สื่อญี่ปุ่นมองความพร้อมทีมอย่างไร? ก่อนเกมชน 'อิหร่าน' เย็นนี้

By ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

21 พ.ย. 2024 , 04:30น.

ชาติเต็งแชมป์เอเชียอย่าง ‘ทีมชาติญี่ปุ่น’ มีคิวลงทำศึกนัดสำคัญรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก เอเชียน คัพ ชนกับ ทีมชาติอิหร่าน ที่ถูกจัดอันดับ ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง อยู่ที่ 21 ของโลก เป็นรองทัพ ซามูไร บลู ทีมที่มีอันดับสูงสุดในทวีปเอเชียในอันดับที่ 17 เพียงแค่ 4 อันดับ ซึ่งเกมนี้แทบไม่ต่างกับการแย่งชิงการเป็นชาติเบอร์หนึ่งของทวีปเอเชียตัวจริง ที่จะลงตัดสินกันในช่วงเย็นวันนี้เวลา 18.30 นาฬิกา

ก่อนจะกรุยทางมาถึงเกมนัดนี้ ฮาจิเมะ โมริยาสุ เพิ่งจะฉลองชัยชนะรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยการถล่มเอาชนะ ทีมชาติบาห์เรน มาได้แบบนิ่มๆ ด้วยสกอร์ 3-1 แต่มวลความสุขยังอบอวลไม่ทันไร ข่าวร้ายก็พุ่งชนพวกเขาแบบไม่ให้ทันตั้งตัวจากปัญหาความประพฤติที่ไม่เหมาะไม่ควรของผู้เล่นตัวหลักในทีมอย่าง จุนยะ อิโตะ ที่ไปก่อเรื่องอื้อฉาวเอาไว้ แล้วลงเอยด้วยการถูกถอดชื่อออกไปจากทีมแบบทันทีทันใด

ยิ่งไปกว่านั้นสภาพทีมของ โมริยาสุ ในมือนั้นก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเต็มร้อย ตัวหลักหลายรายที่เรียกมาใช้งานในทัวร์นาเมนต์นี้อย่าง คาโอรุ มิโตมะ, เรโอะ ฮาตาเตะ และ โก อิตาคุระ ล้วนมีอาการบาดเจ็บติดตัวมาแต่ต้น หรือเจอปัญหาสภาพร่างกายเล่นงานระหว่างทาง

ปัญหาทั้งหมดนี้สื่อในประเทศญี่ปุ่นกำลังเดาทางว่า โมริยาสุ เฮดโค้ชคนเก่งของพวกเขาจะแก้ยังไง? คำบอกใบ้จากบทสัมภาษณ์บวกกับการวิเคราะห์จะออกมาเป็นแบบไหน? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เปลี่ยนทีมเท่าที่จำเป็น

การให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของทีมชาติญี่ปุ่น ก่อนที่จะลงดวลแข้งกับ ทีมชาติอิหร่าน หัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่าง โมริยาสุ ที่ถูกมองว่าจะพาทีมไปถึงแชมป์ได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ ก่อนจะเจอปัญหาเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัว ได้พูดถึงการเตรียมความพร้อมของเขาเอาไว้ว่า

“ผมกำลังคิดถึงการเตรียมการสำหรับเกมต่อไปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อจะทำผลงานออกมาในวันพรุ่งนี้อย่างดีที่สุด”

“แม้ว่าตารางการแข่งขันที่ถูกจัดออกมาจะหนักหนาสาหัสมากเพราะมีเวลาเตรียมตัวแค่สองวัน หลังจากพวกเราเพิ่งเอาชนะ บาห์เรน มาได้ 3-1 ดังนั้นคไงม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ เกิดขึ้นมากนัก”

อย่างไรก็ตามช่วงสองเกมหลัง โมริยาสุ เลือกให้โอกาส เรโอะ ฮาตาเตะ ลงเป็นตัวหลักในแผงกองกลาง แล้วผลงานออกมาได้ดีกับการใช้ระบบ 4-1-4-1 แต่ดาวเตะรายนี้กลับได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อน่องขวาฉีกจากเกมกับ บาห์เรน ไม่น่าฟิตสมบูรณ์ทันลงสนาม ทำให้สื่อแดนปลาดิบวิเคราะห์ว่าเกมนี้มีสิทธิ์สูงที่ทีมจะเปลี่ยนแผนการเล่นมาเป็น 4-2-3-1 พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นให้เหมาะสมวัดกันตามความพร้อม

