ตอบทุกคำถาม ‘โปลิศ เทโร’ ยุคร่วมทุน ‘ราชวงศ์กัมพูชา’ มีแนวทางทำทีมอย่างไร ?

ตอบทุกคำถาม ‘โปลิศ เทโร’ ยุคร่วมทุน ‘ราชวงศ์กัมพูชา’ มีแนวทางทำทีมอย่างไร ?
ชยันธร ใจมูล

หลังจากที่ โปลิศ เทโร อดีตยักษ์ใหญ่ในศึก ไทย ลีก ได้มีการประกาศแถลงข่าวร่วมทุนอย่างเป็นทางการกับราชวงศ์จากประเทศกัมพูชา นำโดย พระองค์เจ้านโรดม อัมฤทธิวงศ์ , สมเด็จพระนโรดม นรินทรพงษ์ และ เจ้าชายนโรดม รวิจักร์ ซึ่งทางฝั่งของตัวแทนจากประเทศไทยก็มีประธานสโมสรอย่าง ไบรอัน และ นฬาพร ไชยนิน รองประธานสโมสร

แน่นอนว่าแฟนบอลของ โปลิศ เทโร ย่อมต้องคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับทีมต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทีมว่ามีเป้าหมายอย่างไร? การเสริมทัพในอนาคตข้างหน้า? สโมสรจะมีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งหรือไม่? ตัวแทนจากประเทศกัมพูชามองให้ความสำคัญกับฐานแฟนบอลทีมแค่ไหน? รวมไปถึงอนาคตของเจ้าชาย ‘มัตเตโอ นโรดม’ เชื้อพระวงศ์ซึ่งมาร่วมซ้อมกับสโมสรมาก่อนหน้านี้เป็นหลักเดือนได้แล้ว

ไม่มีคำอธิบาย

ทุกประเด็นที่เป็นคำถามคาใจ เจ้าชายนโรดม อัมฤทธิวงศ์ ได้ให้คำตอบออกมาเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่พูดได้และไม่มีผลกระทบต่อผู้บริหารทางฝั่งไทย นับว่าเขาเผยความในใจออกมาท่ามกลางวงล้อมผู้สื่อข่าวอย่างหมดเปลือก ไม่มีกั๊ก ซึ่งคำตอบเหล่านั้นจะออกมาในทิศทางไหน ร่วมติดตามได้ในบทสัมภาษณ์พิเศษจาก Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เป้าหมายในการเข้ามาร่วมทุน

ราชวงศ์จากประเทศกัมพูชา ที่เข้ามาร่วมทุนกับ โปลิศ เทโร ในครั้งนี้ กำลังมองหาสโมสรที่เหมาะสมจากทั่วโลก ในการเข้าไปร่วมทุนเพื่อหวังจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านดีต่างๆ เพื่อกลับไปพัฒนาฟุตบอลในประเทศกัมพูชา ซึ่งเรื่องของเงินทุนของพวกเขานั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะทาง เจ้าชายนโรดม รวิจักร์ เคยติดต่อขอเทคโอเวอร์สโมสร แซงค์ เอเตียนน์ ในประเทศฝรั่งเศส ด้วยมูลค่าราว 100 ล้านยูโรมาแล้ว

จากวิสัยทัศน์ของตัวแทนจากราชวงศ์ประเทศกัมพูชา มองว่า ไทย ลีก เป็นลีกที่แข็งแกร่ง รวบรวมเอาสโมสรคุณภาพเอาไว้มากมาย มีการแข่งขันที่สูง หากเข้ามาร่วมทุนจะสามารถศึกษาและนำเอาความรู้ต่างๆ ไปพัฒนาฟุตบอลในประเทศบ้านเกิดของพวกเขาได้ต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตามการที่พวกเขาเลือก โปลิศ เทโร เอฟซี เนื่องมาจากสโมสรแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เคยสร้างชื่อเสียงในการเป็นแชมป์ลลีกในประเทศ รวมไปถึงการไปไกลถึงระดับรองแชมป์บอลชิงแชมป์สโมสรในระดับทวีปเอเชียอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว ทุกองค์ประกอบแสดงให้เห็นว่าสโมสรแห่งนี้มีศักยภาพที่จะกลับมายิ่งใหญ่ได้

ไม่มีคำอธิบาย

ซึ่งตัวของ พระองค์เจ้านโรดม อัมฤทธิวงศ์ ก็ได้กล่าวถึงเป้าหมายในการเข้ามาร่วมบริหารทีม จากการร่วมลงทุนกับผู้บริหารของ โปลิศ เทโร เอาไว้ว่า

