท้าที่ยอดเยี่ยม เลยทำให้เขาเลือกอเซนซิโอ้ก่อนโมราต้าทั้งสองเกม
สิ่งนี้ได้รับการยืนยัน จาก เอ็นริเก้ เอง หลังจากที่เจ้าตัวบอกผ่านบัญชีทวิตช์ที่เปิดไว้ไลฟ์สดคุยกับแฟนบอลในทุกๆคืนของช่วงบอลโลก
“ฟุตบอลเต็มไปด้วยเเนวคิดเดิม ๆ … น่าเบื่อ ผมจะทำลายเรื่องเล่าโกหกอย่างหนึ่งให้ฟัง เราไม่ได้เล่นด้วยระบบ ฟอลส์ ไนน์”
“เราสามารถใช้ โมราต้า อเซนซิโอ้ หรือโอลโม่ ในตำเเหน่งเดียวกันได้ เเต่สิ่งที่เเตกต่างกันคือคาเเรคเตอร์ของผู้เล่นเเต่ละคน คุณจะเรียกว่าอะไรก็ได้ เเต่มันไม่ใช่ ฟอลส์ ไนน์” เอ็นริเก้ อธิบายผ่านช่องทวิตช์ของเขา
ขาดความเด็ดขาดในแดนหน้า
หลุยส์ เอ็นริเก้ เป็นเฮดโค้ชที่ให้ความสำคัญกับการเล่นบอลด้วยเท้ามากๆในทุกตำเเหน่ง ขนาดตำเเหน่งผู้รักษาประตูเขาเมินการเรียกตัว ดาบิด เด เกอา มาลุยฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วย ทั้งๆที่ฟอร์มการเซฟยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม เเต่เพราะการใช้เท้าเล่นบอล ไม่ใช่จุดเเข็งของ เด เกอา
เขาเลือกใช้ อูไน ซิมอน ที่ใช้เท้าได้ดีกว่าเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่ง เเละเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเขาก็เลือกถอยเอาโรดรี้ลงมายืนคู่กับลาปอร์ตทั้งๆที่ไม่ใช่ตำเเหน่งที่ถนัดที่สุดของโรดรี้ ก็เพราะว่าโรดรี้ใช้เท้าออกบอลได้เเม่นยำอีกเช่นกัน
เเละการเข้าทำเเต่ละครั้งของสเปนเเทบจะเป็นการเข้าทำด้วยลูกเรียดเกือบทั้งหมด ขนาดลูกครอส ลูกเปิด ยังเน้นเป็นเปิดเรียดๆเลย ทั้งสองนัดที่ผ่านมาของสเปน เราจะเห็นได้ว่าลูกที่ไปสุดริมเส้นของสเปน จะเปิดคัทเเบ็คมาบริเวณจุดโทษหรือหัวกะโหลกบ่อยๆ
เพราะนี้คือพื้นที่ที่สเปนเล็งโจมตีไว้ เเละบริเวณนี้ก็เป็นระยะยิงที่พวก โอลโม่ อเซนซิโอ้ หรือ เฟอร์ราน ทำได้ดีกว่าโมราต้า การเปิดยัด ครอสโด่งๆ หรือโยนไปเสาสองเเทบไม่ค่อยมีให้เห็นในครึ่งเเรก
ส่วนเยอรมันวันนี้มาเเบบไม่มีกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติเช่นกัน ใช้ อิลคาย กุนโดกัน กับ โธมัส มุลเลอร์ สลับกันขึ้นไปเล่นเหมือนกองหน้าตัวหลอกเพื่อเปิดพื้นที่ให้ มูเซียล่า กับ กนาบรี้
เเละกลายเป็นการวางหมากที่ผิดพลาดอีกครั้งของ ฮันซี่ ฟลิค เพราะในครึ่งเเรกเยอรมันนั้นครองเกมสู้สเปนไม่ได้เลย โดนสเปนเพรสซิ่งจนขึ้นเกมเเทบไม่ค่อยได้ อิลคาย กุนโดกันที่เล่นดี คุมจังหวะเกมได้ยอดเยี่ยมในเกมเเรกกับญี่ปุ่น พอวันนี้โดนเปลี่ยนตำเเหน่ง เล่นไม่ออกเเละเเทบไม่มีบทบาทเลยในครึ่งเเรก โยนไปข้างหน้าก็เก็บบอลไม่ค่อยได้ เเต่ด้วยความที่ไม่ใช่กองหน้าธรรมชาติทั้งสามคนของเเนวรุกสเปน การจบสกอร์ยังไม่ได้คุณภาพเท่าไหร่จากทางฝั่งสเปน ทำให้ยังทำอะไรกันไม่ได้ในครึ่งเเรก