11 ตัวจริงที่คาดการณ์

แม้ว่าผลงานของ ไซออน ซูซูกิ ผู้รักษาประตูจาก แซงต์-ทรุยด็อง จะเสียประตูไปถึง 6 ลูก จากการลงเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่ง 4 เกมติดต่อกัน แต่โอกาสที่เขาจะได้ลงเล่นต่อเนื่องเป็นเกมที่ 5 นัดชี้ชะตานั้นมีสูง เพราะทางโค้ชอย่าง โมริยาสุ นั้นมีความเชื่อมั่นในตัวเองและลูกทีมสูง ไม่หวั่นไหวกลับกระแสวิจารณ์ใดๆ ง่ายๆ แล้วทำการเปลี่ยนแปลงตามกระแส

ส่วนแผงหลังตำแหน่งแบ็คขวา ยังคงต้องเลือกระหว่าง ยูกินาริ ซูกาวาระ หรือ เซย์ยะ ไมคุมะ ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมกับ อินโดนีเซีย และ บาห์เรน  คู่เซนเตอร์แน่ๆ ว่าตัวยืน คือ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ แนวรับสาระพัดประโยชน์จากสโมสร อาร์เซน่อล แต่ถ้าคู่หูอย่าง โก อิตาคุระ ยังไม่หายเจ็บ โอกาสจะตกเป็นของ โกกิ มาชิดะ ด้านแบ็คซ้ายเป็นตำแหน่งที่เดายากมากเพราะทั้ง ฮิโรกิ อิโตะ และ ยูตะ นากายามะ ทำผลงานอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน หวยจะออกใครเป็นไปได้หมด

แผงกองกลางสองตัวยืนดีกรียุโรปอย่าง วาตารุ เอ็นโดะ และ ฮิเดมาสะ โมริตะ กำลังทำผลงานได้อย่างเข้าฝัก จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไร จากการประสานงานกันได้อย่างลงตัวใน 4 เกมที่ผ่านมา แต่ตัวสอดแทรกอย่าง ไคชู ซาโนะ ก็เป็นตัวอดแทรกที่น่าสนใจและมีสิทธิ์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้เกมตรงกลางสนามกลมกล่อมขึ้น

แนวรุกหลังกองหน้าสามคน ตัวยืนที่ขาดไม่ได้แน่ๆ คือ ทาเคฟุสะ คุโบะ ที่ยืนได้หลากหลายตำแหน่งทั้งปีกสองฝั่งและตัวรุกเบอร์ 10 ส่วนดาวเตะที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักอย่าง เคย์โตะ นากามูระ ก็แทบจะจองพื้นที่ตัวจริงไว้เรียบร้อยทางฝั่งซ้าย เนื่องจากสภาพร่างกายของ มิโตะมะ นั้นเหมาะจะลงเป็นตัวสำรองพลิกเกมมากกว่า ส่วนทางฝั่งขวามีความเป็นไปได้สูงที่จะเลือกใช้ ริตสึ โดอัน แทนที่ของ จุนยะ อิโตะ ที่ถอนตัวออกไป ด้านตัวสอดแทรกคงเป็น ทาคุมิ มินามิโนะ

ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า อายาเสะ อูเอดะ ที่ยิงไป 4 ประตูในสองเกมหลัง นำเป็นดาวซัลโวของทีมอยู่ในตอนนี้ การันตียินตัวจริงด้วยผลงานอยู่แล้ว ยิ่งเล่นยิ่งห้าว ยิงยิงได้ยิ่งมั่นใจ นาทีนี้ใครก็ยากจะหยุดเขาอยู่

สุดท้ายแล้ว ญี่ปุ่น หลังจากที่ โมริยาสุ ปรับเปลี่ยนกลยุทธและวิธีการให้เหมาะสมตามหน้าเสื่อจะออกมาเป็นแบบไหน? เพราะคู่แข่งอย่าง ทีมชาติอิหร่าน ก็ไม่ใช่ ‘หมู’ ให้มาเคี้ยวง่ายๆ หากวัดกันจากผลงานในรายการนี้และที่ผ่านมาบนเวทีใหญ่ๆ ช่วงหลัง

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.soccerdigestweb.com/news/detail2/id=147246