สิ่งที่ สุภโชค ต้องไปให้ถึง : กองหน้าพิมพ์นิยมเจลีกเป็นแบบไหน ?
เช็ค-สุภโชค สารชาติ แนวรุกทีมชาติไทย ที่ย้ายไปค้าแข้งกับสโมสร ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในศึก เจ ลีก ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าจะเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงต้นฤดูกาล แต่ด้วยความอดทนและมุ่งมั่น เขาก็สามารถสู้จากตัวสำรองที่ถูกเมิน กลายเป็นตัวจริงที่เป็นไพ่เด็ดประจำทีมได้สำเร็จ
ก่อนหน้านี้ มิช่า-มิไฮโล เปโตรวิช พยายามลองผิดลองถูกกับตำแหน่งของ สุภโชค มาแล้วหลายต่อหลายตำแหน่ง มีจับไปยืนวิงแบ็คริมเส้นเพราะเห็นนักเตะคุ้นเคยกับการเล่นริมเส้น บางเกมก็ลองขยับมาเป็นตัวรุกตรงกลางคอยสร้างสรรค์เกม แต่ผลงานก็ยังไม่เปรี้ยงปร้าง
สุดท้ายแล้ว เช็ค ก็ลองถูกจับไปยืนเป็นกองหน้า จนสามารถยิงประตูได้สองเกมติดต่อกัน อาศัยการเคลื่อนที่อันชาญฉลาด หาตำแหน่งแบบถูกที่ถูกเวลา ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรง กระชากลากเลื้อย มีแต่ความหวือหวา แต่ไม่มีสถิติที่จับต้องได้มาการันตีคุณภาพอย่างที่เห็นตอนนี้
จากผลงานล่าสุดของ สุภโชค เชื่อว่าทั้งแฟนบอลและเจ้าตัวเอง คงกำลังตั้งมาตรฐานและเป้าหมายให้สูงขึ้นไปกว่าเดิม ซึ่งน่าจะเป็นการนำเอาผลงานของกองหน้าตัวท็อปของ เจ ลีก ในอดีตที่ผ่านๆ มา เป็นแนวทางให้ตัวเองก้าวไปถึงระดับนั้นให้ได้สักวัน
กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ สุภโชค ต้องพัฒนาการเล่นของตัวเองในจุดไหนบ้าง? แนวทางการเล่นของดาวยิงคนไหนที่นำมาปรับใช้กับตัวเขาได้? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ความขยันและทุ่มเท
แน่นอนว่าสไตล์การเล่นและรูปร่างของ สุภโชค คงไม่สามารถนำไปเทียบกับดาวยิงที่มีรูปร่างสูงใหญ่ เป็นหน้าเป้าสไตล์โบราณ ที่รอจังหวะจบสกอร์ด้วยการอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นเรื่องของการวิ่งสู้ฟัด ขยันไล่กดดัน รอฉกฉวยจังหวะจากความผิดพลาดจากแนวรับฝ่ายตรงข้ามคงเหมาะสมกว่า
แล้วหนึ่งในตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จใน เจ ลีก ก้าวไปถึงตำแหน่งดาวซัลโวร่วมได้ในปี 2021 ด้วยการยิงไป 23 ประตู นั่นก็คือ ไดเซน มาเอดะ ที่ฟอร์มดีจนนายเก่า อังเก ปอสเตโคกลู ต้องหอบหิ้วตามไปช่วยงานถึงลีกสก็อตแลนด์กับสโมสร เซลติก
นอกจากเรื่องของการจบสกอร์ที่เฉียบคมแล้ว การเล่นเกมรับ และการวิ่งหาพื้นที่ว่างของ มาเอดะ นั้นไม่เป็นสองรองใคร แสดงให้เห็นถึงความกระหายและทุ่มเทในการลงเล่นทุกเกม จากสถิติที่เขาวิ่งไปเป็นระยะทางมากถึง 366.5 กิโลเมตร จากการลงสนามในเกมลีก 36 นัด เฉลี่ยแล้วต้องวิ่งเกมละประมาณ 10.18 กิโลเมตร
แม้ว่า มาเอดะ จะประสบความสำเร็จในลีกแดนปลาดิบ แล้วสามารถต่อยอดไปเล่นในยุโรปได้ แต่ตัวเขาไม่เคยคิดที่จะหยุดพัฒนาตัวเอง พร้อมกับตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นไปอีกตามที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า
“ฤดูกาลที่ผ่านมาผมตั้งเป้าหมายที่ยิงทำ 10 ประตู และ 10 แอสซิสต์ ให้กับ เซลติก แต่กลับทำมันไม่สำเร็จ ดังนั้นผมจึงรู้สึกว่าตัวเองต้องพัฒนาฝีเท้าให้ดีกว่านี้”
“ตอนนี้ผมโฟกัสไปที่การฝึกฝนเพื่อพัฒนาเรื่องของการครอสบอล และทักษะการดวลแบบหนึ่งต่อหนึ่ง มันเป็นความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่เป็นเป้าหมายใหญ่สำหรับตัวผมมากๆ”
ระยะทางการวิ่งแต่ละเกมระดับ 10 กิโลเมตรขึ้นไป ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงเอามากๆ สำหรับผู้เล่นในตำแหน่งแนวรุก ซึ่งหมายความว่า นักเตะที่มีศักยภาพไปถึงตรงจุดนั้นได้ สภาพร่างกายต้องฟิต จิตใจต้องมีความมุ่งมั่นทั้งการเล่นเกมรุกและเกมรับ ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ถ้าหาก สุภโชค ที่ตอนนี้มีระยะทางวิ่งรวมอยู่ที่ 43.6 กิโลเมตรในซีซั่นนี้ ต้องการก้าวไปเป็นดาวยิงระดับท็อปของลีก การเริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆ อย่าง การวิ่งให้เยอะขึ้นกว่าเดิม และต้องวิ่งให้ถูกจังหวะตามการมอบหมายของกุนซือ อย่างน้อยถึงมันจะไม่ประสบผลโดยเร็ว แต่โค้ชอย่าง มิช่า คงมองเห็นถึงความพยายามของเขาแน่ๆ
เพิ่มจำนวนการแอสซิสต์
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กองหน้าสักหนึ่งคน ถูกขนานนามว่าเล่นได้อย่างครบเครื่อง หมายความว่า นอกจากจะยิงประตูได้มากแล้ว การจ่ายบอลหรือแอสซิสต์ให้เพื่อนเบิกสกอร์ได้ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นประโยชน์ต่อต้นสังกัดทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ในปี 2017 มีดาวยิงสัญชาติญี่ปุ่นจากสโมสร คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ที่เคยเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ครบเครื่องทั้งยิงทั้งจ่าย พาทีมไปถึงตำแหน่งแชมป์ลีก แถมตัวเองยังได้ครองรางวัลส่วนตัวเพิ่มเติมอีกสองรายการอย่าง ดาวซัลโว ซัดไป 23 ลูก และ นักเตะยอดเยี่ยม (MVP) นั่นก็คือ ยู โคบายาชิ
ความร้อนแรงของ โคบายาชิ ในปีซีซั่นดังกล่าว ไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่การยิงประตู แต่นับรวมถึงการแอสซิสต์ให้เพื่อน จากสถิติที่ทำไปถึง 8 ครั้ง รวมสถิติยิงบวกกับจ่ายรวมกันแล้ว เขาจะมีส่วนร่วมกับประตูที่เกิดขึ้นของทีมถึง 31 ลูกเลยทีเดียว นับเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนประตูที่ ฟรอนตาเล่ ยิงได้ 71 ลูก
โดยทาง โคบายาชิ เคยกล่าวถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขามีแรงกระตุ้นที่จะคว้าชัยชนะเอาไว้ว่า
“กำลังใจและเสียงเชียร์ของแฟนๆ ในสนาม ช่ยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกผม ฟรอนตาเล่ มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับแฟนๆ ในเขตชุมชนแห่งนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นการสร้างความรู้สึกที่จะชนะไปด้วยกันโดยไม่มีความกดดันใดๆ เกิดขึ้นมาเลย”
สถิติเรื่องการจ่ายบอลของ สุภโชค ในฤดูกาลนี้ ถ้าวัดแค่เรื่องของเปอร์เซ็นต์เข้าเป้า นับว่าสูงพอสมควรจากอัตราความสำเร็จสูงถึง 83.33% แต่นับถึงตอนนี้ยังไม่มีจำนวนแอสซิสต์ในลีกเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังพัฒนาต่อได้ หากกล้าที่จะจ่ายบอลแบบได้-เสียมากขึ้น กล้าเสี่ยงมากขึ้นเพื่อผลลัพธ์ที่ใหญ่กว่าเดิม
แน่นอนว่ากำลังใจจากแฟนๆ คอนซาโดเล่ พร้อมให้การสนับสนุนทีมเต็มตัว ไม่ต่างกับ ฟรอนตาเล่ เผลอๆ อาจเข้าใจธรรมชาติของทีมที่สามารถ แพ้, เสมอ หรือ ชนะ ยอมรับกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นได้มากกกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้นหาก เช็ค นำเอาเสียงเชียร์เหล่านั้นเปลี่ยนมาเป็นความกล้า ผลงานของเขาเองในสนามอาจจะพุ่งสูงกว่าที่เป็นอยู่ไปอีกขั้นก็เป็นได้
การจบสกอร์ที่เฉียบคม
ปิดท้ายกันที่ทักษะสำคัญที่สุดที่กองหน้าทุกคนพึงมีติดตัวอยู่แล้ว นั่นคือ ความเฉียบคมในจังหวะจบสกอร์ ซึ่งหากจะยกตัวอย่างอดีตดาวซัลโวจากศึก เจ ลีก ที่เป็นนักเตะญี่ปุ่นแท้ๆ สูงแค่ 170 เซนติเมตร และมีสไตล์การเล่นคล้ายคลึงกับ สุภโชค มากที่สุด คงหนีไม่พ้น โยชิโตะ โอคุโบะ
