long-read

Story

Top

Popular

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

เลสเตอร์ ซิตี้

ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา : ไปเจออะไรมาที่ เลสเตอร์ ทำไมถึงเก่งเบอร์นั้น ?

"ผมมองว่าการกลับมาจากการไปฝึกซ้อม(กับ เลสเตอร์)ในครั้งแรก มันมีการเปลี่ยนแปลง และช่วยยกระดับของทีมเราได้มาก”

นี่คือสิ่งที่ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮ้ดโค้ชของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวถึงเด็ก ๆ ในทีมของเขาอย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด, และ รัตนากร ใหม่คามิ ซึ่งนักเตะเหล่านี้ได้ใช้เวลาร่วมฝึกซ้อมกับทีม เลสเตอร์ ซิตี้ จากพรีเมียร์ลีก

การไปอังกฤษช่วงสั้นของนักเตะกลุ่มนี้ยกระดับบุรีรัมย์ได้อย่างไร ? ติดตามที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

ทำไมถึงไป เลสเตอร์ ได้ ?

เรื่องราวการส่งนักเตะไปฝึกซ้อมกับทีมในพรีเมียร์ลีกนั้นไม่ใช่เรื่องที่คิดจะส่งไปก็ไปได้ทันที แต่มันต้องอาศัยคอนเน็คชั่นเป็นหลัก ซึ่งในหัวข้อนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นถือเป็นทีมสายตรงของ เลสเตอร์ เลยก็ว่าได้ เพราะกลุ่ม คิง เพาเวอร์ ที่เป็นเจ้าของสโมสร เลสเตอร์ นั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับทีมดังจากแดนอีสานใต้ ซึ่งนั่นเป็นการเปิดทางครั้งสำคัญของพวกเขาอย่างแท้จริง

แม้ คิง เพาเวอร์ จะเป็นเจ้าของทีมในพรีเมียร์ลีก แต่พวกเขามีปณิทานที่แน่วแน่มาตลอดว่าจะร่วมพัฒนาวงการฟุตบอลไทยในพร้อม ๆ กัน ก่อนหน้านี้เราได้เห็นโครงการส่งนักเตะอายุน้อย ๆ ในวัย 15-18 ปี ที่ชื่อว่าโครงการฟ็อกซ์ฮันท์ ไปร่วมซ้อมกับทีมเยาวชนของ เลสเตอร์ ซึ่งปลายทางก็มีนักเตะหลายคนที่ได้สัญญาอาชีพกับทีมลูกที่อยู่ในลีกเบลเยี่ยมอย่าง โอเอช ลูเวิน

กลับมาว่ากันต่อที่เรื่องของนักเตะบุรีรัมย์นั้นถือเป็นโครงการที่แตกต่างจาก ฟ็อกซ์ ฮันท์ เพราะนักเตะตามชื่อที่กล่าวมาในข้างนั้นล้วนผ่านเกมระดับอาชีพในไทยลีกกันมาอย่างโชกโชน และมีสถานะเป็นกำลังหลักของสโมสรที่แข็งแกร่งที่สุดในไทยลีก

ดังนั้นเท่ากับว่านักเตะที่ถูกดึงไปซ้อมในรอบนี้คือหัวกะทิแบบไม่ต้องคัด เป็นนักเตะมีคุณภาพแน่นอน ซึ่งมันน่าจะได้ประโยชน์กว่าถ้าเอานักเตะเหล่านี้ไปเจอกับคุณภาพฟุตบอลระดับสูง และไปอยู่ทีมที่มีความเป็นมืออาชีพในทุก ๆ ด้าน ... มันจะเป็นการวัดผลแบบชัด ๆ ไปเลยว่าถ้าเอาตัวท็อปของไทยไป กิน อยู่ ซ้อม และใช้ชีวิตที่นั่น พวกเขาจะเก่งขึ้นหรือไม่ ?