ในครึ่งหลัง หลุยส์ เอ็นริเก้ คงจะเห็นเเล้วว่า ทีมครองเกมได้ ขาดเเค่จังหวะสุดท้าย การจบสกอร์ยังไม่เฉียบคมพอ เลยรีบตัดสินใจเปลี่ยน โมราต้า ลงมาเเทน เฟอร์ราน ตอร์เรส อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 54 เขาต้องการจะเปลี่ยนคาเเรคเตอร์การเข้าทำเกมรุกของทีม
โมราต้าลงสนามมาเป็นกองหน้า เขาก็ทำสิ่งที่ทีมต้องการเหมือนเดิมคือลงมาเชื่อมเเละชิงจังหวะเล่นที่หน้าไลน์กองหลังของเยอรมันเหมือนเดิม การคอนโทรลบอลอาจจะไม่ได้เนียนตาเท่าคนอื่น
เปรี้ยงเดียวหายสไตล์เบอร์ 9
เเต่เพียงเเค่ 8 นาที ในสนาม อัลวาโร่ โมราต้า ก็ซัดให้สเปนขึ้นนำไปได้ 1-0 จากลูกวิ่งเข้าเเท็ปอินที่เพื่อนเปิดมาให้ มันคือความเเตกต่างของคาเเรคเตอร์ที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ หมายถึง เขาต้องการจะเปลี่ยนวิธีการเข้าทำของทีมให้มีความเฉียบคมในกรอบเขตโทษมากขึ้น
สิ่งที่เเตกต่างไปจากเดิมคือ คือสัญชาตญาณของการทำประตู การเคลื่อนที่เเละจัดระเบียบร่างกายในการยิงประตู ลูกที่ทำประตูได้ ถ้าไม่ใช่โมราต้า เเต่เป็น อเซนซิโอ้ หรือ เฟอร์ราน ตอร์เรส อาจจะไม่ได้วิ่งสอดขึ้นไปที่ตำเเหน่งนั้น เเละอาจจะไม่ได้วางเท้าเเท็ปอินเเบบนั้น
เเต่พอเป็น โมราต้า เขาคือกองหน้าธรรมชาติ เขามีสัญชาตญาณเต็มเปี่ยมเขารู้ว่าควรจะไปอยู่ตรงไหนในกรอบเขตโทษเพื่อลุ้นจังหวะทำประตูเเละต้องวางเท้าเเบบไหน
ฮันซี่ ฟลิค เห็นเเล้วอดใจไม่ได้ เลยลองทำตามบ้าง ส่ง นิคลาส ฟูลล์ครูก กองหน้าตัวเป้าธรรมชาติจากเวเดอร์ เบรเมน ลงมาล่าประตู เผื่อจะทำได้อย่างเขาบ้าง
เเละ นิคลาส ฟูลล์ครูก ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาใช้เวลาเพียงเเค่ 13 นาที ก็ซัดประตูตีเสมอให้เยอรมัน เป็น 1-1 ได้ จากการวิ่งทะลุขึ้นไปเก็บตกจังหวะบอลมาจาก จามาล มูเซียล่า เเล้วซัดเต็มข้อผ่านมือ อูไน ซิโมน เข้าไปอย่างสวยงาม จากเกมที่ตื้อๆหาจังหวะจบดีๆไม่ได้ พอมีฟูลล์ครูกในสนาม ทำให้เกมรุกของเยอรมันดูน่ากลัวขึ้นมาทันทีเเละเกือบจะเเซงชนะด้วยซ้ำ
เป็นประตูเเรกของเยอรมันในทัวร์นาเมนท์นี้ ที่มาจาก โอเพ่น เพลย์ เเละ นิคลาส ฟูลล์ครูก ลงสนามให้ทีมชาติเยอรมันไปเเล้วถึงตอนนี้เเค่ 75 นาที เเต่ซัดไปแล้ว 2 ประตู
บทเรียนที่ได้ในเกมนี้คือ การมีกองหน้าตัวเป้าในสนามยังไงก็เพิ่มโอกาสทำประตูให้กับทีมได้ดีกว่าการไม่มีถ้าพูดกันในเเง่ของตัวเลข เวลาที่ทีมต้องการประตู การมีกองหน้าที่มีสถิติในการทำประตูที่ดี ย่อมทำให้ความน่าจะเป็นในการได้ประตูของทีมมากขึ้น จริงไหม?
เเละสองประตูในเกมนี้มาจากสองกองหน้าตัวสำรองของทั้งสองทีมที่เลือกจะไม่ใช้กองหน้าตัวเป้าธรรมชาติในตอนเเรก มันเกิดจาดความยืดหยุ่นเเละไม่ดื้อของเฮดโค้ชทั้งสองฝั่ง
หลุยส์ เอ็นริเก้ มีเเนวทางในการเล่นที่ชัดเจนว่าต้องการให้ทีมเล่นบอลเเบบเท้าสู้เท้าที่เเม่นยำ เขาจึงเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่กองหน้าก่อน อัลวาโร่ โมราต้า ในตำเเหน่งกองหน้า
เเต่ถ้าทีมทำประตูไม่ได้ ต้องการอาวุธเพิ่มเติม เขาก็ไม่ดื้อเเละพร้อมที่จะเปลี่ยนคาเเรคเตอร์ของทีมเเละหันมาใช้กองหน้าตัวเป้าธรรมชาติทันที เหมือนอย่างที่รีบเปลี่ยนโมราต้าลงมาในต้นครึ่งหลัง เขาเเสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในเเผนการเล่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติของเฮดโค้ชระดับโลก
ฮันซี่ ฟลิค หลังจากที่เเพ้ญี่ปุ่นมาในนัดเเรก วันนี้เขาลองปรับแผนใหม่ เเต่ยังคงคาเเรคเตอร์เดิมคือไม่มีกองหน้าตัวเป้า เเต่กลายเป็นว่าแผนใหม่ที่เลือกมาใช้ ก็ยังไม่ได้ผล
เเละได้บทเรียนราคาเเพงจากสองนัดในฟุตบอลโลกว่า การจะเป็นทีมที่เล่นเกมรุกเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามยังไงก็ควรจะมีกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติไว้ในสนามอย่างน้อยหนึ่งคน หรือถ้าไม่มีก็ควรจะเปลี่ยนลงมาเร็วๆหากทีมต้องการประตู เเละวันนี้เขาก็ทำให้เราเห็นถึงความยืดหยุ่น รีบเปลี่ยนฟูลล์ครูกลงมาทันทีเมื่อทีมต้องการประตู
เพราะพวกกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติ ย่อมรู้ดีกว่าตำเเหน่งอื่นๆว่าควรเคลื่อนที่เเละจัดระเบียบร่างกายอย่างไรให้มีโอกาสทำประตูได้มากที่สุด พวกเขาซ้อมในตำเเหน่งนี้มาเป็นปีๆ การเคลื่อนที่มันจดจำเข้ากล้ามเนื้อไปแล้ว พวกเขาสามารถเปลี่ยนจังหวะสำคัญๆให้เป็นประตูเเละพาทีมสู่ชัยชนะได้
ฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่เริ่มต้นการเเข่งขันที่สกอร์ 0-0 ถ้าคุณอยากทำประตูเเละเป็นผู้ชนะ จะมีอะไรที่เหมาะไปกว่าการส่งกองหน้าดีๆในทีมลงไปในสนามอีกล่ะ?
ข่าวและบทความล่าสุด
RELATED BY AUTHOR