โอคุโบะ มีดีกรีเป็นดาวซัลโวของลีกแดนปลาดิบ 3 สมัยติดต่อกันในฤดูกาล 2013-2015 เคยย้ายไปเล่นในต่างประเทศกับ เรอัล มายอร์ก้า (สเปน) และ โวล์ฟสบวร์ก (เยอรมัน) มาแล้ว ส่วนในลีกบ้านเกิดก็พเนจรไปอยู่กับสโมสรชั้นนำมากมาย อาทิ เซเรโซ โอซาก้า, วิสเซล โกเบ, เอฟซี โตเกียว และ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ยิงประตูรวมทุกรายการไปทั้งสิ้น 249 ประตู จากการลงสนาม 672 นัด
โอคุโบะ เป็นส่วนผสมของกองหน้าที่มีทั้งความขยัน ทุ่มเท ทักษะเอาตัวรอดหนึ่งต่อหนึ่งดี มีวิสัยทัศน์ในการเล่นที่ไม่ธรรมดา และสามารถจบสกอร์ได้ดีทั้งการใช้เท้าหรือหัว แม้ว่าจะแขวนสตั๊ดไปแล้วในปี 2022 แต่ผลงานของเขายังเป็นต้นแบบให้นักเตะรุ่นหลัง พยายามดำเนินรอยตามได้อยู่
อัตราค่า xG (เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู) ของ โอคุโบะ ในช่วงที่คว้าดาวซัลโวมาครองได้ คือ 0.82, 0.56 และ 0.72 เฉลี่ยออกมาแล้วจะได้ค่ากลางเป็น 0.70 ส่วนค่า xG ของทาง สุภโชค ในฤดูกาลนี้ คือ 0.65 นับว่าใกล้เคียงกันมาก แต่ถ้าหากเพิ่มจำนวนนาทีที่ลงสนามยังคงเป็นรองอยู่หลายเท่าตัว
กว่าที่ โอคุโบะ จะประสบความสำเร็จไปถึงจุดนั้นได้ ตัวเขาต้องผ่านการโดนวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมาไม่น้อย ตามที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ในการอำลาอาชีพไว้ว่า
“ผมเคยถูกตีตราว่าเป็นนักเตะที่มีความดื้อดึงกับสไตล์การเล่นของตัวเองบ่อยครั้ง แต่ผมก็ภูมิใจกับผลงานและสถิติที่ผ่านมาของตัวเอง ที่สร้างมาจากการเล่นในแบบของผม แล้วผมก็ไม่เคยเสียใจกับเส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพของตัวเองเลย ผมอยากศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลให้มากขึ้นไปอีกในอนาคต”
ตอนนี้ สุภโชค อาจกำลังรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ และ ภาคภูมิใจกับผลงานของตัวเองที่ผ่านมาในช่วงหลัง ที่มีการยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้อย่างโดดเด่น แต่วันใดวันหนึ่งชีวิตนักฟุตบอล ก็ต้องวนเวียนกลับมาเผชิญปัญหาฟอร์มตกแน่นอน
สิ่งสำคัญที่เขาต้องเตรียมตัวรับมือเอาไว้ล่วงหน้า คือ การพร้อมที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เชื่อมั่นในตัวเอง และพยายามรักษามาตรฐานการเล่นให้มีความคงเส้นคงวา ซึ่งถ้าเขามองเห็นต้นแบบของนักเตะญี่ปุ่นที่มีรูปร่าง สไตล์การเล่น และทักษะฟุตบอล ที่ไม่ได้แตกต่างกับเขามากนัก แล้วเห็นว่าทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จแบบพวกเขา วันหนึ่งอาจเป็นวันของเขาที่ก้าวไปอยู่ในจุดเดียวกันก็มีความเป็นไปได้อยู่
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://en.wikipedia.org/wiki/J.League_Top_Scorer
https://footystats.org/players/japan/yu-kobayashi
https://www.jleague.co/stats/players/j1/2023/sapporo/distance/FW/
https://footystats.org/players/thailand/supachok-sarachart
https://ghanasoccernet.com/kawasaki-frontales-yu-kobayashi-we-will-win-for-our-fans
https://thecelticstar.com/this-is-yatao-daizen-maedas-latest-interview-in-japan/
บทความที่เกี่ยวข้อง
เจาะสไตล์คู่ สุภโชค - อาซาโนะ : คู่หูที่ทำให้ "มิซา" ใช้ "เช็ค" เป็นตัวหลัก
เปลือยใจแบบหมดเปลือก "สุภโชค" ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นกับ 1 ขวบปีในเจลีก
เปิดสถิติการยิงประตูของ สุภโชค กับ ซัปโปโร : ยิงกี่ลูก ? ยิงทีมไหนบ้าง ?