สื่อดังทึ่งพัฒนาการญี่ปุ่น : จากชาติที่เชิญโค้ชยุโรปไปสอน สู่ชาติที่ไล่ตบยอดทีมของยุโรป

โปรแกรมทีมชาติประจำเดือนกันยายนผ่านพ้นไปแล้ว ชาติในเอเชียต่างใช้การแข่งขันคราวนี้ประเมินศักยภาพทีมและเตรียมความพร้อม ก่อนลุยสองศึกใหญ่อย่าง ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ที่จะเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน และฟุตบอล เอเชียน คัพ รอบสุดท้าย ในเดือนมกราคม ปี 2024

ทีมชาติไทยก็ทำผลงานได้ไม่เลว จากการคว้ารองแชมป์คิงส์คัพ แต่ชาติจากเอเชียที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดและเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศก็คือ ทีมชาติญี่ปุ่น ที่กลายเป็นทีมระดับโลกไปเรียบร้อย

ความจริงแล้วขุนพลซามูไรบลูสร้างผลงานสะเทือนโลกมาตั้งแต่เวิลด์คัพฉบับกาตาร์ เมื่อพวกเขาผ่านเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย จากการโค่นอดีตแชมป์โลกอย่าง เยอรมัน และ สเปน ลงแบบเรียบวุธในรอบแบ่งกลุ่ม

มาถึงโปรแกรมฟีฟ่าเดย์หนนี้ ทีมชาติญี่ปุ่น ก็พิสูจน์ให้คนทั้งโลกเห็นว่า ผลงานในฟุตบอลโลก 2022 ไม่ใช่เรื่องฟลุค หลังโชว์ฟอร์มสุดเหี้ยมเกรียมบุกไปยิง เยอรมัน ถึงบ้าน 4-1 จน ฮันซี่ ฟลิค ต้องกระเด็นจากเก้าอี้ จากนั้นพวกเขายังเอาชนะ ทีมชาติตุรกี 4-2 ในเกมต่อมา ทั้งที่ส่งนักเตะชุดสองลงสนาม

ต้องบอกว่าขุมกำลังทีมชาติญี่ปุ่นนาทีนี้แกร่งทั่วแผ่นจริง ๆ แม้แต่ โธมัส มุลเลอร์ แนวรุกคนดังของทีมอินทรีเหล็ก ยังยอมรับว่า ญี่ปุ่น น่าจะเป็นทีมที่อยู่อันดับท็อป 10 ของฟีฟ่าแรงกิ้งด้วยซ้ำ เมื่อดูจากฟอร์มการเล่น (ปัจจุบันรั้งอันดับ 20)

เช่นเดียวกับสื่อทั่วยุโรปที่พร้อมใจกันซูฮกผลงานของนักเตะญี่ปุ่นชุดนี้ หนึ่งในนั้นคือ Mundo Deportivo สื่อเล่มดังของแคว้นกาตาลันในสเปน ที่รู้สึกทึ่งกับพัฒนาการของทีมซามูไรบลูในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

โดยยกตัวอย่างฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ ญี่ปุ่น ยังเชิญโค้ชจากยุโรปไปถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับแท็คติคฟุตบอลอยู่เลย แต่ตอนนี้พวกเขากลับเป็นฝ่ายไล่ต้อนยอดทีมของยุโรปเสียแล้ว

"ตอนที่ญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2002 ญี่ปุ่นยังเชิญโค้ชจากยุโรปไปให้ความรู้ด้านแท็คติคอยู่เลย แต่ 20 ปีต่อมา นัดเตะของพวกเขาทำผลงานได้ดีในลีกระดับท็อปของยุโรป และพวกเขาก็เอาชนะทั้งเยอรมันและสเปนฝนฟุตบอลโลก" เนื้อหาในบทความ Mundo Deportivo

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ทีมชาติญี่ปุ่น พัฒนาแบบก้าวกระโดดขนาดนี้ คือการส่งนักเตะมาค้าแข้งในยุโรป ซึ่งนักเตะชุดปัจจุบันไม่เพียงแค่เล่นในลีกดัง ๆ เท่านั้น แต่หลายคนยังเล่นอยู่กับทีมใหญ่ และเป็นตัวหลักของสโมสรด้วย อาทิ วาตารุ เอ็นโดะ (ลิเวอร์พูล), ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ (อาร์เซนอล), ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล โซเซียดาด) และ ไดจิ คามาดะ (ลาซิโอ)

แต่คนที่ถูกยกให้เป็นสตาร์เบอร์หนึ่งของทีมชุดนี้คงหนีไม่พ้น คาโอรุ มิโตมะ ที่สร้างปรากฏการณ์ในพรีเมียร์ลีกกับ ไบรท์ตัน จนมีโอกาสย้ายไปเล่นกับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ในอนาคต

มิโตมะ ไม่เพียงมีอิทธิพลต่อผลงานในสนามเท่านั้น แต่ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นให้เดินทางมายัง ไบรท์ตัน เพื่อดูเขาลงเล่นที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เรียกได้ว่า ไบรท์ตัน ได้ประโยชน์จาก มิโตมะ ทั้งขึ้นทั้งร่อง

Mundo Deportivo เขียนถึงประเด็นของ มิโตมะ ว่า "ในเกมพรีเมียร์ลีก เราจะเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นในเมืองไบรท์ตัน มันไม่ใช่ว่าไบรท์ตันกลายเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิต แต่พวกเขามาเพราะฟุตบอลและมีนักเตะขวัญใจอยู่ที่นั่น"

"และเมื่อดูผลงานของ มิโตมะ ในช่วงที่ผ่านมา มันจะไม่น่าแปลกใจหากเราจะได้เห็นธงชาติญี่ปุ่นถูกโบกสะบัดที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม มากขึ้น ความโด่งดังของ คาโอรุ มิโตมะ คือเหตุผลที่ชาวเอเชียนเดินทางมาอังกฤษ เขาได้ลงตัวจริง ยิงประตู และกลายเป็นตัวรุกที่ดีที่สุดของหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดในยุโรป"

"มิโตมะพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างน่าทึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มูลค่าของเขาเพิ่มขึ้นมาถึง 3 เท่า เขาคือตัวหลักของทีมชาติญี่ปุ่นชุดถล่มเยอรมัน และได้เข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมของพรีเมียร์ลีก ผลงานบ่งบอกถึงคุณภาพของเขา"

"ยิ่งถ้าเขาได้รางวัลนักเตะประจำเดือน มันจะเป็นสัญญาณที่ดีมากของนักเตะญี่ปุ่น อิทธิพลทางด้านการตลาดของเขาก็สูงมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด มิโตมะ คือตัวแทนที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของฟุตบอลญี่ปุ่นในยุครุ่งเรืองได้ดีที่สุด"

บทความที่เกี่ยวข้อง :

คาโอรุ มิโตมะ : ว่าที่นักเตะเอเชียคนแรก ที่มีค่าตัวแตะ 100 ล้านปอนด์ ?

กำเนิดเทพมหา'ลัย : อังเก้ เล่าประสบการณ์ไม่รู้ลืม ตอนดวล มิโตมะ ครั้งแรกในเจลีก

จบ ป.ตรี เงินเดือน 3 ล้าน : วิชาลับในรั้วมหา'ลัยของ คาโอรุ มิโตมะ

ไม่ใช่แค่ธีสิสเลี้ยงบอล : เมื่อวิทยาศาสตร์การกีฬาทำให้ “มิโตมะ” แข็งแกร่งในพรีเมียร์ลีก

ถอดรหัสประตูมหัศจรรย์ : เปิดตำราเลี้ยงบอล มิโตมะ ที่ฉีกคู่แข่งเป็นชิ้น ๆ

ฟังจากปากมิโตมะ : ความท้าทายที่รอ ศุภณัฏฐ์ อยู่ในลีกเบลเยี่ยม

อ้างอิง :

https://www.goal.com/jp/ニュース/kaoru-mitoma-japan-brighton-20230914/bltf7de04d351dd1e21

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด