สู้จนได้ดี : ‘จิรวัฒน์ วังทะพันธุ์’ จอมหนึบจากขอนแก่น สู่ขุนพลทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก

สู้จนได้ดี : ‘จิรวัฒน์ วังทะพันธุ์’ จอมหนึบจากขอนแก่น สู่ขุนพลทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

หลังจากศึก ไทยลีก ฤดูกาล 2023/24 เริ่มทำการแข่งขันกันมาจนถึงนัดที่สาม ผู้เล่นทั้งชาวไทยหลายต่อหลายคนที่อยู่ในโผการติดทีมชาติ พยายามเค้นฟอร์มออกมาให้ดีที่สุด เพราะรู้ว่าในช่วงต้นเดือนกันยายน จะมีโปรแกรมทีมชาติในศึก คิงส์ คัพ ให้มีลุ้นติดธงไปรับใช้ชาติ

แน่นอนว่าดาวเตะหน้าเดิมหลายราย ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ที่ต้องการมีลุ้นติดทีมชาติชุดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามหลังผ่านการเล่นไปสองเกมแรก กระแสของผู้รักษาประตูจอมหนึบจากสโมสร ขอนแก่น อย่าง พีท-จิรวัฒน์ วังทะพันธุ์ กลับถฏแฟนบอลพูดถึงผลงานกันอย่างหนาหู พร้อมเชียร์ให้เขาได้มีโอกาสไปติดโผทีมชาติในเดือนหน้า

PHOTO : Buriram United

จิรวัฒน์ เปิดหัวเกมแรกด้วยการเก็บคลีนชีท ในการยันเสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-0 ต่อด้วยเกมที่สองที่บุกไปเยือน ชลบุรี เอฟซี แล้วสามารถแบ่งแต้มกลับออกมาได้ด้วยสกอร์เดียวกัน พร้อมผลงานเซฟแบบร่างทอง 10 ครั้งเน้นๆ เรียกได้ว่าไม่มีนายด่านชาวไทยรายไหนผลงานเด่นไปกว่าเขาเลยจริงๆ ในช่วงเวลานี้

สุดท้ายผลแห่งความพยายามของ พีท ทำให้เขาถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติเป็นขุนพลช้างศึก 23 คน เพื่อเตรียมล่าแชมป์ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ที่จะแข่งขันกันในวันที่ 4-10 กันยายน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้เขาต้องต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นาๆ มามากมายนับไม่ถ้วน

PHOTO : Jiranwant Wngtapan

เส้นทางที่ผ่านมาของ จิรวัฒน์ ก่อนจะมาเป็นนักเตะอาชีพนั้นเป็นเช่นไร? ปัญหามากมายนานับประการที่แฟนบอลหลายคนอาจยังไม่ทราบเป็นอย่างไรบ้าง? ใครเป็นคนที่เห็นแววและส่งเสริมเขาก้าวมาประสบความสำเร็จอบบทุกวันนี้ได้ ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

จากสุขสบายสู่การล้มละลาย

ครอบครัววังทะพันธุ์ ถือว่ามีฐานะที่ค่อนข้างไปทางดี เพราะมีธุรกิจส่วนตัวเป็นโรงงานทำไอติม ที่มีคุณพ่อที่เป็นชาวจีน ร่วมทุนกับคุณแม่ที่เป็นชาวไทยจากภาคใต้ เริ่มกันก่อตั้งขึ้นจากการขายส่งทั่วจังหวัดขอนแก่นที่เป็นภูมิลำเนาที่ตัดสินใจมาตั้งรกรากครอบครัว ก่อนจะขยายตลาดส่งออกไปทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ลูกๆ ทั้งสามคนในครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายดีตามฐานะ จิรวัฒน์ ที่เป็นน้องชายคนสุดท้อง สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนที่มีค่าเทอมสูง พร้อมกับมีช่วงเวลาทำกิจกรรมยามว่าง ด้วยการไปฝึกฟุตบอลกับอคาเดมี่ เลอสรร 12 ที่มีอดีตนักเตะทีมชาติไทยและผู้ฝึกสอนสโมสรธนาคารกรุงเทพอย่าง อ. เลอสรร รักอ่อน เป็นผู้วางแนวทางการฝึกปรือฝีเท้า

