ออสการ์ การ์เซีย กุนซือใหม่ ลูเวิน คุมทีมสไตล์ไหน เข้าทาง ‘ศุภณัฏฐ์’ หรือไม่?

By ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

29 เม.ย. 2024 , 07:49น.

หลังจากที่ มาร์ค บรีส์ กุนซือมากประสบการณ์ วัย 61 ปี ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมของ โอเอช ลูเวิน เนื่องจากผลงานการออกสตาร์ทของทีมในฤดูกาลนี้ ไม่เป็นที่น่าพอใจนักด้วยการหล่นมาอยู่โซนท้ายตาราง แตกต่างจากซีซั่นก่อนที่เกาะกลุ่มอยู่กลางตารางแล้วจบในอันดับที่ 10

การเสาะหาผู้จัดการทีมคนใหม่ที่เข้ามารับไม้ต่อ ก็มาลงเอยที่ ออสการ์ การ์เซีย กุนซือชาวสเปน วัย 50 ปี ซึ่งเคยผ่านการคุมทีมกับสโมสรชื่อดังมากมาย อาทิ มัคคาบี้ เทล อาวีฟ (อิสราเอล), ไบรท์ตัน (อังกฤษ), วัตฟอร์ด (อังกฤษ), เร้ด บูลส์ ซัลซ์บวร์ก (ออสเตรีย), แซงต์ เอเตียน (ฝรั่งเศส), โอลิมเปียกอส (กรีซ) และ แร็งส์ (ฝรั่งเศส) เป็นต้น

แน่นอนว่าแฟนบอลชาวไทยกำลังลุ้นและเชียร์ให้ ลูเวิน กลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น เนื่องจากมีนักเตะไทยที่เป็นความหวังในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ออกไปค้าแข้งอยู่ในเวลานี้อย่าง ‘ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา’ ที่ได้ลงประเดิมสนามให้กับทีมไปเรียบร้อยแล้ว

การเปลี่ยนแปลงหัวเรือของ ลูเวิน ในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อ แบงค์ หรือไม่? การทำทีมของ การ์เซีย เป็นโค้ชที่มีแนวทางแบบไหน? ประสบการณ์ที่ผ่านมาเขาเป็นลูกศิษย์โค้ชชื่อดังคนไหนบ้าง? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

ลูกศิษย์ยอดกุนซือ

กุนซือผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาให้กับ การ์เซีย เป็นรายแรก คือ ยอดปรมาจารย์ชาวฮอลแลนด์อย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ ซึ่งมีแนวทางการสอนและฝึกผู้เล่นที่แตกต่างออกไปจากโค้ชปกติ ทำให้ตัวของ การ์เซีย ได้มองเห็นการซ้อมที่แตกต่างทุกเซสชั่น รายละเอียดเป็นการวิเคราะห์ที่เข้มข้นไปอีกระดับหนึ่ง เพราะว่า ครัฟฟ์ มองเห็นในสิ่งที่โค้ชคนอื่นไม่เห็นในตัวลูกทีม แล้วลงไปสอนรายละเอียดในการพัฒนาแบบตัวต่อตัว

นอกจากนี้ การ์เซีย ยังได้รับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานกับยอดโค้ชในวงการลูกหนังมากมาย อาทิ ฮาเวียร์ เคลม็องเต้, หลุยส์ ฟาน กัล, บ็อบบี้ ร็อบสัน และ เอ็คตอร์ คูเปร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีการวางแท็คติกและการสอนที่แตกต่างกันออกไป ส่งผลให้เขาเติบโตมากลายเป็นโค้ชที่มีความยืดหยุ่น

ยกตัวอย่างเช่นช่วงเวลาที่ การ์เซีย ได้ร่วมงานกับประธานเทคนิคอย่าง ราล์ฟ รังก์นิก ที่สโมสร เร้ดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก ทีมดังในลีกสูงสุดประเทศออสเตรีย ตัวของเขาก็ได้กล่าวในบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับการเรียนรู้ศาสตร์ฟุตบอลเกมรับที่เป็นความรู้ใหม่ เอาไว้ว่า

“การรับงานคุมทีมที่ ซัลซ์บวร์ก ปี 2015 ผมมีทีมที่พร้อมทุกอย่าง เต็มไปด้วยผู้เล่นดาวรุ่งที่พัฒนาได้ ศักยภาพดีพอจะลุยในรายการแข่งขันระดับทวีปยุโรป ผมมีแนวทางชัดเจนที่จะให้ทีมเล่นอย่างไร? คาดหวังลูกทีมของผมแบบไหน?”

“ซึ่งที่นั่นผมได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการเล่นเกมรับเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเพรสซิ่งกดดันคู่แข่ง เพื่อเอาบอลกลับมาครอบครอง และการปิดพื้นที่ตอนที่ทีมของผมเสียบอลให้คู่แข่ง”

ประสบการณ์ทำงานที่ต่างๆ สอนให้ การ์เซีย รับรู้ถึงความคาดหวังในการทำทีมแต่ละสโมสรที่ต่างออกไป เขาเคยมีทัศนคติในการทำงานที่ไม่ตรงกับผู้บริหารในช่วงที่คุมทัพ ไบรท์ตัน เจอความกดดันและความคาดหวังที่สูงลิบจากแฟนบอลที่ต้องการเห็นทีมเลื่อนชั้น แม้มันจะลงเอยด้วยความผิดหวัง เขาก็สามารถก้าวข้ามไปได้ แล้วพร้อมจะเปิดรับความท้าทายใหม่ๆ ในการทำงานอยู่เสมอในลีกอื่นๆ ที่ติดต่อเข้ามาแบบไม่ขาดสาย

วิเคราะห์ศักยภาพทีมทุกประเด็น

การรับงานในการคุมทีมแต่ละสโมสรของ การ์เซีย จะมีการชั่งน้ำหนักเรื่องเป้าหมายของทีม มาเทียบเคียงกับศักยภาพนักเตะที่มีอยู่ในมือเสมอ ซึ่งถ้าเป้าหมายมันเป็นเป้าใหญ่ เขาก็ต้องแจ้งกับผู้บริหารตามตรงว่า ตัวของเขาต้องมีทีมที่พร้อมในการจะไปถึงความสำเร็จได้

ประสบการณ์ทำงานในการคุมทีมระดับเยาวชนของ บาร์เซโลน่า ยู-19 ทำให้เขาพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้กับดาวรุ่งที่มีฝีเท้าดีพออยู่เสมอ ซึ่งเขาก็ไม่ได้มองแค่เรื่องของคุณภาพในการเล่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำความเข้าใจเรื่องการปรับตัวของนักเตะแต่ละรายแบบลงลึกด้วย ตามที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า

“ผมมองไปถึงอนาคตข้างหน้าเสมอ ผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานจากหลายประเทศที่มีวัฒนธรรมความเป็นอยู่แตกต่างกัน แล้วได้รับรู้เรื่องของทัศนคติและปรัชญาการทำทีมที่แตกต่างกันออกไป เพื่อนำมาปรับใช้กับนักเตะที่อยู่ร่วมกันในทีม แต่พวกเขามาจากหลากหลายถิ่นฐานจากหลายประเทศ”

“ในฐานะผู้จัดการทีมคุณต้องไม่มองเพียงแค่เรื่องของฟุตบอล แต่ต้องมองถึงเรื่องของครอบครัว ความเป็นอยู่ การมาเล่นที่ไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน ดังนั้นคุณต้องใส่ใจและรับผิดชอบให้เหล่นักเตะและครอบครัวของพวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นกัน”

แน่นอนว่าการทำทีมของ การ์เซีย อาจมีรายละเอียดที่แตกต่างจาก บรีส์ ผู้จัดการทีมคนเก่าของ ลูเวิน ที่มีทัศนคติที่แปลกและไม่เหมือนใคร จากที่เคยนำบทสัมภาษณ์มานำเสนอให้กับแฟนๆ ได้อ่านกันก่อนหน้านี้ไปแล้ว

ซึ่งก็ได้แต่หวังว่า แบงค์-ศุภณัฏฐ์ ที่เป็นนักเตะจากประเทศไทย ย้ายไปเล่นไกลบ้านถึงประเทศเบลเยี่ยมเป็นครั้งแรก แล้วเจอกับงานยากทันที จะได้รับการดูแลที่ดีและมีความเข้าใจจาก การ์เซีย โค้ชจอมพเนจรที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาแล้วทั่วยุโรป

รายละเอียดเรื่องของระบบการเล่นและแท็คติก คงยังไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า แผนไหนคือแผนที่เหมาะสมที่สุดในความคิดของ การ์เซีย เพราะเขาเป็นโค้ชที่มีความชัดเจนในเรื่องการใช้ระยะเวลาเรียนรู้ทีม แล้วก้าวไปแบบช้าๆ แต่มั่นคงตามแนวทางของเขา

อย่างไรก็ตามแฟนบอลอาจมั่นใจได้เล็กน้อยว่า การ์เซีย เป็นโค้ชที่มีความเชื่อมั่นและความรับผิดชอบสูงในการทำงาน จากคติประจำใจที่เขายึดถือมาตลอดว่า ‘เมื่อคุณได้รับโอกาสที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางไหน คุณต้องทำโอกาสแต่ละครั้งให้ดีที่สุด ตามที่ได้รับความไว้วางใจมา’

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://www.coachesvoice.com/cv/oscar-garcia-barcelona-johan-cruyff-brighton/