“โปลิศ เทโร เคยเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่มาตั้งแต่อดีต เลยอยากจะเข้ามาช่วยเป็นพาร์ทเนอร์อีกส่วนหนึ่ง ที่จะพาทีมกลับทวงความยิ่งใหญ่กลับมาสู่สโมสรแห่งนี้ให้ได้ ความหวังคือต้องการพาทีมติดอันดับ 1 ใน 3 ในศึก ไทย ลีก ให้ได้ เพื่อกลับไปเล่นในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก”

“ในส่วนของแฟนๆ พวกเขาเป็นหัวใจของสโมสรฟุตบอลทุกสโมสรบนโลก ไม่มีพวกเขาสโมสรก็อยู่ไม่ได้ พวกเขาจึงสำคัญเสมอ ดังนั้นผมจะพาทีมนี้กลับไปสู่ความยิ่งใหญ่เชื่อว่าถ้าแฟนๆ ให้การสนับสนุนเรา ก้าวไปสู่ยุคใหม่พร้อมๆ กัน พวกเขาจะมีความสุขในการเห็นทีมพัฒนาขึ้นหลังจากนี้แน่นอน”

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

สำหรับการเปลี่ยนแปลงชื่อของสโมสร โปลิศ เทโร ที่แฟนบอลส่วนใหญ่อาจเป็นกังวล ผู้บริหารของทั้งสองประเทศตอบตรงกันว่า ‘ยังไม่ใช่ตอนนี้’ มีความเป็นไปได้ในอนาคต หรือ อาจไม่เปลี่ยนเลยก็ได้ แต่ต้องผ่านระยะเวลา 1-2 ปีแรกไปก่อน ค่อยมองถึงส่วนการพัฒนาทีมระยะที่สองต่อไป

ซึ่งพวกเขาไม่ได้วางแผนไว้กันแบบสั้นๆ แต่วางเอาไว้ในระยะยาว เพื่อการพัฒนาต่อยอดที่ยั่งยืน ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกัน ยังไม่ได้มองถึงการเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็วอะไรทั้งนั้น ขอทำงานกันไปแบบเป็นขั้นเป็นตอนตามกระบวนการที่วางแผนไว้ก่อน

ด้านการเสริมทัพในเลกต่อไป จำเป็นต้องมีการพูดคุยกับตัวเฮดโค้ชอย่าง โค้ชอ้น-รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค อีกทีว่า อยากได้ใครมาเสริมตรงจุดไหนบ้าง? ก่อนจะมาพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการทุ่มทุนตามความเหมาะสม ส่วนเรื่องของมูลค่าการลงทุนในครั้งนี้ขอไม่พูดถึง หากจะมีการเปิดเผย ขอให้ทางผู้บริหารทางฝั่งประเทศไทยเป็นผู้ตอบจะดีกว่า เนื่องจากมองว่าข้อมูลสำคัญทางด้านธุรกิจ

หลานชาย ‘มัตเตโอ นโรดม’ จะได้เล่นหรือไม่?

การบรรลุข้อตกลงระหว่างราชวงศ์กัมพูชา กับสโมสร โปลิศ เทโร แฟนบอลหลายคนอาจมองว่า การที่มีการส่งเจ้าชาย ‘มัตเตโอ นโรดม’ มาร่วมซ้อมกับสโมสรล่วงหน้า มีสิทธิ์เป็นดีล ‘เด็กเส้น’ ที่ถูกทางฝั่งกัมพูชาบังคับให้เซ็นสัญญา หรือ จำเป็นต้องส่งลงเล่น

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน, กำลังเล่นฟุตบอล, กำลังเล่นฟุตบอล และ ข้อความพูดว่า "FRT WE ARE POLFC OLICE TERO FC FBT ভল POLICETERO FC/OFFICIAL"

โดยทาง เจ้าชายนโรดม รวิจักร์ ได้ขอตอบประเด็นนี้อย่างชัดเจนด้วยตัวเองว่า

“ผมรู้ดีว่าสื่อฟุตบอลที่นี่มีการนำเสนอประเด็นของ มัตเตโอ หลานชายของผมเยอะพอสมควร ซึ่งผมมองว่า การพาหลานมาเล่นในสโมสร โปลิศ เทโร เป็นเรื่องปกติทั่วไป ที่มีการพูดคุยกับสมาคมฟุตบอลประเทศกัมพูชาแล้ว เนื่องจากมองเห็นว่าเป็นการส่งนักเตะมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในลีกที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อพัฒนาตัวเอง ก่อนจะนำเอาความรู้และประสบการณ์ต่างๆ กลับไปพัฒนาฟุตบอลในบ้านเกิด”

“ซึ่งเอาจริงๆ แล้วจะส่งไปเล่นสโมสรใหญ่ๆ ในประเทศกัมพูชาทีมไหนก็ได้ แต่เมื่อมองดูแล้วนี่เป็นหนทางและตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะส่งเขามาเล่นกับ โปลิศ เทโร สโมสรใหญ้ในลีกที่มีความเข้มข้นสูงกว่าในกัมพูชา แล้วตัวของนักเตะเองก็ย่อมอยากจะพัฒนาฝีเท้าอยู่แล้วจึงเป็นเรื่องที่ดีในองค์รวม”

อาจเป็นรูปภาพของ 4 คน, ผู้คนกำลังเล่นฟุตบอล, ผู้คนกำลังเล่นฟุตบอล และ ข้อความ

“ตัวผมยืนยันได้ว่าไม่ได้ปิดโอกาสนักเตะคนอื่นๆ ในย่านอาเซียน มัตเตโอ ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเหมือนกับนักเตะอาชีพทั่วไป ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษ จะได้เล่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับโค้ช แต่ผมรู้ศักยภาพของหลานเราดีว่ามีมากแค่ไหน? เพราะตัวผมเองก็เคยเป็นนักฟุตบอลทีมชาติมาก่อน ครอบครัวของเราข้องเกี่ยวกับวงการกีฬาอยู่เสมอในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน”

นอกจากนี้ พระองค์เจ้านโรดม อัมฤทธิวงศ์ ได้ยกตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเอาไว้ว่า ตอนที่ตัวเขาได้เล่นฟุตบอลให้กับทีมชาติกัมพูชา ไม่ใช่เพราะเขาเป็นราชวงศ์ เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มีการแข่งขันสูง ผลิตนักเตะดีๆ มามากมาย หลังจากนั้นผมก็ได้ไปเล่นในอเมริกาและมาเลเซีย จนมีดีกรีไต่เต้าไปถึงการเป็นตัวแทนทีมชาติ แล้วเคยมาเล่นในศึก ซีเกมส์ ปี 1995 ที่ประเทศไทยมาแล้ว

ดังนั้นเขาย่อมรู้ว่าประสบการณ์ของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพนั้นได้มายังไง? มัตเตโอ ก็เคยมีประสบการณ์ในฝรั่งเศสเช่นกัน นี่ก็อยู่ในแผนการพัฒนาสโมสรไปอีกระดับด้วย เพราะทางผู้บริหารฝั่งกัมพูชา พร้อมจะมองหานักเตะชาวกัมพูชาที่มีศักยภาพฝีเท้าดีพอ มาเล่นกับ โปลิศ เทโร ก่อนจะนำความรู้ความสามารถกลับไปพัฒนาวงการฟุตบอลในบ้านเกิด

อาจเป็นรูปภาพของ 6 คน และ ข้อความ
Photo : เพจ มาดามอ้อ พาลุย

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่ได้มองแค่การยกระดับฟุตบอลกัมพูชาเพียงอย่างเดียว แต่มองไปถึงการพัฒนาวงการฟุตบอลอาเซียนทั้งแถบ พร้อมเปิดโอกาสให้นักเตะจากชาติต่างๆ มาค้าแข้งกับ โปลิศ เทโร ได้หมด ในกรณีที่ฝีเท้านั้นเป็นของจริง ซึ่งในระยะยาวมันจะช่วยให้ฟุตบอลในย่านนี้แข็งแกร่ง สามารถต่อกรกับชาติอื่นๆ ในระดับเอเชียได้ต่อไป

ส่วนสัญญาอาชีพของ มัตเตโอ นโรดม กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการ หากขั้นตอนต่างๆ เสร็จทันเวลา อาจได้ลงทะเบียนเป็นนักเตะของ โปลิศ เทโร ในเลกที่สองนี้เลย แต่ถ้าไม่ทันก็อาจเป็นฤดูกาลหน้า แต่ในส่วนของการจะได้ลงเล่นหรือไม่? ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ โค้ชอ้น ที่กำลังดูแลปลุกปั้นลูกทีมรายนี้เป็นพิเศษอยู่

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การสัมภาษณ์รวมในงานแถลงข่าว

เรื่องที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ

สอบผ่านฉลุย : โค้ชอูราวะ ประเมินผลงาน เอกนิษฐ์ ในเกมเจลีกนัดล่าสุด

เงียบหายหมายความว่า ? : เผยสถานการณ์ของ ศุภณัฎฐ์ ใน ลูเวิน ตอนนี้

Road To Paris : เปิดปัญหาทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิกสรุปเน้น-ไม่เน้น?

แชร์บทความนี้
หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