"เรามีศูนย์ฝึกซ้อมแห่งใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในยุโรป และมีศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาที่ดีที่สุด เพื่อให้นักเตะทุกคนสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ในทุกช่วงเวลา การที่สามนักเตะดาวรุ่งได้ไปทดสอบฝีเท้าที่เลสเตอร์ ซิตี้ นับว่าเป็นโอกาสที่นักเตะจะได้โชว์ฝีเท้าและความสามารถของตัวเองในระดับยุโรป" อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ กล่าว

นอกจากไปเพื่อทำให้ตัวนักเตะได้พัฒนาตัวเองไปอีกระดับแล้ว ยังมีเรื่องของการเปิดตัวให้โลกรู้จัก ได้เข้าไปมีชื่ออยู่ในฐานระบบ Scouting ของยุโรป ซึ่งที่สุดแล้ว หากนักเตะไทยเหล่านี้ ได้ไปที่เลสเตอร์ และไม่ผ่านการทดสอบในระดับพรีเมียร์ลีก พวกเขาก็ยังมีโอกาสสำรองไปยังลีกเบลเยี่ยมเพิ่มอีก

ส่วนจะได้หรือไม่นั้นคืออยู่กับตัวนักเตะเอง แต่อย่างน้อย ๆ พวกเขาจะทำให้ชื่อของตัวเองรู้จักไปวงกว้างขึ้น หากวันใดมีโอกาสเหมาะสมเป็นใจ ก็อาจจะมีการติดต่อจากทีมอื่น ๆ เพื่อดึงตัวนักเตะเหล่านี้ก็เป็นได้

ปกติแล้ว เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นไม่ใช่คนที่จะปล่อยนักเตะตัวท็อปของพวกเขาออกจากอ้อมอกง่าย ๆ ยกตัวอย่างเช่นครั้งหนึ่งหากยังจำกันได้ เนวิน เคยให้สัมภาษณ์สมัยที่ ธีราทร ยังอยู่กับ บุรีรัมย์ คำรบแรกในเชิงที่ว่า หากไปเล่นให้กับทีมในเอเชียหรือในญี่ปุ่นในระดับแถวหน้า เขาเชื่อว่า ธีราทร จะได้ประโยชน์มากกว่าหากเล่นให้กับ บุรีรัมย์ ที่วางเป้าจะเป็นทีมท็อป 5 ของเอเชียในอนาคต

แต่กับกลุ่มนักเตะ 3-4 คนที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แตกต่างกับเคสของ ธีราทร เมื่อหลายปีก่อน โดย เนวิน เผยว่าการไป เลสเตอร์ ครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นอะไรหลาย ๆ อย่างของวงการฟุตบอลไทยในอนาคต ต่อให้นักเตะของพวกเขาไม่สามารถเล่นในยุโรปได้ แต่ก็จะสร้างประโยชน์มากมายสำรับนักกีฬารุ่นหลัง

"เราอยากให้คนทั้งโลกได้เห็นตัวอย่างความมุ่งมั่นและพยายาม ที่พร้อมทุ่มเทแบบสุดตัวของคนไทย ผมมั่นใจว่าเด็กของบุรีรัมย์จะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กรุ่นต่อไป ที่กำลังเดินตามเส้นทางของฟุตบอลอาชีพได้ การพัฒนาวงการฟุตบอลไทยจะต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง"

"การลงมือทำต่อจากนี้ต้องสามารถจับต้องได้ เห็นเป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องได้มาตรฐานในระดับสากล จึงเกิดเป็นความร่วมมือที่จะส่งนักเตะของสโมสรที่มีฝีเท้าโดดเด่น เพื่อเข้าทดสอบฝีเท้ากับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ในครั้งนี้” เนวิน ชิดชอบ กล่าว

แม้จะโดนวิจารณ์ว่าเป็นวาทกรรมที่สร้างความนิยมให้กับตัวเองในสายตาของคนบางกลุ่ม แต่ที่สุดแล้วนักเตะของบุรีรัมย์ก็บินลัดฟ้าไปยัง เลสเตอร์ ซึ่งที่นั่นพวกเขาได้เจอสิ่งใหม่ต่าง ๆ มากมาย... อย่างเช่นสิ่งที่เรียกว่า "คุณภาพระดับมืออาชีพ"

เลสเตอร์ให้อะไร ?

ประการเเรกคุณควรรู้ไว้ก่อนเลยว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ลงทุนกับระบบเยาวชน และคาดหวังให้สิ่งนี้เป็นเบื้องหลังความสำเร็จในระยะยาวของสโมสรมาโดยตลอด ซึ่งจากการลงทุนเชิงโครงสร้างต่าง ๆ พวกเขาได้สร้างนักเตะที่เยาวชนทีอย่าง ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, เบน ชิลเวลล์, ลุค โธมัส, ฮัมซา เชาฮ์รี่ และ เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่ ฮอลล์ เป็นต้น แน่นอนว่าอคาเดมี่ของ เลสเตอร์ ถูดจัดให้เป็น 1 ในอคาเดมี่ที่มีคุณภาพที่สุดของประเทศ

โดยกลุ่มนักเตะไทยจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นไม่ได้ไปซ้อมหรือมีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่มากมายนัก โดยหลัก ๆ แล้วพวกเขาจะไปลงซ้อม และเล่นแมตช์อุ่นเครื่องให้กับทีมชุดยู 23 ซึ่งหลักของการพัฒนานักเตะเลสเตอร์ในช่วงอายุดังกล่าวนั้น ... มีดังนี้

ย้อนความกันสักนิด เลสเตอร์ นั้นก็เหมือนกับทีมชั้นนำอื่น ๆ ที่พยายามจะวางโครงสร้างและส่งต่อนักเตะเยาวชนแต่ละรุ่นอายุไปยังรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นวิธีการเล่น หรือรายละเอียดต่าง ๆ จะไม่แตกต่างกันมากนัก เพียงแต่จะมีการเพิ่มความเข้มข้นขึ้นตามแต่รุ่นอายุ พวกเขาพยามทำให้นักพัฒนาตัวเองในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเรื่องคุณภาพการเล่น การเป็นมืออาชีพ และการใช้ชีวิต

เอียน คอว์ลี่ย์ (ian cawley) ผู้ดูแลทีมเยาวชนของ เลสเตอร์ กล่าวว่าถึงเรื่องนี้ว่า พวกเขาไม่อยากจะพัฒนาให้นักเตะในทีมเป็นนักฟุตบอลที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องการให้พัฒนาเป็นคนที่ดี สำหรับรุ่นเด็ก ๆ 8-9 ขวบ พวกเขาสอนกันตั้งแต่การจัดกระเป๋าเพื่อเดินทางไปแข่งในแต่ละเกม การสอนเรื่องวิธีการสื่อสาร และเมื่อถึงวัยรุ่นอายุ 16 ปีเป็นต้นไป จะมีการสอดแทรกเรื่องการต่อต้านการใช้สารกระตุ้น การวางแผนการเงิน การมองผู้อื่นด้วยความเท่าเทียม การยอมรับความหลากหลาย พวกเขาสิ่งนี้ว่า "โปรเเกรมดำเนินชีวิต"

ส่วนเรื่องโปรเเกรมการฝึกซ้อมนั้นอาจจะไม่ได้มีการเปิดเผยโดยละเอียดว่านักเตะในทีมทำอะไร ในเวลาไหนกันบ้าง แต่ที่แน่ ๆ เรื่องความพร้อมอื่น ๆ ในส่วนต่าง ๆ นั้นเรียกได้ว่ามีทุกอย่างรองรับเพื่อให้นักฟุตบอลมีความสะดวกสบายที่สุด ว่าง่าย ๆ ก็คือพวกเขาพยามทำให้นักฟุตบอลสามารถโฟกัสกับฟุตบอลอย่างเต็มที่

ตั้งแต่หญ้าในสนามซ้อมที่มีการทำวิจัยเพื่อหาหญ้าที่ดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์กัสไตล์การเล่นของทีม ขณะที่ในการซ้อมทุก ๆ สนามและทุกรุ่นอายุจะมีกล้องสไปเดอร์แคม ติดตั้งจากมุมสูงของสนาม ทำให้สามารถบันทึกทุกการฝึกซ้อมจากมุมต่าง ๆ

ซึ่งในส่วนนี้พวกเขาจะเอาวิดีโอในการซ้อมไปใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลของแต่ละคนอีกครั้ง ในช่วงของการเปิดวีดีโอเพื่อเรียนรู้วิธีการเล่นทีมแต่ละชุด และแก้ไขจุดอ่อนของนักเตะในเชิงแท็คติกเป็นรายคน

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมนักเตะที่เล่นในเกมระดับสูงจึงมีความแม่นยำในการยืนตำแหน่ง, การวิ่งเข้าหาคู่ต่อสู้เพื่อแย่งบอล และการเปลี่ยนจากรับเป็นรุก มีความเข้าใจเกมในระดับที่ร่างกายสามารถปฎิบัติตามที่ซ้อมในเกมการแข่งขันจริง ๆ ได้อย่างอัตโนมัติ เพราะพวกเขาโดนจี้และชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของตัวเองในทุก ๆ วัน ทุก ๆ เซนซั่นในยามที่ลงซ้อมนั่นเอง

เบรนเเดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของ เลสเตอร์ ถึงกับบอกว่าการยกระดับศูนย์ฝึกของ เลสเตอร์ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาคือสุดยอดความสำเร็จในระยะยาวของสโมสรเพราะทุก ๆ ส่วนของสนามเต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย ช่วยให้นักเตะทุกชุด และโค้ชทุก ๆ คนทำงานของตัวเองได้ง่ายและมีคุณภาพมากขึ้น

นอกจากจะมีการบันทึกการซ้อมด้วยวีดีโอมุมสูงอย่างละเอียดเพื่อปรับปรุงเกมในสนามแล้ว นักเตะของ เลสเตอร์ ทุกคนในทีม จะได้รับการดูแลเรื่องอาหารการกินและตรวจสอบสมรรถภาพร่างกายสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อตรวจหาสิ่งที่อยู่ข้างในตัวของพวกเขาที่จะเป็นข้อมูลให้ทีมงานรู้ได้ทันทีว่าแต่ละคนใช้ชีวิตหลังจากการซ้อมอย่างไร

ซึ่งการตรวจแต่ละครั้งจะวัดผลได้ว่าใครไขมันเกินกำหนด หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย ซึ่งถ้าหากผิดไปจากที่กำหนดไว้ นักเตะคนนั้นจะต้องถูกจับมาควบคุมน้ำหนัก และปรับสภาพร่างกายภายในให้พร้อมสำหรับเกมระดับสูง

ซึ่งสิ่งนี้แหละที่อยู่เบื้องหลังการรักษาสมรรถภาพร่างกายของนักเตะเลสเตอร์ อย่าง เจมี่ วาร์ดี้ ที่คว้าเเชมป์นักเตะที่ร่างกายแข็งแรงมีไขมันน้อยที่สุด และร่างกายสมบูรณ์ที่สุดแบบนับรวมน้ำหนักและส่วนสูง

เราได้เห็นนวัตกรรมการเตรียมพื้นสนาม ความเข้มข้นในเชิงแท็คติกโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย และการควบควมสมรรถภาพร่างกายให้อยู่สภาวะที่พร้อมสำหรับเกมการแข่งขันอยู่ตลอดเวลาแล้ว…

แต่มันยังไม่หมดแค่นั้น เลสเตอร์ ยังมีนวัตกรรมการดูแลและบำบัดนักเตะที่กรำการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงอีกมากมาย ตั้งแต่การเอาวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ ไปจนถึงการใช้ภูมิปัญญาอย่างวารีบำบัด รวมถึงอื่น ๆ อีกมากมาย

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

"สระน้ำสำหรับการทำวารีบำบัดของเราใหญ่จนเหลือเชื่อ นี่คือวิทยาศาสตร์การกีฬาในแบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อนสมัยที่ยังซ้อมที่สนาม เบลวัวร์ ไดรฟ์ (สนามซ้อมเก่า)" เบรนเเดน ร็อดเจอร์ส กล่าว

"ของแบบนี้มันทำให้นักเตะฟื้นตัวได้ดีมา เรามีทีมวิทยาศาสตร์การกีฬาโดยเฉพาะ และเราก็พยายามจะดูแลรักษาร่างกายของนักเตะในทีมให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้พวกเขาได้ลงสระว่ายน้ำ เครื่องมือสำหรับการบำบัดร่างกาย เรามียารักษาโรคเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ของแบบนี้นี่แหละที่ทำให้ผมเชื่อว่าสนามซ้อมของเราไม่เป็นสองรองใคร และมันทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องการฟื้นฟูร่างกายจากโปรเเกรมหนัก ๆ มากนัก"

ให้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะต้องการสิ่งที่ดีที่สุด

จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งที่กล่าวมานั้นคือความบริการที่พร้อมเสิร์ฟให้นักเตะทุกคนทุกรุ่นอายุแบบแทบจะป้อนให้ถึงปาก ซึ่งแน่นอนว่านักเตะแต่ละคนก็รับสิ่งเหล่านี้ได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับทัศนคติของนักเตะแต่ละคน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม เลสเตอร์ พยายามปลูกฝังเรื่องความเป็นมืออาชีพ และมีแนวคิดที่อยากจะพัฒนาตัวเอง รับผิดชอบต่อหน้าที่

"ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันขึ้นอยู่กับนักเตะแต่ละคน พวกเขาเป็นนายตัวเอง ผมบอกเสมอว่าพวกเขาอาจจะมีรายได้มากกว่าคนที่ทำงานเป็นช่างไม้หรือช่างก่อสร้างเยอะ”

“แต่โดยหลักการแล้วจะนักฟุตบอลหรือช่างก่อสร้าง ทุกอาชีพล้วนต้องการเครื่องมือในการทำงาน ยิ่งเครื่องมือดีเท่าไหร่ งานฝีมือของคุณก็จะออกมาดีเท่านั้น ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าสโมสรของเราจัดเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้พวกเขาเเล้ว”

“ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของพวกเขาทั้งหมด ... เมื่อคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ คุณไม่มีข้อแก้ตัวได้อีกแล้ว ถ้าคุณไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ คุณจะไม่สามารถโทษคนอื่นได้เลย มันขึ้นอยู่กับตัวพวกคุณจริง ๆ"

"สโมสรให้สิ่งที่ดีที่สุดไปแล้ว และหวังว่าจะได้สิ่งที่ดีที่สุดกลับมาเช่นกัน" เบรนเเดน ร็อดเจอร์ส ให้สัมภาษณ์กับ Sky Sports ซึ่งถือเป็นการสรุปได้เป็นอย่างดีว่าที่ เลสเตอร์ พวกเขาฝึกนักเตะแบบไหน และนักเตะที่อยู่ในทีมฝึกอะไรกันบ้าง

ที่สุดแล้วแม้ตัวนักเตะบุรีรัมย์ ที่ไปฝึกซ้อมกับ เลสเตอร์ จะไม่ได้ออกมาเปิดตรง ๆ ว่าพวกเขาซ้อมอย่างไร และทำอะไรบ้าง มีตารางชีวิตแต่ละวันเป็นแบบไหน แต่สิ่งที่ เบรนเเดน ร็อดเจอร์ส ที่เปรียบเสมือนผู้เป็นหน้าเป็นตาขององค์กรกล่าวมา ก็น่าจะทำให้เราพอนึกภาพออกว่า นักเตะของเลสเตอร์ หรือแม้แต่นักเตะที่ไปซ้อมกับทีมเลสเตอร์ จะต้องเจอกับอะไรบ้าง ถูกปลูกฝังแนวคิดแบบไหนบ้าง ซึ่งแน่นอนว่ามันคือวิถีของมืออาชีพอย่างแท้จริง