PHOTO : Jiranwant Wngtapan

แต่วิกฤติการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับครอบครัววังทะพันธุ์ จากการที่ต้องสูญเสียคุณพ่อที่เป็นเสาหลักของการบริหารโรงงานไปด้วยวัยเพียงแค่ 55 ปี เนื่องจากปัญหาสุขภาพที่มีโรคประจำตัวรุมเร้าทั้ง เบาหวาน, ความดัน และ โรคไต ทำให้หนี้ที่กู้มาเพื่อลงทุนทำโรงงานราว 30 ล้านบาท ผ่อนชำระไปแล้วยังเหลืออีกกว่า 10 ล้านบาท

ผ่านเวลาไปราว 3-4 ปี คุณแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งหมด 3 คน พยายามทำหน้าที่แทนอย่างดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถแบกรับภาระหนี้ก้อนโตไหว จนในที่สุดครอบครัวก็ตกอยู่ในสถานะล้มละลาย จากที่เคยอยู่กับแบบสุขสบายต้องปรับตัวจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งตอนนั้น จิรวัฒน์ เพิ่งจะอยู่ในชั้นประถามศึกษาเท่านั้นเอง

หลังจากรับรู้ปัญหาครอบครัว จิรวัฒน์ ไม่ได้นิ่งเฉยกับสถานการณ์ดังกล่าว แต่เด็กอย่างเขาคงทำได้แค่แบ่งเบาภาระครอบครัว จึงตั้งเป้าว่าจะใช้ทักษะกีฬา ‘ฟุตบอล’ เพื่อทดสอบขอทุนเข้าเรียนฟรีกับโรงเรียนที่เป็นเต้ยแห่งวงการลูกหนังขาสั้น

PHOTO : Jiranwant Wngtapan

แต่แล้วเส้นทางของเขามันไม่ได้ง่ายนัก เพราะการคัดเลือกในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คหรือกองหลังตัวกลาง แล้วต้องไปฝ่าด่านดวลกับผู้เล่นฝีเท้าดีรายอื่นๆ การที่เขามีแค่รูปร่างที่สูงใหญ่นั้นไม่เพียงพอ จึงถูกปฏิเสธจากโรงเรียนชื่อดัง ยกตัวอย่างเช่น อัสสัมชัญ ธนบุรี แต่โชคยังดีที่มี โรงเรียนกีฬาขอนแก่น เห็นค่าของเขา

ในช่วงมัธยมต้น พีท ยังคงเลือกเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คเหมือนเดิม แต่ทางผู้ฝึกสอน อ.โจ้ อภิชัย พลพิทักษ์ เจอกับปัญหาขาดแคลนนักเตะในตำแหน่งผู้รักษาประตู จึงจับเอาเขาไปทดลองเล่นเป็นนายทวารมือสอง เนื่องจากเล็งเห็นข้อได้เปรียบของรูปร่างที่สูงใหญ่ พร้อมกับมีการทดลองเปลี่ยนตัวลงมาเซฟจุดโทษ แล้วก็ได้ผลหลายต่อหลายครั้ง

พอเข้าสู่ช่วงมัธมปลาย จังหวัดขอนแก่นมีการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลอาชีพขึ้นมานั่นก็คือทีม ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน พร้อมมีการเซ็น MOU กับโรงเรียนกีฬาประจำจังหวัด ทำให้มีการลงทุนดึงเอาผู้ฝึกสอนมืออาชีพเข้ามาดูแลนักเตะเยาวชน การฝึกเป็นผู้รักษาประตูของ จิรวัฒน์ จึงเริ่มต้นขึ้นแบบจริงจังตั้งแต่ช่วงนี้ ตามที่เล่าย้อนความเอาไว้ว่า



“ช่วงแรกผมมักถูกส่งลงเล่นเป็นประตูสำรอง มีหน้าที่ลงไปเซฟจุดโทษ เพราะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่พอเข้าสู่ชั้นม.ปลาย ทางโรงเรียนก็มีการนำเอาโค้ชประตูมาฝึกสอนเทคนิคและเบสิคแบบจริงๆ จังๆ ในเรื่องของการเซฟประตู”
PHOTO : Jiranwant Wngtapan

