สืบจากประวัติศาสตร์ : เหตุผลที่อาร์เจนตินา ใส่เต็มทุกจังหวะราวกับออกรบ
จบลงไปแล้วกับเกมระดับ 5 ดาว ของนัดชิงฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ระหว่าง อาร์เจนตินาเเละฝรั่งเศส เป็นชัยชนะที่สวยงามของ ลิโอเนล เมสซี่ เเละ ผองเพื่อนชาวอาร์เจนไตน์ ที่สามารถพาทีมเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศส เเละคว้าเเชมป์โลก สมัยที่ 3 ได้สำเร็จ
เป็นค่ำคืนหนึ่งที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของผู้เล่นทั้ง 26 คน เเละรวมไปถึงเหล่าสตาฟฟ์โค้ช ที่ร่วมเเรงร่วมใจกันมาจนประสบความสำเร็จในที่สุด
สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ คือแพสชั่นเเละฟุตบอลเเบบฉบับสไตล์อเมริกาใต้ดั้งเดิม เพราะในทวีปอเมริกาใต้นั้นฟุตบอลเปรียบเสมือนสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจเเละหนทางของการจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ทุกคนต่างพร้อมลงสนามไปและทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ
เล่นเหมือนออกรบ
“เราลงไปเล่นเพื่อเสื้อตัวนี้ก็จริงเเต่เรายังลงไปเล่นเพื่อเขาอีกด้วย” นี้คือประโยค ที่ โรดริโก้ เดอ ปอล พูดไว้หลังจากจบเกมที่เอาชนะโครเอเชียในรอบรองชนะเลิศ ว่านักเตะอาร์เจนตินาเล่นเพื่อทีมชาติเเละเพื่อสานฝันการเป็นเเชมป์โลกของเมสซี่ให้เป็นจริง
เเละมันก็เป็นเเบบนั้นจริงๆในเกมนัดชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศส นักเตะอาร์เจนตินาทุกคนไม่เหมือนกับมาเตะฟุตบอล เเต่เหมือนมาออกรบมากกว่า ทุกคนวิ่งอย่างกับนักรบที่กำลังออกรบฟาดฟันศัตรู พร้อมถวายขาในทุกจังหวะของการเข้าปะทะ ทุกคนเข้าปะทะเหมือนไม่กลัวขาหัก เเถมยังช่วยกันซ้อนเก็บบอลสองได้ดีอีกด้วย เเละถ้ามีเเนวโน้มจะเสียการครอบครองบอลพวกเขาพร้อมที่จะทำฟาวล์หรือเล่นลูกตุกติกเพื่อเบรกจังหวะเกมเสมอ
ทำให้ฝรั่งเศสเล่นกันไม่ออก จับจังหวะของเกมไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ความสุดยอดของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เกมน่าจะจบใน 90 นาทีเเล้วด้วยซ้ำ เเต่ถึงเเม้จะต่อเวลาเเละต้องดวลจุดโทษ ผู้เล่นอาร์เจนตินา ก็ยังคงเล่นเหมือนเดิม ทุกคนช่วยกันเล่น ก้มหน้า ก้มตาวิ่ง แพสชั่นมันส่งออกมาทางภาษากายของนักเตะอาร์เจนตินาจริงๆ จนสามารถเอาชนะการดวลจุดโทษเเละคว้าเเชมป์โลกมาได้สำเร็จ
การได้เเชมป์โลกของอาร์เจนตินาครั้งนี้ ต้องขอบคุณอุบัติเหตุทางฟุตบอลในเกมนัดเปิดสนามของพวกเขาเลยก็ว่าได้ การพ่ายเเพ้ต่อซาอุดิอาระเบียเเบบช็อคโลก เหมือนเป็นการเตือนสติพวกเขา ให้กลับมาสู่ความเป็นจริง
ก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น อาร์เจนตินา ถูกสื่อมองว่าพวกเขามีศักยภาพมากพอที่จะคว้าเเชมป์ได้ โดยถูกวางให้เป็น เต็ง 4 ของรายการ เเละพวกเขาก็มองตัวเองเเละเชื่อมั่นเเบบนั้นเช่นเดียวกัน มันทำให้เกมเเรกของพวกเขาที่เจอกับซาอุดิอาระเบียนั้น พวกเขาลงไปเล่นฟุตบอลเเบบออกเเนวซูเปอร์สตาร์มากกว่า จังหวะปะทะเเละการวิ่ง ดูไม่ดีเท่าที่ควร ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือในเกมนัดแรกผู้เล่นของ อาร์เจนตินา วิ่งรวมกันทั้งทีมน้อยกว่าผู้เล่น ซาอุดิอาระเบีย ถึง 10 กิโลเมตร เเละนั่นส่งผลถึงความพ่ายเเพ้อย่างที่เราทราบกัน
การแพ้นัดเปิดสนามกับทีมรองบ่อนอย่าง ซาอุดิอาระเบีย มันทำให้พวกเขาได้สติกันขึ้นมาทันที นักเตะอาร์เจนตินาถอดออร่าความเป็นซูเปอร์สตาร์ออกเเละกลับสู่วิถีดั้งเดิมของฟุตบอลเเบบฉบับอเมริกาใต้ … คือลงสนามไปและเล่นให้เหมือนนัดนี้คือนัดสุดท้ายของชีวิต จงทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะของทีม เเละวิธีการนั้นเองที่พาพวกเขาตะลุยมาจนได้เเชมป์โลกในที่สุด
ทำทุกอย่างเพื่อเป็นผู้ชนะ
เราทราบกันดีอยู่เเล้วว่านักเตะอเมริกาใต้ส่วนใหญ่เติบโตมากับฟุตบอลข้างถนน ซึ่งไม่ได้มีกฎกติกาเเละกรรมการมาคอยตัดสิน ทำให้การโดนเตะหรือเล่นลูกตุกติก คือ เรื่องปกติสำหรับฟุตบอลในเเบบฉบับของพวกเขา
ทำให้นิสัยการเอาชนะเหล่านี้ติดตัวมาตั้งเเต่เด็กๆ พวกเขาพร้อมที่จะเล่นสกปรก มีลูกตุกติกหรือนอกกติกาอยู่บ่อย ๆ หากมีโอกาส เราเลยมักจะได้เห็นนักเตะอเมริกาใต้ทำอะไรแปลกๆ เพื่อเหตุผลง่ายๆข้อเดียวเลยคือ “เพื่อชัยชนะของทีม”
ถ้าทุกคนยังจำกันได้ ในฟุตบอลโลก 2002 เราเคยเห็นความเจ้าเล่ห์จากนักเตะอเมริกาใต้มาเเล้วครั้งหนึ่ง ในเกมรอบเเบ่งกลุ่มระหว่าง บราซิล กับ ตุรกี ที่ ริวัลโด้ เเกล้งลงไปนอนเจ็บหน้าเพื่อให้ผู้ตัดสินไล่นักเตะตุรกีออก
ริวัลโด้ เพลย์เมกเกอร์ชาวบราซิลกำลังยืนรอเล่นลูกเตะมุมอยู่ที่มุมธง ฮาคาน อุนซาล เตะบอลไปโดนหน้าขาของริวัลโด้ เเต่ ริวัลโด้ เเกล้งเล่นละครลงไปนอนกับพื้น กลิ้งไปกลิ้งมา เเละกุมไปที่ใบหน้าตัวเอง จนผู้ตัดสินเดินมาเเละควักใบเหลืองใบที่สองเป็นใบเเดงไล่ ฮาคาน อุนซัล ออกจากสนามไป
หรือในปี 2010 เกมรอบแปดทีมสุดท้ายระหว่าง อุรุกวัยกับกาน่า ที่กลายเป็นหนึ่งในเกมตำนานสุดคลาสสิคของฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เพราะจังหวะบินเซฟสุดสวยของ หลุยส์ ซัวเรซ นั่นเอง
เเมตช์ในวันนั้น จบเกม 90 นาที สกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 1-1 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษเเละเกมดำเนินมาถึง นาทีที่ 120 กาน่าได้ฟรีคิกบริเวณนอกกรอบเขตโทษได้โอกาสเปิดเข้าไปลุ้นจังหวะสุดท้าย เปิดเข้ามาบอลขลุกขลิกกันอยู่หน้าประตู ผู้เล่นกาน่าจิ้มบอลผ่านมือผู้รักษาประตูของอุรุกวัย อย่าง เฟอร์นันโด มุสเซร่า ไปแล้ว เเต่เป็น หลุยส์ ซัวเรซ ที่ใช้เข่าสกัดออกมาจากเส้น ก่อนที่ โดมินิค อดิยาห์ ผู้เล่นของกาน่าจะกระโดดโหม่งซ้ำบอลผ่านทุกคนไปทำท่าจะเข้าอยู่เเล้ว
เเต่เป็น ซัวเรซ คนเดิม ที่ไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ สวมบทฮีโร่บินกระโดดปัดบอลออกมาจากบนเส้นด้วยมือของเขาอย่างกับเป็นผู้รักษาประตู ทำให้ผู้ตัดสินเป่าฟาวล์ ไล่ ซัวเรซ ออกนอกสนามเเละให้จุดโทษกับกาน่า
อาซาโมอาห์ กียาน รับหน้าที่สังหารจุดโทษเพื่อส่งกาน่าเข้ารอบรองชนะเลิศ เเต่เจ้าตัวอาจจะเกร็งเกินไปหรือยังไงไม่รู้ดันยิงไปชนคานออกหลังไป กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ต้องไปตัดสินกันที่การดวลจุดโทษ เเละเป็นอุรุกวัย ที่ชนะในการดวลจุดโทษไป 4-2 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ เรียกได้ว่า เป็นใบเเดงที่คุ้มที่สุดในชีวิตของหลุยส์ ซัวเรซเลย
“ตอนนี้ฉายาหัตถ์พระเจ้าได้กลายเป็นของผมเเล้ว ผมพึ่งโชว์เซฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทัวร์นาเมนต์ไป” ซัวเรซ ให้สัมภาษณ์หลังเกมด้วยความภาคภูมิใจที่เล่นนอกกติกา
“มันน่าเสียดายที่เราจะไม่มีหลุยส์ในรอบรองชนะเลิศ เเต่ต้องยอมรับเลยว่า เขาเซฟได้ยอดเยี่ยมจริงๆ” ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ให้สัมภาษณ์เเซวเพื่อนร่วมทีมหลังเกม
เเละยังมีอีกมากมายนับครั้งไม่ถ้วนที่เราไม่ได้กล่าวถึง เเต่เหตุการณ์ข้างต้นถือเป็นการช่วยตอกย้ำให้พวกเราได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นว่า เหล่านักเตะอเมริกาใต้พร้อมทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะยิ่งโดยเฉพาะกับทีมชาติ เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าฟุตบอลเป็นเเค่กีฬา เเต่เพราะฟุตบอลคือชีวิตพวกเขา
เพราะฟุตบอลคือชีวิต
นักเตะอเมริกาใต้ส่วนใหญ่ชีวิตในวัยเด็กของพวกเขาไม่ได้หรูหราอะไร ส่วนใหญ่นั้นเกิดจากกลุ่มชนชั้นล่างของประเทศ ใช้ชีวิตและเติบโตในพื้นที่เสื่อมโทรม รายล้อมไปด้วยเเก๊งค้ายาเเละบรรยากาศที่ไม่เหมาะเเก่การเติบโตสักเท่าไหร่
ฟุตบอลเลยกลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจในการมีชีวิตที่ดีเเละไม่หันเหเข้าหายาเสพติดของเยาวชนเเละเป็นโอกาสในการเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ เพราะว่าฟุตบอลคือกีฬาที่มีผลตอบเเทนมหาศาลสำหรับนักกีฬาระดับอาชีพ ทั้งค่าเหนื่อย ค่าตัว ค่าสปอนเซอร์ต่างๆ
ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นกีฬายอดฮิตของประเทศในทวีปนี้ เด็กส่วนใหญ่ชอบเตะฟุตบอลเเละใฝ่ฝันในการจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพมีเงินก้อนโตจากการทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
เเละที่สำคัญที่สุด คือการได้ลงเล่นกับทีมชาติในฟุตบอลโลก เพราะการได้ลงเล่นให้ทีมชาติเปรียบเสมือนว่าพวกเขาคือดาราดังของประเทศ ถือเกียรติเเก่นามสกุลที่อยู่บนหลังของพวกเขาอีกด้วย
“มันเหมือนราวกับว่ามีการเเข่งขันซูเปอร์โบวล์ในทุกๆวัน เป็นเวลาหนึ่งเดือน” เเฟนบอลชาวอเมริกาที่อาศัยในอเมริกาใต้บรรยายบรรยากาศช่วงที่ทีมชาติไปเข้าเเข่งขันฟุตบอลโลก
“ถ้าทีมชาติของคุณลงเเข่ง ทุกอย่างจะหยุดไปหมดเลย ร้านค้าจะปิด โรงเรียนจะหยุด รถจะไม่ติด ถนนจะเงียบ” เขากล่าวเพิ่มเติม
เชื่อไหมว่า เวลาที่ทีมชาติลงเเข่ง บางประเทศในทวีปนี้ถึงกับหยุดเรียน ยกเลิกคลาส เพื่อให้นักเรียนเเละนักศึกษาได้ดูทีมชาติของพวกเขาลงเล่นเลยทีเดียว หรือถ้าเป็นที่โคลัมเบีย คุณไม่ต้องนั่งดูเกม คุณก็พอจะทราบสกอร์ได้ เพราะทุกครั้งที่ทีมชาติยิงเข้า ผู้คนจะพากันบีบเเตรรถบนท้องถนนเพื่อฉลองที่ทีมยิงประตูได้ คือเรียกได้ว่าบ้าฟุตบอลเข้าเส้น
เเละอีกสิ่งที่จะบ่งบอกว่าฟุตบอลคือชีวิตของชาวอเมริกาใต้ได้ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็น โฆษณาของพวกเขา ที่ต่างเอาฟุตบอลกับชีวิตมาเชื่อมโยงกันได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะที่อาร์เจนตินา
โฆษณาโค้กในปี 2014 ของประเทศอาร์เจนตินา เปรียบเทียบชีวิตกับการลงเเข่งฟุตบอลให้กับทีมชาติอาร์เจนตินาได้น่าสนใจมากๆ พวกเขาบอกว่าการใช้ชีวิตก็เหมือนกับการลงเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินา
“ชีวิตคนเรานั้นคล้ายกับการลงเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินามากๆ” เริ่มโฆษณาด้วยภาพการเกิดของเด็กคนหนึ่งเเละการวิ่งลงสนามของทีมชาติอาร์เจนตินา
“เราก้าวลงสนามเเละถูกโอบล้อมไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์ เรามีนามสกุลของเราที่กลางหลัง เราดื่มน้ำจากขวดเช่นเดียวกันกับที่ดื่มนมเเม่ เรากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เเละเราไม่เคยหยุดอยู่กับที่”
“ในช่วง 15 นาทีเเรกนั้น เต็มไปด้วยอารมณ์เเละการวางแผนอนาคต เราอยากจะพิชิตโลกใบนี้ เเละเราเริ่มเข้าใกล้สู่ช่วงนาทีที่ 30 เรานึกได้ว่าเราต้องฉวยโอกาสจากจังหวะเหล่านั้น เพื่อที่จะไปถึงช่วงที่นาทีที่ 45 อย่างสวยงามเเละเอ็นจอยกับช่วงเวลาพัก”
“ในช่วงครึ่งหลังนั้นเป็นช่วงที่เราเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เราเริ่มเห็นภาพชัดเจนถึงวิธีการเอาชนะในเเมตช์นี้ เวลาไหนควรผ่อนเเละเวลาไหนควรที่จะกัดฟันสู้”
“ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย เราเริ่มมองไปที่นาฬิกาบ่อยๆ เพราะขาเราเริ่มสั่นเเละไม่เหมือนเดิม เเต่ใจเรายังสู้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
“เพราะชีวิตก็เหมือนกับการลงเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินา มีเเพ้ มีชนะ เเต่ที่สำคัญที่สุดคือ เราทุ่มทุกอย่างที่มีไว้บนสนาม” เเละขึ้นเเบนเนอร์ปิดท้ายด้วยว่า อาร์เจนตินาคุณคือชีวิตของผม พวกเขาเอานาทีในสนามมาเปรียบเทียบกับอายุของมนุษย์เราได้เห็นภาพมากๆ
หรือไม่ว่าจะเป็นโฆษณาของช่อง ทีวายซี สปอร์ต ของอาร์เจนตินา เอาฟุตบอลทีมชาติไปเชื่อมกับศาสนาได้น่าสนใจมากอีกเช่นกัน ด้วยความที่อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ นิกาย คาทอลิก ช่องทีวายซีจึงตัดต่อเอาคำพูดของพระสันตะปาปามาใส่กับภาพของทีมชาติอาร์เจนตินา เพื่อซัพพอร์ททีมชาติอาร์เจนตินาเเละโฆษณาการถ่ายทอดสดบอลโลก 2014 ที่บราซิล ของช่องตัวเอง
ถึงเเม้ไม่ใช่ชาวอาร์เจนตินา เเต่ถ้าใครได้ดูทั้งสองโฆษณารับรองว่ายังไงก็ต้องรู้สึกฮึกเหิม มีกำลังใจอย่างเเน่นอน เพราะซาวด์เเละวิธีการตัดต่อมันกระตุ้นอารมณ์ของเราเหลือเกิน … ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นคนอาร์เจนตินาจะอินขนาดไหน ?
โฆษณาเหล่านี้มันบ่งบอกเราได้ว่าฟุตบอลมีอิทธิพลต่อคนอาร์เจนตินามากเเค่ไหน เเละคนอาร์เจนตินาให้ความสำคัญกับฟุตบอลขนาดไหน รวมไปถึงเหล่านักฟุตบอลเองด้วย
ถ้าเราสังเกตดีๆนักฟุตบอลอาร์เจนตินาชุดนี้มีรอยสักที่หลากหลาย เเต่สิ่งที่คล้ายกันคือ ทุกคนมักจะสักเรื่องราวเกี่ยวกับฟุตบอลควบคู่ไปกับเรื่องราวของพระเจ้าไว้บนร่างกายของตัวเอง เปรียบเสมือนว่านี้คือสองสิ่งที่พวกเขาศรัทธาเเละเชื่อมั่นในการดำเนินชีวิต พวกเขายกเอาฟุตบอลให้อยู่ในระดับเดียวกับพระเจ้าเลยด้วยซ้ำ
สุดท้ายเเล้วในวันที่ทุกอย่างมันเสมอกัน สิ่งที่ตัดสินผลเเพ้ชนะ คือ สภาพจิตใจเเละความกระหายในชัยชนะ เเละเป็นอาร์เจนตินาที่ทำได้ดีกว่า คว้าเเชมป์ไปในที่สุด
ความสำเร็จในการเป็นเเชมป์โลกของอาร์เจนตินาในครั้งนี้ช่วยยืนยันให้พวกเราได้เห็นว่า การจะไปถึงตำเเหน่งที่หนึ่งของโลกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น อย่างน้อยคุณสมบัติข้อหนึ่งที่คุณควรมีเเล้วก็คือ ความหลงใหลในระดับที่เข้าเส้น ให้มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ กิน อยู่ เเละ เติบโต เพื่อมัน…
คุณอาจจะไม่สามารถเอาชนะได้ในทุก ๆ การแข่งขัน แต่การทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมี จะช่วยให้โอกาสในการเป็นผู้ชนะของคุณเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง