สืบทอดตำนานตระกูล ‘เบิร์น’ ลูกชาย ‘ไมเคิล เบิร์น’ เข้าสังกัด ชลบุรี เอฟซี ตามรอยพ่อ

สืบทอดตำนานตระกูล ‘เบิร์น’ ลูกชาย ‘ไมเคิล เบิร์น’ เข้าสังกัด ชลบุรี เอฟซี ตามรอยพ่อ
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

ไมเคิล เบิร์น คือ หนึ่งในตำนานราชาไร้มงกุฎบนเวที ไทย ลีก เคยผ่านการเล่นกับสโมสรชั้นนำอย่าง ชลบุรี เอฟซี และ บางกอกกลาส (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด) ทักษะฟุตบอลส่วนตัวของเขา มีจุดเด่นอยู่ที่เบสิคฟุตบอลที่แน่นปึ้ก บวกกับลูกยิงอันหนักหน่วงทั้งระยะใกล้และไกล

แม้ว่าทุกวันนี้ ไมเคิล จะแขวนสตั๊ดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ ณ ปัจจุบันเขาได้มอบไม้ต่อให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง ‘ลูคัส’ ซึ่งเติบโตมาในเส้นทางสายลูกหนังเช่นเดียวกัน โดยเพิ่งจะเข้าสังกัดเดิมของคุณพ่ออย่าง ‘ฉลามชล’ แล้วได้ลงเล่นโชว์ฝีเท้าไปแล้วในบางทัวร์นาเมนต์

เรื่องราวของ ลูคัส กับจุดเริ่มต้นของเขาเป็นอย่างไร? ความคาดหวังจากคุณพ่ออย่าง ไมเคิล เป็นไปในทิศทางไหน? คำแนะนำในฐานะพ่อและนักเตะรุ่นพี่สู่ลูกชายจะเป็นเช่นไร? ติดตามไปพร้อมกับบทสัมภาษณ์พิเศษ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เส้นทางยังอีกยาวไกล

ไมเคิล เล่าเรื่องราวของลูกชาย ลูคัส เอาไว้ว่าเป็นคนที่ชื่นชอบฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ในเวลานี้ยังเป็นนักเตะระดับเยาวชนอยู่ ยังเหลือเส้นทางอีกยาวไกลกว่าจะไปถึงระดับการเป็น ‘นักฟุตบอลอาชีพ’ ซึ่งตอนนี้ตัวของพ่อไม่ได้คาดหวังให้ลูกชายมองไกลถึงระดับการออกไปเล่นลีกต่างประเทศ ขอเริ่มต้นกับ ไทย ลีก ก่อน จึงเป็นที่มาของการลงเอยกับ ‘ฉลามชล’ ประกอบกับภาระหน้าที่การงานของพ่อที่อยู่เมืองไทยแล้วเข้าที่เข้าทางกว่า

อดีตดาวยิง ฉลามชล วัย 38 ปี ไม่เคยคาดหวังให้ลูกชาย ต้องเดินทางตามรอยเท้าของเขา ขอให้มีความสุขในการใช้ชีวิตก็เพียงพอ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพเป็น ‘หมอ’ หรือจะเป็น ‘นักฟุตบอลอาชีพ’ หน้าที่ของพ่ออย่างเขาก็ต้องสนับสนุนและให้กำลังใจลูกไปจนสุดทาง

สิ่งที่ ไมเคิล มองว่า ลูคัส อาจโชคดีกว่าเยาวชนคนอื่นๆ คือ การที่มีพ่อที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพ คอยแนะแนวทางให้ แต่ไม่เคยสร้างแรงกดดันให้กับลูกชาย ปล่อยให้ตัดสินใจและเลือกตามอิสระ แล้วเติบโตไปแบบที่ควรจะเป็นตามแนวทางที่เลือก การสวมใส่เสื้อหมายเลข 23 เหมือนพ่อ เปรียบเสมือนการสื่อว่าได้รับแรงบันดาลใจมาเท่านั้น

โดยทาง ไมเคิล ที่เห็นลูกชายได้ลงเล่นฟุตบอลและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ได้แชร์ความรู้สึกของเขาเอาไว้ว่า

'สุรัตน์' ลาฉลามชล 'ซิโก้' ชู 'เบิร์น' ทดแทนได้
Photo : GOAL Thaiand

“ทุกครั้งที่ผมเห็น ลูคัส ลงสนาม ไม่ว่าจะเป็นเกมไหน? ทัวร์นาเมนต์อะไร? ก็ตาม ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจและมีความสุขเสมอ ความรู้สึกพิเศษที่เชื่อมโยงผมกับเขาเข้าด้วยกัน คือ หมายเลขเสื้อที่เขาเลือกสวมใส่”

“ผมไม่เคยกดดัน ลูคัส ให้ทำผลงานได้แบบเดียวกับผม หรือต้องก้าวข้ามผมไปให้ได้ แต่สิ่งเดียวที่ผมคาดหวัง คือ ขอให้เขามีความสนุกกับการผจญภัยของเขา มีความสุขและรักในสิ่งที่ทำก็เพียงพอแล้ว”

ตำแหน่งการเล่นของ ลูคัส เป็นตำแหน่งกองหน้าเช่นเดียวกับ ไมเคิล มีจุดเด่นอยู่ที่ความเร็ว, ความดุดัน, การวิ่งเพรสซิ่งแบบไม่มีหมด และ เป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ย้อนรอยตำนานไทยลีก : ไมเคิล เบิร์น ราชาไร้บัลลังก์ | Goal.com ภาษาไทย
Photo : GOAL Thaiand

สิ่งที่อยากบอกลูก

แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไป ลูคัส ต้องเติบโตไปตามเส้นทางของเขา ซึ่งอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ นาๆ ที่พุ่งเข้ามาท้าทาย โดยคำแนะนำจาก ไมเคิล ทั้งในฐานะพ่อและนักเตะอาชีพรุ่นพี่ อยากฝากบอกเอาไว้แค่ว่า

“จงมุ่งมั่นทำงานหนักต่อไป มีความสุขกับการเติบโตไปตามระบบที่เหมาะสม การจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพต้องเสียสละในหลายๆ เรื่องเพื่อทำฝันให้เป็นจริง”

“จงรับฟังทุกคำสอนจากโค้ชทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม แล้วนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสม ที่สำคัญที่สุด คือ จงรักในสิ่งที่ตัวเองทำ”

แม้ว่า ลูคัส เพิ่งจะก้าวสู่วงการฟุตบอลไทยอย่างเต็มตัว แต่ก่อนหน้านี้เคยผ่านการออกไปเล่นทัวร์นาเมนต์นอกประเทศอย่าง Asiana Cup ที่ได้ดวลกับเยาวชนจากสโมสร เอสปันญ่อล จากประเทศสเปนมาแล้ว ซึ่งเชื่อว่าประสบการณ์ต่างๆ จะเป็นประโยชน์ต่อการค้าแข้งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การสัมภาษณ์ออนไลน์
แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