นอกจากวิธีการจากฝั่งเลสเตอร์แล้ว ตัวแทนของฝั่ง บุรีรัมย์ อย่าง เนวิน ชิดชอบ ก็เคยออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าวหลังจากนักเตะในทีมไปซ้อมกับ เลสเตอร์ เสร็จเรียบร้อยเเล้วว่า

"เมื่อเดือนที่ผ่านมาเราส่ง ศุภชัย, ศุภณัฎฐ์ และ รัตนากร ไปร่วมซ้อมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นเวลา 40 วัน พอกลับมาประเทศไทยเราเห็นได้ทันทีเลยว่าพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมาก มันสะท้อนให้ผมเห็นว่าปัญหาในการฝึกซ้อมของทีมเรายังไม่เข้มข้นเพียงพอ" เนวิน กล่าวต่อ

"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้ผมคิดแบบนี้ เพราะผมเคยเห็นมาตั้งแต่รุ่นแรกที่ส่ง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, ยศพล เทียงดาห์ ไปที่เลสเตอร์ พวกเขาก็กลับมาเล่นได้ดีมากจนติดทีมชาติไทยมาตลอด

“จากนี้ไปทิศทางของเรากับการพัฒนาฟุตบอลจะเป็นแบบนั้น เราพร้อมจะปล่อย ศุภชัย ศุภณัฎฐ์ และ รัตนากร กลับไปฝึกที่ เลสเตอร์ อีกครั้งในช่วงพักเลกแรก เพื่อเรียนรู้ และผมเชื่อจริง ๆ ว่าพวกเขาจะกลับมาเป็นกำลังสำคัญของบุรีรัมย์ และทีมชาติไทยได้อย่างแน่นอน"

เมื่อเจ้าบ้านที่อังกฤษกล้ายืนยันในคุณภาพของสิ่งที่ตัวเอง และผู้มาเยือนจากไทยก็ได้เห็นความต่างที่ชัดเจนในวันที่นักเตะของพวกเขากลับมา มันค่อนข้างจะแน่ชัดว่าการไปที่ เลสเตอร์ นั้นไม่ได้สูญเปล่าอย่างแน่นอน

ยิ่งในรายของ ศุภณัฎฐ์ ที่ถูกใจทีมโค้ชของ เลสเตอร์ จนได้ซ้อมที่อังกฤษนานกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ เราก็ได้เห็นว่าเมื่อเขากลับมาเล่นให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในเลกที่ ศุภณัฎฐ์ ดูดีขึ้นขนาดไหนทั้งในแง่ของร่างกาย ความฟิต และความเฉียบขาดในสนาม

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ทั้งที่เป็นภูมิภาคบ้าบอล : ทำไมไม่ค่อยมีนักเตะสัญชาติ ‘อาเซียน’ ค้าแข้งอยู่ในยุโรป

คาเซมิโร แห่ง AFF : บทบาทกองกลางยุคใหม่ที่คลาสของ ธีราทร ตอบโจทย์ทุกข้อ

Inverted Wing Back : ตำแหน่งที่ทำให้ ธีราทร เล่นกองกลางได้เนียนตา

https://www.leicestermercury.co.uk/sport/football/football-news/leicester-city-academy-paul-mcguinness-6371508

https://www.leicestermercury.co.uk/sport/football/football-news/how-leicester-citys-youth-success-1310184

https://www.leicestermercury.co.uk/sport/football/football-news/leicester-city-braybrooke-nelson-alves-7369535

https://www.skysports.com/football/story-telling/11712/12395047/inside-leicester-citys-new-training-ground-with-brendan-rodgers

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด