ส่องฟอร์มจากอุ่นเครื่อง : วิเคราะห์ เมืองทอง ยุค “พึ่งดาวรุ่ง” จะแจ๋วแค่ไหน ?
สถานการณ์ปัจจุบันในการเตรียมทีมของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีเกมอุ่นเครื่องไปแล้วหลายนัด อาจจะยังเหลือโปรแกรมก่อนเปิดลีกเหลือไว้อีกสักหนึ่งเกม ซึ่งผลงานของขุนพลกิเลนผยอง นับว่าโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจทีเดียว
เกมอุ่นเครื่องในนัดแรก เมืองทอง เอาชนะ มหาวิทยาลัย นอร์ทกรุงเทพ (ไทยลีก3) ไปได้ 2-0 ต่อมาก็เอาชนะ พัทยา ยูไนเต็ด หรือ พัทยา ดอลฟินส์ เดิม (น้องใหม่ไทยลีก 2) ขาดลอย 4-1, ต่อด้วยเจอกับ ตราด เอฟซี (น้องใหม่ไทยลีก) เอาชนะไปได้ 2-0 และปิดท้ายด้วยเกมการกุศล แชริตี้ ฟุตบอล แมตช์ ระดมทุนช่วย สมาคมกีฬา สเปเชี่ยล โอลิมปิก แห่งประเทศไทย แล้วถล่ม แบงค็อก ยูไนเต็ด ณ สนาม ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ไปได้ 4-1
ซึ่งผลงานจากเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมาทั้งหมด เจ-วรปัฐ อรุณภักดี ได้วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ผ่านทางช่อง Think Curve - คิดไซด์โค้ง แบบแยกประเด็นไว้ดังนี้
จุดแข็งที่น่าสนใจ
หากโฟกัสไปที่เกมล่าสุดที่มีการถ่ายทอดสด แล้วสามารถวิเคราะห์ภาพรวมในการเล่นได้ชัดเจน คงต้องมองไปที่เกมที่เอาชนะ แข้งเทพ ในเกมการกุศลไป 4-1 ซึ่งทอง มาริโอ เลือกใช้ผู้เล่น 11 ตัวจริงเป็นคนไทยทั้งหมด โดยมีขุมกำลังหลักเป็นดาวรุ่งหลายรายที่ดูทรงแล้วมีอนาคต
ไม่ว่าจะเป็น ปิยณัฐ ทอดสนิท แนวรุกความหวังใหม่ น้องชายของ ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ที่ยิงในเกมอุ่นเครื่องไปแล้ว 2 ประตู รวมไปถึง ซีโฟร์-คคนะ คำยก กองกลางพรสวรรค์สูง ที่โชว์จังหวะการจ่ายบอลแบบมีคลาสสวยๆ หลายต่อหลายครั้ง
โดยทาง เจ-วรปัฐ อธิบายถึงรูปเกมและจุดเด่นของทัพ กิเลนผยอง เอาไว้ว่า
“เหล่ายังเติร์กของเมืองทอง สร้างปัญหาให้กับผู้เล่นจอมเก๋าจาก แบงค็อก ได้อยู่เหมือนกัน ครึ่งแรกถือว่าทำได้ดีเลย แล้วการปล่อยตัวหลักทยอยลงไปในครึ่งหลัง รวมไปถึง ซีโฟร์ มีส่วนในการจ่ายบอลเนียนๆ หลายจังหวะ เล่นโต้กลับทรานซิชั่นสวยๆ แก้เพรส ผมว่าซีซั่นนี้น่าจะเป็นตัวหลักให้ทีมได้แล้ว”
ส่วนทาง สเตฟาน เชโปวิช กองหน้าตัวเป้าคนใหม่ ก็สามารถทำผลงานได้น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะลงมาเป็นตัวสำรองยิงประตูได้ในช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 89 แล้วน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวนักเตะได้มากพอสมควร
จุดที่ต้องปรับแก้ต่อไป
จุดแรกที่ เมืองทอง ยังแก้ไม่ตก คือ ตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่เสียทาง สมพร ยศ ไปให้กับ การท่าเรือ เอฟซี แล้วต้องไปยืมตัว ปฏิวัติ คำไหม มาจาก แบงค็อก เป็นการทดแทนชั่วคราว สุดท้ายจบฤดูกาลต้นสังกัดที่แท้จริงก็ดึงตัวกลับไป ส่งผลให้ต้องหานายทวารฝีมือดีมาอุดรอยรั่ว
โดยตอนแรกวางแนวทางไว้ว่าจะใช้ พีระพงษ์ เรืองนินทร์ เป็นมือหนึ่ง แต่ปรากฏว่านักเตะมีอาการบาดเจ็บติดตัวมาจากการไปเล่นให้กับ หนองบัว พิชญ โอกาสเลยตกมาเป็นของ โสภณวิชญ์ รักญาติ นายด่านวัย 22 ปี ที่มีจุดเด่นเรื่องการออกบอลด้วยเท้าได้ดี มีส่วนช่วยในการขึ้นเกมจากแดนหลัง แต่ยังขาดเรื่องของประสบการณ์
ยิ่งไปกว่านั้นแบ็คทั้งสองฝั่งของ กิเลนผยอง ยังดูเป็นจุดบอดที่แก้ไม่ตก เพราะการมาของแบ็คซ้ายตัวใหม่อย่าง ณัฐวัฒน์ โทบ้านซ้ง และ สุวิทย์ ไปพรมราช ยังไม่ได้ดีกว่าตัวเก่าที่เคยใช้งาน ยังไม่มีใครการันตีตำแหน่งว่าจะได้ยืนเป็นตัวจริง
ส่วนฝั่งขวาการได้ ทริสต็อง โด กลับมาเล่นให้กับทีมอีกครั้ง ไม่ต้องห่วงเรื่องสภาพร่างกาย ประสบการณ์ และความเข้าใจเรื่องแท็คติก แต่ดาวเตะรายนี้ยังต้องปรับเรื่องทีเด็ดทีขาดในจังหวะเปิดบอลให้เข้าเป้า ซึ่งนับเป็นจุดขายของเทรนด์ฟุตบอลในยุคนี้
นอกจากนี้ เจ-วรปัฐ ยังกล่าวถึงปัญหาที่ เมืองทอง อาจต้องเจอในช่วงต้นฤดูกาลเอาไว้ว่า
“บอลทะลุทะลวงของ เมืองทอง ยังต้องพึ่งตัวต่างชาติ ที่โควต้าต่างๆ ยังไม่ลงตัวซะทีเดียว ไม่รู้ว่าจะใช้โควต้าได้เต็มหรือไม่ แม้ว่า วิลเลี่ยน พ็อพพ์ จะกลับมาที่ประเทศไทยแล้ว แต่ยังต้องทำร่างกายเรียกความฟิตอีกพอสมควร”
“ปรีซีซั่นของ เมืองทอง เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน แล้วตัวหลักยังมากันไม่ครบ เพิ่งทยอยกลับมาสู่ทีมช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นบอลของเมืองทองอาจน่าห่วงช่วงต้นซีซั่น คือ ช่วงแรกฟอร์มอาจไม่ดีเหมือนสองฤดูกาลที่ผ่านมา แล้วค่อยๆ ดีขึ้นมาในครึ่งทางหลังช่วงเลกสอง”
“แต่มันจะสำคัญที่สุด คือ ตัวต่างชาติที่เข้ามาจะเต็มโควต้ามั้ย ถ้าไม่เต็มอันนี้ก็เหนื่อย ซึ่งถ้าได้มาเต็มโควต้าร่างกายไม่พร้อม อันนี้ก็เหนื่อยเช่นเดียวกัน”
ด้วยสไตล์การเล่นที่เป็นระบบของ เมืองทอง ที่เห็นในเกมเจอกับ แบงค็อก คงจะพอเอาตัวรอดไปได้ เก็บชัยชนะได้ในนัดที่ต้องการ โดยเฉพาะเกมในบ้านที่เป็นจุดแข็ง แต่ต้องมาลุ้นกันว่าถ้าจัดทีมด้วยชุดหลักเต็มร้อย รายละเอียดของเกมจะมีอะไรที่เพิ่มเติมเป็นทีเด็ดขึ้นมาอีกบ้าง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=F8zU1sTf_u0