สตีฟ ดาร์บี้ : เวียดนาม ควรส่ง ยู-18 ไปแข่งซีเกมส์
เหลือเวลาอีกแค่ราวสองอาทิตย์ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ก็พร้อมที่จะระเบิดความมันให้แฟนๆ ทั่วทั้งอาเซียนได้รับชมกัน ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ที่น่าจับตามองเอามากๆ คือ ฟุตบอลชาย ที่มีชาติเข้าชิงชัยทั้งหมด 10 ประเทศด้วยกัน
หลังจากผลการจับสลากออกมา กลายเป็นว่า ชาติบิ๊กๆ มองกองอยู่ที่กลุ่ม บี กันแทบจะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ทีมชาติเวียดนาม, ทีมชาติไทย และ มาเลเซีย ซึ่งมีโควต้าให้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ เพียงแค่สองทีมเท่านั้น ประกอบไปด้วยแชมป์และรองแชมป์กลุ่ม
สายตาของแฟนบอลและสื่อต่างๆ ในอาเซียน ต่างจับจ้องไปที่คู่แค้นในช่วงหลังอย่าง ไทย และ เวียดนาม ที่มองยังไงก็ต้องมากห้ำหั่นกันแย่งตำแหน่งแชมป์กลุ่ม โดยมีทาง มาเลเซีย เป็นตัวสอดแทรก ลุ้นเป็น ตาอยู่ จ้องดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ไทย และ เวียดนาม เพิ่งจะไปอุ่นเครื่องโดยใช้ทีมชาติ ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ในรากยการ โดฮา คัพ ที่ประเทศกาตาร์เมื่อไม่นานมานี้ แล้วต่างฝ่ายต่างได้รับผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน กลายเป็นฝั่งทัพ ดาวทอง แชมป์ซีเกมส์เก่าที่ย่ำแย่กว่า
สื่อในประเทศเวียดนาม จึงต้องการหาคนที่เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์สถานการณ์ของชาติพวกเขา ก่อนจะลงแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งหวยก็ไปออกที่ สตีฟ ดาร์บี้ อดีตกุนซือทีมชาติไทยและลาว ซึ่งมีประสบการณ์และองค์ความรู้กับฟุตบอลอาเซียนมากพอสมควร ทัศนะของเขาจะออกมาเป็นอย่างไรกันบ้าง ร่วมหาคำตอบได้ใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ผลงานใน โดฮา คัพ
สื่อในประเทศเวียดนามอย่าง Dantri ถือว่าเป็นเสือปืนไวในการติดต่อกับ ดาร์บี้ มาแชร์มุมมองต่อหลากหลายคำถามที่น่าสนใจ จากความเห็นส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับผลงานของทัพ ดาวทอง ที่ต้องเดินทางไปป้องกันแชมป์ซีเกมส์ในไม่ช้า
ซึ่งหลังจากแยกทางกับ ปาร์ค ฮัง ซอ โค้ชชาวเกาหลีใต้ที่อยู่กับทีมมานาน เวียดนาม ก็เลือกเล่นใหญ่ไปดึงตัวเอา ฟิลิปป์ ทรุสซิเย่ร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส ที่ผ่านประสบการณ์คุมชาติชั้นนำอย่าง ญี่ปุ่น, โมร็อคโก, กาตาร์ และ ไนจีเรีย มารับไม้ต่อ
อย่างไรก็ตามเฮดโค้ช วัย 68 ปี ประเดิมการแข่งขันรายการแรกบนเวที โดฮา คัพ ได้ไม่สวยงามเท่าไหร่ จากการพ่ายสองนัดรวดให้กับ อิรัก และ ยูเออี ซึ่งตัวของ ดาร์บี้ ให้ความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับประเด็นนี้เอาไว้ว่า
“ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ดีเท่าไหร่ในการออกสตาร์ทของ ทรุสซิเย่ร์ มันมาจากเรื่องคุณภาพของคู่แข่งที่ต้องเผชิญหน้า รวมไปถึงคุณภาพทีมของเขาเองด้วย”
“อิรัก และ ยูเออี เป็นทีมที่เก่งกาจจากย่ายเอเชียตกวันตก มีการพัฒนาฟุตบอลแบบเป็นขั้นเป็นตอนมาตลอด ลองเเปลี่ยนคู่แข่งให้ไปเจอกับชาติอย่าง เนปาล หรือ บังคลาเทศ สิ รับรองเลยว่า เวียดนาม ชนะสบาย ความเห็นของผม คือ พวกเขาเจอคู่แข่งที่เก่งกว่าเลยเกิดปัญหา”
นอกจากนั้น ดาร์บี้ ที่เป็นโค้ชมือเก๋า มีประสบการณ์ผ่านเกมฟุตบอลมาหลายยุคหลายสมัย ยังคงเชื่อมั่นว่า เกมอุ่นเครื่องของทีมชาติ ต้องใช้โปรแกรมให้เป็นประโยชน์ เจอกับทีมที่เก่งๆ นั้นเป็นเรื่องที่ถูกที่ควรแล้ว เพื่อหวังให้นักเตะแสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มร้อย แล้วพัฒนาตัวเองไปอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่เป็นอยู่
ที่เหลือก็ต้องเป็นงานของ ทรุสซิเย่ร์ ต่อไปในเรื่องของการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของทีม หลังจากนั้นก็จะใช้ประสบการณ์ในการลงแข่งขันในทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องล่าสุด นำมาปรับแก้จุดบกพร่องต่างๆ อย่างเป็นประโยชน์ ก่อนที่จะไปลงสังเวียนจริงในการป้องกันแชมป์
ตัวของ ทรุสซิเย่ร์ จะได้รับรู้และคลุกคลีถึงเรื่องของทัศนคติของลูกทีมแต่ละคน คนไหนเก่งเรื่องอะไร? ใครที่ออกอาการหัวดื้อ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ไม่เล่นตามแทคติกส์ ในเมื่อมันเป็นแค่เกมอุ่นเครื่อง เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปซีเรียสกับผลการแข่งขันมากนัก แค่ใช้มันเป็นสนามในการเก็บข้อมูลของทีมให้ได้มากที่สุด
ส่วนเรื่องที่แฟนบอลติดภาพลักษณ์การเล่นของ โค้ชปาร์ค ที่เน้นเกมรับแล้วสวนกลับ แล้วสามารถคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการได้บ่อยครั้ง ต้องทำใจว่า เกมฟุตบอล มันไม่มีแผนการเล่นที่ตายตัว ต้องปรับแต่งปรับแก้กันไปตามสถานการณ์ จะเล่นรุกหรือรับมันก็มีความเสี่ยงไม่ต่างจากการลงเดิมพัน
ถ้าทาง ทรุสซิเย่ร์ ต้องการพาทีมชาติเวียดนามให้รุดหน้าไปกว่าเดิม การปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นหรือแทคติกส์ต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นได้ หากวันไหนเลือกที่จะเซอร์ไพรส์ ด้วยการบุกใส่ทีมที่เก่งกว่าอย่าง ญี่ปุ่น หรือ เกาหลีใต้ ผลลัพธ์มันอาจจบลงแบบแพ้ย่อยยับ แต่ข้อดีคือการได้ลองแผน จนกว่าจะเจอในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ แฟนบอลเวียดนามและสมาคม ต้องคอยหนุนหลังเขาไว้ ให้การสนับสนุนการทำงานแบบเต็มที่ ทรุสซิเย่ร์ ไม่ใช่แค่โค้ชที่เก่งแบบทั่วไป แต่เขาเข้าใจวัฒนธรรมฟุตบอลในแถบอาเซียน ผมเคยเห็นเขาพาลูกทีมลงซ้อม แล้วเกิดความประทับใจอย่างมากในแบบแผนของเขา
แต่การเข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติเวียดนาม เขาก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดกับเรื่องของผลงาน ไม่ว่ามันจะออกมาดีหรือแย่ นั่นคือ สิ่งที่เขาต้องเผชิญตามวัฏจักรของฟุตบอล
บทสรุป กรุ๊ป ออฟ เดธ
จากผลการจับสลากที่ผ่านมา เวียดนาม แชมป์เก่า ต้องไปอยู่ร่วมกลุ่ม บี กับ ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และ ลาว ที่แทบจะไม่ต่างกับคำว่า กลุ่มแห่งความตาย เพราะรวมชาติแข็งๆ เอาไว้เกือบหมด หมายความว่า หนทางการป้องกันแชมป์ของพวกเขา หนักตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม
เมื่อทางผู้สื่อข่าวของ Dantri ได้ถามถึงบทสรุปของกลุ่มนี้ ในมุมมองของ ดาร์บี้ ได้รับคำตอบจากการวิเคราะห์ออกมาว่า
“มันแน่นอนอยู่แล้วว่ากลุ่ม บี เป็น กลุ่มแห่งความตายประจำทัวร์นาเมนต์นี้ เมื่อผลการจับสลากมันออกมาดุดันขนาดนั้น กลายเป็นว่างานนี้ชาติอย่าง อินโดนีเซีย ที่ถูกจัดไปอยู่ในกลุ่ม เอ ยิ้มกว้างได้เลย”
“ในมุมมองของผม บทสรุปของ กลุ่ม บี ทีมที่เข้ารอบจะเป็น เวียดนาม และ ไทย ที่ได้ตั๋วผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศ ทำผลงานทิ้งห่างชาติอื่นๆ แบบชัดเจน”
“ส่วนการตัดสินว่าชาติไหนจะเป็นแชมป์กลุ่มนั้น อาจต้องมาวัดกันที่ลูกได้-เสีย การเจอกับทีมที่อ่อนชั้นกว่าคงเป็นเกมสำคัญที่ต้องยิงประตูตุนไว้มากๆ รวมไปถึงผลลัพธ์ของเกมที่จะเจอกันโดยตรงของทั้งสองทีม”
แล้วชาติอย่าง มาเลเซีย อาจจะเป็นทีมที่จะเป็นตัวแปรของ ไทย และ เวียดนาม ก่อนที่ทั้งสองทีมจะดวลกันในเกมส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่ม เพื่อตัดสินว่าใครจะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในฐานะไหน
ความกดดันของ ทรุสซิเย่ร์
คำถามหนักที่ทิ้งท้าของสื่ออย่าง Dantri ได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องของความกดดันของ ทรุสซิเย่ร์ ในการมาเป็นผู้สืบทอดต่อจาก โค้ชปาร์ค ที่พาทีมเป็นแชมป์ซีเกมส์สองสมัยติดในมุมมองของ ดาร์บี้
โดยขรัวเฒ่ารายนี้ ได้ตอบถึงประเด็นที่น่าสนใจส่วนนี้เอาไว้ว่า
“มันมีความกดดันมากอยู่เสมอที่จะเกิดขึ้นกับตัวโค้ชไม่ว่าจะเป็นระดับไหนก็ตามเมื่อมารับงานคุมทีมชาติเวียดนาม ยิ่งงานใหญ่ขึ้นความกดดันก็สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว”
“ที่มาของแรงกดดันต่างๆ มาจากสื่อเองนี่แหละ ที่บางครั้งกดดันในประเด็นที่มันไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันเลย แต่ผมเชื่อว่าโค้ชที่ฉลาดอย่าง ทรุสซิเย่ร์ จะรับมือกับความกดดันนั้นได้”
อย่างไรก็ตามเป้าหมายของ ทรุสซิเย่ร์ ในการรับงานคุมทัพ ดาวทอง ตัวของ ดาร์บี้ คิดว่าไม่ใช่เป้าหมายระยะสั้นอย่างการป้องกันแชมป์ซีเกมส์แน่ๆ เพราะมีงานใหญ่กว่าอย่าง ฟุตบอลโลก ปี 2030 รออยู่
แล้วการเตรียมความพร้อมของตัวผู้เล่น คงต้องวางแผนกันตั้งแต่ บอลโลก รอบคัดเลือก 2026 เรียกผู้เล่นที่มีแววมาลองใช้งานตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อตัดเกรดหากลุ่มที่ใช้งานได้จริงต่อไป
ดังนั้นกลุ่มผู้เล่นทีมชาติเวียดนาม ชุดอายุต่ำกว่า 22 ปี จำเป็นต้องฉกฉวยโอกาสในการลงเล่นเป็นตัวจริงใน วี ลีก กับต้นสังกัดให้ไดด้ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อพัฒนาฝีเท้าและเติมประสบการณ์เรื่องกระดูกฟุตบอลให้แข็งแกร่งพอจะรับมืองานหนักที่รออยู่
ยิ่งไปกว่านั้นนักฟุตบอลเวียดนาม จำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเอง แล้วกล้าที่จะเสี่ยงออกไปเล่นยังต่างแดน ไม่ว่าจะเป็นลีกชั้นนำใน เกาหลีฯ หรือ ญี่ปุ่น เพราะผมเคยเห็นนักเตะไทย ที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดมาแล้ว หลังออกไปเล่นใน เจ ลีก อย่าง ธีราทร บุญมาทัน หรือ ธีรศิลป์ แดงดา
ทัวร์นาเมนต์อย่างซีเกมส์ ไม่สมควรจะต้องไปใส่ใจมากนักก็ได้ตามความเป็นจริง แล้วอาจใช้ประโยชน์จากรายการนี้เป็นเวทีสำหรับนักเตะดาวรุ่ง ชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี มาเก็บประสบการณ์ เพื่อพัฒนาไปตามแบบแผนที่สมาคมวางไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพราะพวกเขามีผู้เล่นที่ศักยภาพเหนือกว่าชาติอื่นๆ มากพอสมควรอยู่แล้ว
ซึ่งบทสรุปในตอนท้ายของความสำเร็จ มันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรไปมากกว่า เหรียญทอง กับการแข่งขันกับชาติในย่านอาเซียน แล้วไม่สามารถไปเทียบกับการไปเล่นบนเวทีระดับเอเชียได้เลย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
เรื่องที่น่าสนใจ
คล้ายตรงไหนบ้าง? : ศุภณัฏฐ์ นักเตะเงา โลซาโน่ ในสายตาสื่อต่างประเทศ
เวียดนามกร้าวก่อนซีเกมส์ : "4 ปีก่อน ทรุสซิเย่ร์ ก็เคยพาทีมเวียดนามยู 19 เอาชนะไทยมาแล้ว
เก่งในสนามไม่พอ : สาเหตุใด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน ?
บุรีรัมย์ ยังห่างแค่ไหน ? 10 สถิติไร้พ่ายนานที่สุดในโลก ณ ตอนนี้
คุณสมบัติอะไรที่ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นทีมไร้พ่ายนานที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ ?
ศุภณัฏฐ์ นำทัพ : 6 วันเดอร์คิดเอเชียที่ติดอันดับโลกปี 2019 ทุกวันนี้เป็นอย่างไร ?