จิรวัฒน์ พัฒนาตัวเองจนลงเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่งให้กับทีมโรงเรียนในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย ก. รุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี และ 18 ปี แล้วก็ได้มีการลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องกับสโมสร ขอนแก่น ยูไนเต็ด ซึ่งมีทาง โค้ชธง-ธงชัย สุขโกกี อดีตผู้รักษาประตูของสโมสร ธนาคารกรุงไทย เป็นผู้ฝึกสอนในเวลานั้น

ซึ่งหลังจากที่โค้ชธงได้เห็นผลงานของ จิรวัฒน์ ในการเฝ้าเสา จึงตัดสินใจเลือกดาวเตะรายนี้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับสัญญาอาชีพจาก จงอางผยอง โดยในเวลานั้น พีท มีอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น

ไต่เต้าจากรากหญ้า

หลังจากเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ จิรวัฒน์ ก็มีเงินเดือนในการเลี้ยงดูตัวเองเล็กน้อยราว 6 พันบาท พร้อมกับการได้เรียนต่อฟรีในโควต้านักกีฬาของ มหาวิทยาลัย ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งเบาภาระครอบครัวได้ตามที่ตั้งใจไว้

หน้าที่ของเขาต้องทำหลายต่อหลายอย่างทั้งเป็น เด็กเชิญธง, พนักงานช่วยขายของที่ระลึกสโมสร, ซ้อมตามโปรแกรม และลงเข่งขันในลีกเยาวชน ก่อนจะถูกปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับสโมสร กาฬสินธุ์ เอฟซี ในระดับ ไทยลีก 3 เพื่อเก็บประสบการณ์ ในปี 2017

PHOTO : Jiranwant Wngtapan

ถัดมาในปี 2018 จิรวัฒน์ ที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ก็กลับมาเป็นขุนพลตัวหลักให้กับสโมสร ขอนแก่น ยูไนเต็ด ลงเล่นในระดับ ไทยลีก 4 พร้อมครองสถิติการเก้บคลีนชีทได้มากที่สุดในประเทศไทย ลงเล่นไป 31 นัด ไม่เสียประตูมากถึง 15 เกม พาทีมไปถึงตำแหน่งรองแชมป์ได้เลื่อนชั้นไปเล่น ไทยลีก 3

ฤดูกาลต่อมา จิรวัฒน์ ยังคงเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม พาทีมคว้าแชมป์ ไทยลีก 3 เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 2 แล้วปีถัดมาก็ได้เข้าสู่รอบเพลย์ ออฟ ชิงตั๋วขึ้นสู่ลีกสูงสุด ซึ่งเหมือนโชคชะตาเล่นตลกเพราะคู่แข่งที่ จงอางผยอง ต้องดวลด้วย คือ นครปฐม ยูไนเต็ด ภายใต้การทำทีมของ โค้ชธง ที่เป็นคนเห็นแววในตัวเขาแล้วเลือกเขามาเป็นนักบอลอาชีพ แล้วเกมนั้น พีท ก็กลายเป็นฮีโร่เซฟจุดโทษพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด

PHOTO : Jiranwant Wngtapan

ก่อนที่ทาง จิรวัฒน์ จะประสบความสำเร็จแบบที่เห็นทุกวันนี้ได้ เขาต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในการรอคอยให้ต้นสังกัดพ้นวิฏฤติในช่วงที่ถูกตัดสิทธิ์พักทีม ด้วยการเป็นผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการต่อสัญญาให้ไปต่อกับทีม

บทบาทของเขากับ จงอางผยอง มีขึ้นๆ ลงๆ ตามวัฏจักรของนักฟุตบอล เคยหลุดเป็นมือสองเมื่อทีมมีการเสริมนายทวารตัวเก๋าเข้ามา กว่าที่จะพิสูจน์ตัวเองเป็นตัวจริงได้แบบทุกวันนี้ ต้องป้องกันประตูนับไม่ถ้วนจนพาทีมรอดตกชั้นมาหลายซีซั่น

โดยผลงานที่เด่นชัดที่สุดของ จิรวัฒน์ ในฤดูกาลนี้ คือ เกมที่ต้องออกไปเยือน ชลบุรี เอฟซี ที่เขาป้องกันประตูแบบเน้นๆ ไปถึง 10 ครั้ง ซึ่งหลังจบเกมเจ้าตัวถึงกับกล่าวเอาไว้ว่า

“ผมคิดว่าตอนนั้นมันเหนื่อยมากจริงๆ ขอลงไปนอนพักก่อน หมดหรือไม่หมด ก็ค่อยสู้กันต่อ”

“สองเกมที่ผ่านมาเราเจอทีมใหญ่ เก่งกว่า และไม่เสียประตูก็ดีใจในฟอร์มส่วนและขอบคุณพี่ๆ ในทีมที่ช่วยกันเล่นตามแท็คติก นัดต่อไปกลับไปเล่นในบ้านเจอ ราชบุรี จะพยายามเก็บ 3 แต้มให้ได้”

แม้ว่าผลการแข่งขันกับ ราชบุรี เอฟซี จะไม่เป็นไปตามเป้าที่ พีท ตั้งใจไว้ในการพาทีมเก็บสามแต้มในรัง ด้วยผลเสมอกันไปแบบสุดมัน 2-2 แล้วเจ้าตัวก็เสียประตูเป็นเกมแรกในฤดูกาลนี้ แต่รางวัลปลอบใจในช่วงเช้านี้ในการมีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่ คงช่วยให้ตัวเขามีกำลังใจและมุ่งมั่นในการทำผลงานให้ดีต่อไป

โอกาสบนเวทีระดับชาติ

การติดทีมชาติชุดใหญ่ของ จิรวัฒน์ ในวัย 25 ปี เป็นความภาคภูมิใจส่วนตัวของเขาที่มองว่าเป็นจุดสูงสุดของนักฟุตบอลอาชีพ ตอบแทนความพยายามที่ไม่เคยย่อท้อมาตลอดเป็นสิบปี ผ่านความผิดหวังและอุปสรรคมานับไม่ถ้วน

ซึ่งหลังจากเขารับรู้ถึงการประกาศเรียกตัวขุนพลช้างศึก 23 คนสุดท้ายไปลุยศึก คิงส์ คัพ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ไว้ว่า



"มันเป็นจุดสูงสุดของนักฟุตบอลอาชีพครับ ผมถือว่าเป็นเกียรติมากที่มีโอกาสติดทีมชาติไทยครั้งนี้ ส่วนผมก็ยังต้องพยายามปรับปรุงหลายอย่าง เช่น การเปิดบอล การออกบอล และการออกมาร่วมเล่นกับกองหลังครับผม"
PHOTO : Jiranwant Wngtapan
"ผมคิดว่ายังสามารถดีได้กว่านี้อีก ผมยังพัฒนาได้อีกครับ ผมฝากแฟนบอลชาวไทยช่วยเป็นกำลังใจให้กับผม ผมจะพยายามทำเต็มที่ และเก็บประสบการณ์ในครั้งนี้ให้มากที่สุดครับ"

เชื่อเหลือเกินว่าต่อให้โอกาสและผลงานในนามทีมชาติของ จิรวัฒน์ จะออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ ทัศนคติของเขาต่อการเล่นฟุตบอลอาชีพ ความกระหาย และความใจสู้ จะไม่เลือนลางหายไป แล้วพร้อมจะพาเขาไปสู่จุดที่สูงขึ้นกว่านี้ในสักวัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://www.smmsport.com/reader/news/421137

https://www.youtube.com/watch?v=a7cvMh8uLzE

https://www.youtube.com/watch?v=4LHRhKlZUpY

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ประทุม ชูทอง : นักสู้มืออาชีพแห่งโลกบอลเดินสาย
เปิดใจ ‘เบ็ค-สมเกียรติ คุณมี’ : ทำไมตัวท็อป ‘ฟ็อกซ์ฮันท์’ ถึงเลือกเส้นทางบอลเดินสาย ?
‘ผักบุ้ง PBDS’ : หญิงแกร่งแห่งวงการฟุตบอลเดินสาย
‘ใหญ่ นิลวงษ์ ’: โค้ชจอมเลื่อนชั้นแห่ง T3 ที่คุมทีมเดินสายที่ชนะ 100%
สโมสร ‘แตงโม’ : ตำนานแชมป์เงินล้านบอลเดินสายสองปีติดทีมเดียวในประเทศไทย
ศราวุฒิ มาสุข : กับชีวิตใหม่ในเส้นทางฟุตบอลเดินสาย

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